รายงานพิเศษจากผู้สื่อข่าว MGR Sport - ความพ่ายแพ้ของ อำนาจ รื่นเริง ต่อนักมวยมองโกเลีย เซอร์ดัมบา ปูเรฟดอร์จ 2-5 หมัด ได้กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ พล.อ.ทวีป จันทรโรจน์ นายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่นของไทยในโอลิมปิกครั้งนี้ เกิดอาการฟิวส์ขาด ให้สัมภาษณ์สดผ่านรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” รายการเล่าข่าวชื่อดังทางช่อง 3 นั้น นับเป็นการโยนระเบิดลูกใหญ่เข้าสู่วงการกีฬาไทยที่เกิดแรงกระเพื่อมแรงจากปักกิ่งถึงกรุงเทพฯ
เสธ.วีป เครียดจัดเกินไปจากความผิดหวังผลงานของนักมวยตนเอง หรือมีขบวนการคลื่นใต้น้ำเกิดขึ้นจริง เพื่อหวังแซะ เสธ.ออกจากเก้าอี้นายกสมาคมอันใหญ่โตตัวนี้ ?
บางช่วงบางตอนของการเผยความกดดันภายในนั้น นายกสมาคมมวยฯผู้นี้ได้กล่าวถึงกลุ่มบุคคลที่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ทีมมวยสากลสมัครเล่นไทยเหลือนักมวยอยู่ในสายการแข่งขันเพียงแค่สองรุ่น ว่า “มีคนมาบอกผมว่า มีขบวนการที่จะทำให้ไทยไม่ได้เหรียญเลยในการชกครั้งนี้ ตอนนี้อยู่เมืองจีนคนหนึ่ง และอยู่เมืองไทยสองคน ผมได้ข้อมูลนี้มาตั้งแต่โดฮาเกมส์แล้ว เขาอยากจะเป็นนายกสมาคม พวกเขาจึงพยายามทำทุกวิถีทาง แต่ยังไม่มีหลักฐาน ถ้ามีผมจะนำมาเปิดเผยให้สังคมได้รับรู้ เพราะผมถือว่าพวกนี้เป็นพวกขายชาติ”
สาเหตุที่ทำให้ “ท่านนายพล” ผู้กว้างขวางในวงการมวยสากลสมัครเล่นนานาชาติถึงกับกล้าเอ่ยปาก ว่า มีกลุ่มบุคคลจ้องทำลายส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อที่รับทราบข่าวจากคนสนิทว่ามีคนจ้องจะโค่นตัวเองลงจากสมาคม ขณะเดียวกัน ผลการตัดสินที่น่ากังขาก็ได้กลายเป็นการกระตุ้นเชื้อ ในการให้สัมภาษณ์ราว 20 นาทีของ เสธ.วีป ต่อรายการเล่าข่าวดังกล่าวนั้น พล.อ.ทวีป จันทรโรจน์ เป็นฝ่ายที่ระบายความอัดอั้นจากผลการแข่งขันผ่านทางรายการโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเด็น กลุ่มคนขายชาติ ที่นายกกำปั้นไทยระบุตัวออกมาว่า “อยู่เมืองจีนคนหนึ่ง และอยู่เมืองไทยสองคน”
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวกีฬาผู้จัดการรายวัน ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวโอลิมปิกอยู่ ณ กรุงปักกิ่งได้สอบถามความคิดเห็นของ ดร.ณัฐ อินทรปาณ คณะกรรมการโอลิมปิกสากลของไทย ที่ทำหน้าที่ของไอโอซี และคณะกรรมการสหพันธ์เทควันโดอยู่ ณ กรุงปักกิ่งว่า
“สำหรับผมแล้วไม่มีความคิดเห็นเรื่องที่ท่านนายกสมาคมมวยสมัครเล่นได้กล่าวถึง แต่ขอยืนยันว่า กรรมการตัดสินกีฬาทุกประเภทไม่เฉพาะมวยสากลสมัครเล่นมีการปฏิบัติอย่างถูกต้องทุกขั้นตอน และกรรมการทุกท่านก็ได้รับรองจากไอโอซี ก็ได้มีการประชุมก่อนหน้านี้แล้วว่าจะต้องทำให้การแข่งขันชกมวยสากลสมัครเล่นครั้งนี้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมมากที่สุด”
