คอลัมน์ "เปิดซิงบุนเดสลีกา" โดย เด็กปั๊ม
ไม่บ่อยครั้งนัก ที่องค์กรอันมีอำนาจล้นฟ้าที่สุดในเรื่องของกีฬาลูกหนัง อย่างสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ(ฟีฟ่า) ภายใต้การบริหารของ เซปป์ แบลตเตอร์ จะถูกองค์กรอื่นลูบคม และยิ่งเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการแข่งขันฟุตบอลที่ตนเองดูแลอยู่
ใช่แล้วครับ นั่นก็คือคดีความของ 3 ทีมใจร้าย (ตามความรู้สึกของผม) ที่ทั้ง บาร์เซโลนา ,ชาลเก 04 และแวร์เดอร์ เบรเมน ยื่นฟ้องต่อศาลอนุญาโตตุลาการกีฬา(ซีเอเอส) ซึ่งผมขอเรียกสั้นๆว่า"ศาลกีฬา"ก็แล้วกันครับ เพื่อขอคำตัดสินว่าฟีฟ่ามีอำนาจในเรื่องดังกล่าวหรือไม่
ศึกฟุตบอลชายในโอลิมปิกครั้งนี้ ถือเป็นปีที่มีเรื่องมีราวเกี่ยวกับการยื้อยึดฉุดกระชาก ระหว่างต้นสังกัดของนักเตะกับทีมชาติมากที่สุด มากจนกระทั้งต้องไปฟ้องร้องต่อศาลกันเลย ซึ่งก่อนที่ฟุตบอลชายกลุ่ม เอ จะเริ่มฟาดแข้งเพียงวันเดียว ศาลกีฬาก็มีคำตัดสินออกมาว่า การที่ฟีฟ่าสั่งให้สโมสรปล่อยนักเตะอายุไม่เกิน 23 ปี ไปเล่นโอลิมปิกนั้น แท้จริงแล้วสิทธิ์ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสโมสรแต่เพียงผู้เดียว และไม่มีข้อกำหนดข้อไหนของฟีฟ่าบัญญัติไว้ตามที่ แบลตเตอร์ เผยออกมา
นั่นหมายความว่า 3 ทีมที่ไปเรียกร้องความเป็นธรรมจากศาลกีฬานั้น ชนะคดีครับ และมีสิทธิ์เรียก ทั้ง ลีโนเอล เมสซี (บาร์เซโลนา), ดิเอโก (เบรเมน) รวมถึง ราฟินญา (ชาลเก) กลับมาร่วมทีมได้ แม้ว่าทั้ง 3 คนนี้จะปักหลักอยู่ที่เมืองจีนแล้วก็ตาม และเมื่อถึงวานนี้ เมสซี อาจลงเล่นให้ทีม"ฟ้าขาว" (เกมเปิดสนามกับไอวอร์รีโคตส์) ไปแล้วก็ได้
จริงอยู่ครับ ที่คำตัดสินของศาลกีฬาในครั้งนี้ เปิดไฟเขียวให้สโมสรทั้ง 3 เรียกนักเตะในสังกัดกลับมาได้ แต่ในทางปฏิบัติแล้ว หากมีทีมใดกล้าเรียกกลับจริงๆละก็ คงจะเป็นเรื่องยากที่แฟนบอลทั่วโลกจะยอมรับได้แน่นอน
เพราะทุกคนที่มา"เป่ยจิงเกมส์ 2008" ในครั้งนี้ต่างต้องการมาทำภารกิจเพื่อชาติทั้งสิ้นครับ อย่างดิเอโก จากทีม"นางนวล" ในบุนเดสลีกา ก็เคยออกมาออดอ้อนแฟนของตัวเองแล้วว่า ขอให้เข้าใจว่าการที่เขาขัดคำสั่งของทีมมาร่วมศึกโอลิมปิกครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้เขามีความสุขเลย แต่การลงเล่นให้ทีมชาติก็ถือเป็นความฝันของนักเตะทุกคน
ฉะนั้นแล้วผมคิดว่าหากมีสโมสรไหนเรียกนักเตะกลับไปก็คงจะใจร้ายเต็มทนแล้ว แต่เมื่อศาลกีฬาตัดสินออกมาเช่นนี้ น่าเป็นห่วงว่า ฟุตบอลชายในโอลิมปิกครั้งต่อๆไป จะต้องมีการปรับรูปแบบเรื่องตัวผู้เล่นกันอีกหรือไม่ เพราะทุกวันนี้ ฟีฟ่า กับคณะกรรมการโอลิมปิกสากล(ไอโอซี) มีข้อตกลงร่วมกันว่า อนุญาตให้แต่ละชาติมีนักฟุตบอลอาชีพได้ในทีม แต่ต้องอายุไม่เกิน 23 ปี หรือหากเกินก็มีโควตาให้ทีมละไม่มากกว่า 3 คนเท่านั้น
จากคดีความที่ 3 สโมสรได้เฮในครั้งนี้ เหมือนว่าฟีฟ่าจะถูกลูบคมไปเต็มๆ แต่ก็เชื่อว่าน่าจะได้ใจแฟนบอลไปไม่น้อยเหมือนกันครับ แม้ว่าก่อนหน้านี้ตัวประธานใหญ่จะออกมาพูดจาไม่เข้าหูแฟนบอลมาหลายต่อครั้งหลายคราก็ตาม
ไม่บ่อยครั้งนัก ที่องค์กรอันมีอำนาจล้นฟ้าที่สุดในเรื่องของกีฬาลูกหนัง อย่างสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ(ฟีฟ่า) ภายใต้การบริหารของ เซปป์ แบลตเตอร์ จะถูกองค์กรอื่นลูบคม และยิ่งเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการแข่งขันฟุตบอลที่ตนเองดูแลอยู่
ใช่แล้วครับ นั่นก็คือคดีความของ 3 ทีมใจร้าย (ตามความรู้สึกของผม) ที่ทั้ง บาร์เซโลนา ,ชาลเก 04 และแวร์เดอร์ เบรเมน ยื่นฟ้องต่อศาลอนุญาโตตุลาการกีฬา(ซีเอเอส) ซึ่งผมขอเรียกสั้นๆว่า"ศาลกีฬา"ก็แล้วกันครับ เพื่อขอคำตัดสินว่าฟีฟ่ามีอำนาจในเรื่องดังกล่าวหรือไม่
ศึกฟุตบอลชายในโอลิมปิกครั้งนี้ ถือเป็นปีที่มีเรื่องมีราวเกี่ยวกับการยื้อยึดฉุดกระชาก ระหว่างต้นสังกัดของนักเตะกับทีมชาติมากที่สุด มากจนกระทั้งต้องไปฟ้องร้องต่อศาลกันเลย ซึ่งก่อนที่ฟุตบอลชายกลุ่ม เอ จะเริ่มฟาดแข้งเพียงวันเดียว ศาลกีฬาก็มีคำตัดสินออกมาว่า การที่ฟีฟ่าสั่งให้สโมสรปล่อยนักเตะอายุไม่เกิน 23 ปี ไปเล่นโอลิมปิกนั้น แท้จริงแล้วสิทธิ์ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสโมสรแต่เพียงผู้เดียว และไม่มีข้อกำหนดข้อไหนของฟีฟ่าบัญญัติไว้ตามที่ แบลตเตอร์ เผยออกมา
นั่นหมายความว่า 3 ทีมที่ไปเรียกร้องความเป็นธรรมจากศาลกีฬานั้น ชนะคดีครับ และมีสิทธิ์เรียก ทั้ง ลีโนเอล เมสซี (บาร์เซโลนา), ดิเอโก (เบรเมน) รวมถึง ราฟินญา (ชาลเก) กลับมาร่วมทีมได้ แม้ว่าทั้ง 3 คนนี้จะปักหลักอยู่ที่เมืองจีนแล้วก็ตาม และเมื่อถึงวานนี้ เมสซี อาจลงเล่นให้ทีม"ฟ้าขาว" (เกมเปิดสนามกับไอวอร์รีโคตส์) ไปแล้วก็ได้
จริงอยู่ครับ ที่คำตัดสินของศาลกีฬาในครั้งนี้ เปิดไฟเขียวให้สโมสรทั้ง 3 เรียกนักเตะในสังกัดกลับมาได้ แต่ในทางปฏิบัติแล้ว หากมีทีมใดกล้าเรียกกลับจริงๆละก็ คงจะเป็นเรื่องยากที่แฟนบอลทั่วโลกจะยอมรับได้แน่นอน
เพราะทุกคนที่มา"เป่ยจิงเกมส์ 2008" ในครั้งนี้ต่างต้องการมาทำภารกิจเพื่อชาติทั้งสิ้นครับ อย่างดิเอโก จากทีม"นางนวล" ในบุนเดสลีกา ก็เคยออกมาออดอ้อนแฟนของตัวเองแล้วว่า ขอให้เข้าใจว่าการที่เขาขัดคำสั่งของทีมมาร่วมศึกโอลิมปิกครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้เขามีความสุขเลย แต่การลงเล่นให้ทีมชาติก็ถือเป็นความฝันของนักเตะทุกคน
ฉะนั้นแล้วผมคิดว่าหากมีสโมสรไหนเรียกนักเตะกลับไปก็คงจะใจร้ายเต็มทนแล้ว แต่เมื่อศาลกีฬาตัดสินออกมาเช่นนี้ น่าเป็นห่วงว่า ฟุตบอลชายในโอลิมปิกครั้งต่อๆไป จะต้องมีการปรับรูปแบบเรื่องตัวผู้เล่นกันอีกหรือไม่ เพราะทุกวันนี้ ฟีฟ่า กับคณะกรรมการโอลิมปิกสากล(ไอโอซี) มีข้อตกลงร่วมกันว่า อนุญาตให้แต่ละชาติมีนักฟุตบอลอาชีพได้ในทีม แต่ต้องอายุไม่เกิน 23 ปี หรือหากเกินก็มีโควตาให้ทีมละไม่มากกว่า 3 คนเท่านั้น
จากคดีความที่ 3 สโมสรได้เฮในครั้งนี้ เหมือนว่าฟีฟ่าจะถูกลูบคมไปเต็มๆ แต่ก็เชื่อว่าน่าจะได้ใจแฟนบอลไปไม่น้อยเหมือนกันครับ แม้ว่าก่อนหน้านี้ตัวประธานใหญ่จะออกมาพูดจาไม่เข้าหูแฟนบอลมาหลายต่อครั้งหลายคราก็ตาม