คอลัมน์ "เปิดซิงบุนเดสลีกา" โดย เด็กปั๊ม
ข่าวครึกโครมในบ้านเราเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากใบแดงของยุทธ์ตู้เย็น,คดีเขาพระวิหาร และ "ไชยา" พ้นสภาพ รมต.แล้ว ในวงการลูกหนังไทยไม่มีข่าวไหนร้อนแรงไปกว่า การที่สมาคมลูกหนังไทยที่นำโดย "บังยี" วรวีร์ มะกูดี ประกาศนำเอา ปีเตอร์ รีด กุนซือชาวอังกฤษวัย 52 ปี เข้ามาคุมทีม
ทันทีที่ทราบข่าว ทำให้ผมอดเแปลกใจไม่ได้ว่า ทำไมนายกสมาคมฟุตบอลถึงตัดสินใจเช่นนั้น ทั้งที่เคยแยกทางกุนซือชาวเมืองผู้ดีอย่างปีเตอร์ วิธ มาแล้ว ขณะเดียวกัน ทำไม๊ ถึงโปรดปรานโค้ชอังกฤษมาคุมทีม ทั้งที่เห็นๆกันอยู่ว่าสไตล์ฟุตบอลอังกฤษกับคนไทย มันเข้ากันได้ยากเต็มที
ผมมานั่งคิดเล่นๆ แล้วก็ค้นพบความจริงบางอย่าง ของเบื้องหลังการมาของ รีด ในครั้งนี้ นั่นก็คือ ทีมชาติไทย ชอบใช้กุนซือที่ชื่อ "ปีเตอร์" นั่นเอง ซึ่งเท่าที่นึกออกในตอนนี้ ไม่แน่ครับ ในอนาคต ทีมชาติไทยอาจจะมีกุนซือที่ ชื่อว่า ปีเตอร์ เบียร์ดสลี่ย์ , ปีเตอร์ ชิลตัน หรือแม้แต่ ปีเตอร์ เคราช์ รวมไปถึงปีเตอร์ แพน มาคุมทัพก็ได้ (ฮา)
เท่าที่จำความได้ ผลงานที่สร้างชื่อให้กับรีด คือ การทำทีม "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์ ซึ่งในเวลานั้นยังใช้ฉายา "เรือรบ" ตามตราสโมสรอยู่เลย อดีตดาวเตะเอฟเวอร์ตันคุมทีมซันเดอร์แลนด์ตั้งแต่การหนีตกชั้นในลีกแชมเปียนชิป ในปี 1995 ก่อนจะใช้เวลาเพียงปีเดียว พาทีมขึ้นชั้นมาหายใจหายคอในลีกพรีเมียร์ชิป ได้อย่างหน้าตาเฉย
แม้จะตกชั้นในปีแรก แต่รีด ก็สามารถพาทีมกลับคืนสู่ลีกสูงสุดได้เป็นครั้งที่ 2 ในปี 1999 พร้อมกับทำทีมติดลมบนคว้าอันดับ 7 ได้อย่างน่าชื่นชม โดยเฉพาะคู่หูโย่ง-เตี้ย อย่างไนออล ควินและ เควิน ฟิลลิปส์ ที่ช่วยถล่มประตูได้แบบเป็นกอบเป็นกำ
คุยไปคุยมาไม่ได้เกี่ยวกับแวดวงบุนเดสลีกาเลย มาปิดท้ายกันที่แวดดวงฟุตบอลเมืองเบียร์ซักหน่อยดีกว่า หลังจากที่ถูกถางถางซะย่อยยับ สำหรับ มิชาเอล บัลลัค ว่าเป็นนักเตะที่อยู่ทีมไหนได้แต่รองแชมป์ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา "ไกเซอร์น้อย" ก็ออกมาตอบโต้ผ่านสื่อผู้ดีซะชุดใหญ่ครับ
บัลลัคบอกว่าถึงแม้ตัวเองจะเป็นจอมรองแชมป์ แต่หากไปไล่ดูความสำเร็จในระดับสโมสร เขาเคยได้แชมป์ร่วมกับบาเยิร์น และเชลซี รวมกันถึง 10 รายการมาแล้ว ซึ่งก็ถือว่าไม่ได้ขี้เหร่ เมื่อเทียบกับนักเตะคนอื่นๆ แหม แต่ทำไงได้ครับ เพราะว่ารองแชมป์ที่แกได้ ดันเป็นรายการเป้งๆทั้งนั้นเลย
แวบไปคุยเรื่องบอลเยอรมันได้เดี๋ยวเดียว ก็ต้องวกเข้าบอลไทยอีกจนได้ ก็ในฐานะคนรักทีมชาติไทยคนหนึ่งครับ
เอาเป็นว่า ไว้รอดูฝีมือของปีเตอร์ รีด กันดีกว่าครับ ว่าจะนำทีมชาติไทยไปในทิศทางใด แต่ที่แน่ๆ จากการทำงานของกุนซือต่างชาติที่ผ่านมา ขอแล้วกันครับ ขอ... ขอว่า ถ้าทีมชาติล้มเหลวอีก ก็อย่าให้ รีด กลายเป็นเพาะรับบาปเหมือน คาร์ลอส คาวัลโญ , ปีเตอร์ วิธ หรือ ซิกกี เฮลด์ อีกเลย...
ข่าวครึกโครมในบ้านเราเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากใบแดงของยุทธ์ตู้เย็น,คดีเขาพระวิหาร และ "ไชยา" พ้นสภาพ รมต.แล้ว ในวงการลูกหนังไทยไม่มีข่าวไหนร้อนแรงไปกว่า การที่สมาคมลูกหนังไทยที่นำโดย "บังยี" วรวีร์ มะกูดี ประกาศนำเอา ปีเตอร์ รีด กุนซือชาวอังกฤษวัย 52 ปี เข้ามาคุมทีม
ทันทีที่ทราบข่าว ทำให้ผมอดเแปลกใจไม่ได้ว่า ทำไมนายกสมาคมฟุตบอลถึงตัดสินใจเช่นนั้น ทั้งที่เคยแยกทางกุนซือชาวเมืองผู้ดีอย่างปีเตอร์ วิธ มาแล้ว ขณะเดียวกัน ทำไม๊ ถึงโปรดปรานโค้ชอังกฤษมาคุมทีม ทั้งที่เห็นๆกันอยู่ว่าสไตล์ฟุตบอลอังกฤษกับคนไทย มันเข้ากันได้ยากเต็มที
ผมมานั่งคิดเล่นๆ แล้วก็ค้นพบความจริงบางอย่าง ของเบื้องหลังการมาของ รีด ในครั้งนี้ นั่นก็คือ ทีมชาติไทย ชอบใช้กุนซือที่ชื่อ "ปีเตอร์" นั่นเอง ซึ่งเท่าที่นึกออกในตอนนี้ ไม่แน่ครับ ในอนาคต ทีมชาติไทยอาจจะมีกุนซือที่ ชื่อว่า ปีเตอร์ เบียร์ดสลี่ย์ , ปีเตอร์ ชิลตัน หรือแม้แต่ ปีเตอร์ เคราช์ รวมไปถึงปีเตอร์ แพน มาคุมทัพก็ได้ (ฮา)
เท่าที่จำความได้ ผลงานที่สร้างชื่อให้กับรีด คือ การทำทีม "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์ ซึ่งในเวลานั้นยังใช้ฉายา "เรือรบ" ตามตราสโมสรอยู่เลย อดีตดาวเตะเอฟเวอร์ตันคุมทีมซันเดอร์แลนด์ตั้งแต่การหนีตกชั้นในลีกแชมเปียนชิป ในปี 1995 ก่อนจะใช้เวลาเพียงปีเดียว พาทีมขึ้นชั้นมาหายใจหายคอในลีกพรีเมียร์ชิป ได้อย่างหน้าตาเฉย
แม้จะตกชั้นในปีแรก แต่รีด ก็สามารถพาทีมกลับคืนสู่ลีกสูงสุดได้เป็นครั้งที่ 2 ในปี 1999 พร้อมกับทำทีมติดลมบนคว้าอันดับ 7 ได้อย่างน่าชื่นชม โดยเฉพาะคู่หูโย่ง-เตี้ย อย่างไนออล ควินและ เควิน ฟิลลิปส์ ที่ช่วยถล่มประตูได้แบบเป็นกอบเป็นกำ
คุยไปคุยมาไม่ได้เกี่ยวกับแวดวงบุนเดสลีกาเลย มาปิดท้ายกันที่แวดดวงฟุตบอลเมืองเบียร์ซักหน่อยดีกว่า หลังจากที่ถูกถางถางซะย่อยยับ สำหรับ มิชาเอล บัลลัค ว่าเป็นนักเตะที่อยู่ทีมไหนได้แต่รองแชมป์ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา "ไกเซอร์น้อย" ก็ออกมาตอบโต้ผ่านสื่อผู้ดีซะชุดใหญ่ครับ
บัลลัคบอกว่าถึงแม้ตัวเองจะเป็นจอมรองแชมป์ แต่หากไปไล่ดูความสำเร็จในระดับสโมสร เขาเคยได้แชมป์ร่วมกับบาเยิร์น และเชลซี รวมกันถึง 10 รายการมาแล้ว ซึ่งก็ถือว่าไม่ได้ขี้เหร่ เมื่อเทียบกับนักเตะคนอื่นๆ แหม แต่ทำไงได้ครับ เพราะว่ารองแชมป์ที่แกได้ ดันเป็นรายการเป้งๆทั้งนั้นเลย
แวบไปคุยเรื่องบอลเยอรมันได้เดี๋ยวเดียว ก็ต้องวกเข้าบอลไทยอีกจนได้ ก็ในฐานะคนรักทีมชาติไทยคนหนึ่งครับ
เอาเป็นว่า ไว้รอดูฝีมือของปีเตอร์ รีด กันดีกว่าครับ ว่าจะนำทีมชาติไทยไปในทิศทางใด แต่ที่แน่ๆ จากการทำงานของกุนซือต่างชาติที่ผ่านมา ขอแล้วกันครับ ขอ... ขอว่า ถ้าทีมชาติล้มเหลวอีก ก็อย่าให้ รีด กลายเป็นเพาะรับบาปเหมือน คาร์ลอส คาวัลโญ , ปีเตอร์ วิธ หรือ ซิกกี เฮลด์ อีกเลย...