ซึ่ง ดร.ณัฐ ได้กล่าวฝากไปถึงนักกีฬาในสนามมวย ว่า “อยากให้ทุกคนวางใจว่าเวลานี้คุณมีคู่ต่อสู้เพียงคนเดียวบนเวที กรรมการมิใช่คู่ต่อสู้ของคุณ” นอกจากนี้ ไอโอซีไทยยังเอ่ยผลงานของนักชกไทย ว่า “ผมเองได้มีโอกาสไปชมการแข่งขันของนักมวยไทยหลายครั้งก็ได้เห็นว่านักมวยเรามีพัฒนาการอย่างไร นักมวยชาติอื่นเขาสามารถยกระดับมาตรฐานมวยไปได้ขนาดไหน สมัยนี้มวยสากลสมัครเล่นในโอลิมปิกหรือเอเชียนเกมส์นั้นไม่ได้ชนะกันด้วยฝีปากหรือเม็ดเงิน หากจะชนะก็ต้องเป็นฝีมือเท่านั้น”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความพอใจของไอโอซี ต่อการจัดการของไอบา ดร.ณัฐ กล่าวว่า “ต้องยอมรับว่า มวยสากลสมัครเล่นในโอลิมปิกครั้งนี้ ถือว่าบริสุทธิ์ยุติธรรมมากกว่าครั้งไหน ทางไอโอซี พอใจเป็นอย่างมากผมเองก็คุยกับ ประธานไอบา “ชิง โค วู” ทุกวันก็บอกเขาว่าทางโอลิมปิกสากลพอใจมากกับการตัดสินของกรรมการ”
ส่วนเรื่องการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ทวีป จันทรโรจน์ ที่ให้สัมภาษณ์พาดพิงถึงบุคคล 3 คน ซึ่งทำให้ทีมมวยสากลสมัครเล่นไทยไม่ประสบความสำเร็จ โดยมีหนึ่งรายอยู่ในปักกิ่ง ดร.ณัฐ กล่าวก่อนจบการให้สัมภาษณ์ว่า “ผมคงไม่มีความคิดเห็นอะไร ถ้าผู้สื่อข่าวทราบว่าเป็นใครขอให้บอกหน่อย เพราะผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน”
สำหรับความเคลื่อนไหวของบรรดาผู้ใหญ่ในวงการกีฬาไทยที่ประจำการอยู่ในปักกิ่งเกมส์นั้น ยังไม่มีใครออกมาแสดงความคิดเห็นต่อการให้สัมภาษณ์ของ “เสธ.วีป” แต่อย่างใด
ท้ายที่สุดกลายเป็น เสธ.วีป ที่ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว MGR Sport เพิ่มเติมเกี่ยวกับคนไทย 3 คนที่ท่านได้เอ่ยถึงว่า
“ที่จริงพวกเขาคิดว่าเราไม่ทราบ ทีนี้พอเขารู้ว่าผมทราบแล้วว่ามีความเคลื่อนไหวกันอย่างนี้ก็น่าจะหยุดถ้าหยุดก็หยุดไป แต่ถ้าไม่หยุดเราก็ต้องดำเนินการอะไรบางอย่าง”
สำหรับทางแก้เรื่องการตัดสินที่เห็นว่าไม่ค่อยเป็นธรรมนั้น เสธ.วีป กล่าวส่งท้ายว่า “ผมมีข้อมูลค่อนข้างน่าเชื่อถือได้พอสมควร เราจะเป็นฝ่ายรุกให้เขาได้แก้ไขในเรื่องนี้ คือการทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรยื่นให้ประธานสหพันธ์ เรื่องแรกให้การตัดสินบริสุทธิ์ยุติธรรมกว่านี้ เรื่องที่สอง คือ การจัดผู้ทำหน้าที่กรรมการต้องโปร่งใส มีอย่างที่ไหนใช้กรรมการจากฝรั่งเศสคนเดียวกันตัดสินนักมวยไทยถึง 3 ใน 6 ไฟต์ ทั้งๆ ที่กรรมการมีให้เลือกทั้งหมดถึง 34 คน เป็นเรื่องผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง”