ชนะบาห์เรน !!ฝันเฮือกสุดท้าย “บอลโลก”

เชื่อแน่ว่าการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายล้วนเป็นสุดยอดปรารถนาของแฟนลูกหนังชาวไทยทุกคนที่หวังจะได้เห็นธงชาติไทยไปโบกสะบัดสักครั้งในสนามพร้อมการลงวาดลวดลายของขุนพลทีมชาติไทยมาเนิ่นนาน ทว่าความหวังดังกล่าวก็ยังไม่สำฤทธิ์ผลเสียที

ซึ่งในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ที่นักเตะไทยต้องอยู่ร่วมกลุ่มบี กับทีมแกร่งอย่าง ญี่ปุ่น, บาห์เรน และ โอมาน นั้นผ่านการแข่งขันไปแล้ว 2 นัดเท่ากันทุกทีม โดยทีมชาติไทยรั้งตำแหน่งบ๊วย หลังไม่มีคะแนนจากการแพ้ญี่ปุ่น 4-1 และ โอมาน 1-0 ขณะที่ บาห์เรน รั้งจ่าฝูงโดยมี 6 คะแนน ส่วนญี่ปุ่น และ โอมาน ต่างก็มี 3 คะแนนเท่ากัน

จากสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ "โค้ชหรั่ง" ชาญวิทย์ ผลชีวิน หัวหน้าสตาฟฟ์โค้ชทีมชาติไทย ออกมายอมรับว่าโอกาสเข้ารอบต่อไปของทีมชาติไทยนั้นมีน้อยกว่า เมื่อเทียบกับอีก 3 ทีมร่วมสาย

"หากมองตามตารางคะแนน แน่นอนว่าโอกาสเราน้อยกว่าทีมอื่นๆ เพราะเราเปิดหัว 2 นัดแรกด้วยการแพ้ แต่จะให้ยอมแพ้ตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเรายังมีโอกาสอีก 4 นัดที่เหลือ เพื่อผ่านเข้าสู่รอบ 10 ทีมสุดท้าย"

"ถ้าผมพูดว่ายอมแล้ว ไม่เอาแล้ว ลูกทีมคงไม่มีใจสู้ต่อ ผมต้องสู้ต่อ เพื่อโอกาสที่ยังมี หากใน 4 นัดที่เหลือเราเก็บ 3 คะแนนได้ทุกนัดมันก็เป็นเรื่องที่ดี แม้จะเป็นเรื่องยาก แต่เราก็ไม่มีทางเลือกอื่น หากอยากเข้ารอบต่อไป"

โดยอดีตกุนซือทีมแชมป์สโมสรเอเชีย 2 สมัย กล่าวถึงสภาพทีมในปัจจุบันก่อนดวลกับทีมชาติบาห์เรนในเวลา 18.30 น. ของวันจันทร์ที่ 2 มิถุนายนนี้ที่สนามราชมังคลากีฬาสถานว่า "เรามีปัญหาเรื่องนักเตะบาดเจ็บมาก ซึ่งเราต้องขาด ธีรศิลป์ แดงดา, สุธี สุขสมกิจ และ เกียรติประวุฒิ สายแวว ในการเจอกับ บาห์เรน ในวันจันทร์นี้ ทำให้แผนการเล่นที่ซ้อมกันมาอาจจะต้องปรับเปลี่ยนตัวผู้เล่นกันใหม่"

"บอกตามตรงเลยว่ารู้สึกเสียดายมาก เพราะทั้ง 3 คนที่เจ็บไป ถือเป็นตัวหลักที่วางไว้ แต่เมื่อบาดเจ็บก็ต้องปรับกันใหม่ อาจจะลองดัน ปรัชญ์ สมัคราษฎร์ นักเตะกองหลัง หรืออาจใช้ นิรุจน์ สุระเสียง มาเล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ โดยให้อิสระกับตัวรุกที่เหลือได้เต็มที่”

นอกจากนี้ "โค้ชหรั่ง" ยังชี้ให้เห็นจุดอ่อนของ บาห์เรน ด้วยว่า "จากสถานการณ์ที่เป็นรองคือทีมเราต้องเอาชนะเท่านั้น ขณะที่บาห์เรน เล่นได้ง่ายกว่า คงต้องมีการปรับแผนการเล่นใหม่ เพราะเชื่อว่า บาห์เรน จะใช้เกมตั้งรับที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของทีม แล้วคอยโอกาสสวนกลับ ด้วยการอาศัยศูนย์หน้าที่มีความเร็วเข้าทำประตู ดังนั้นนักเตะจะเสียสมาธิไม่ได้ ต้องเล่นอย่างรัดกุม ขณะเดียวกันจุดอ่อนของบาห์เรนอยู่ที่กองหลังแม้จะตัวสูงใหญ่ แต่กลับตัวช้า ถ้าเราโจมตีเร็วก็มีสิทธิ์ได้ประตูเหมือนกัน แต่ที่สำคัญที่สุดคือผู้เล่นของเราต้องปิดสกอร์ให้เฉียบคม อย่าพลาดกันเหมือนนัดที่เราแพ้ โอมาน"

"หลายครั้งเรามีปัญหาในเรื่องเกมรุกที่สามารถคุมพื้นที่ได้หมด แต่กลับทำประตูไม่ได้ พอโดนสวนกลับก็ถึงกับเสียประตู ส่งผลให้เราต้องมานั่งเจ็บใจกันภายหลัง เหมือนที่เราแพ้ โอมาน ในเกมที่แล้ว ดังนั้นนัดนี้ผมกำชับผู้เล่นทุกคนว่าต้องช่วยกันเล่นตามแผนที่เราวางไว้ ผมรู้แล้วว่าเขามาเล่นรับแล้วโต้กลับ เราจึงต้องรัดกุมเป็นพิเศษ"

สำหรับ 11 คนแรกของไทย ที่คาดว่าจะลงสนามพบกับ บาห์เรน ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู โกสินทร์ หทัยรัตนกุล เซนเตอร์ฮาล์ฟ ณัฐพร พันธ์ฤทธิ์ คู่กับ นิเวส ศิริวงศ์, แบ็กซ้าย ณัฐพงษ์ สมณะ, แบ็กขวา สุรีย์ สุขะ กองกลาง ปรัชญ์ สมัคราษฎร์, พิชิตพงษ์ เฉยฉิว, ดัสกร ทองเหลา, ตะวัน ศรีปาน ส่วนกองหน้าเป็น "ลีซอ" ธีรเทพ วิโนทัย และ ศรายุทธ ชัยคำดี

ขณะเดียวกัน "โค้ชหรั่ง" ยอมรับนักเตะไทยอยู่ในช่วงสถานการณ์ที่กดดันสุดขีด "ผมทราบดีว่าแฟนฟุตบอลตั้งความหวังกับทีมชาติไทยมากเสมอ และเกมนี้เป็นเกมชี้ชะตา หากเราไม่สามารถเอาชนะ บาห์เรน ได้ก็อาจจะหมายถึงการบอกลาโอกาสเข้ารอบต่อไป ในส่วนของนักเตะแม้ตอนนี้เขายังยิ้มยังหัวเราะกันได้ระหว่างฝึกซ้อม แต่ลึกๆ ต่างก็เครียด และวิตกกังวลว่าจะสามารถผ่านเข้ารอบต่อไปได้หรือไม่ ผมเองอยากจะบอกกับแฟนฟุตบอลว่ากีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาที่มีผลออกมาได้ 3 หน้า คือ แพ้ ชนะ และเสมอ แม้ว่าเราจะไม่ต้องการผลแพ้ หรือ เสมอ แต่บางครั้งฟุตบอลมันก็เป็นเรื่องโหดร้าย ดังนั้นหากผลงานในวันจันทร์นี้จะออกมาแล้วไม่ดีต่อทีมชาติ ผมฐานะโค้ชก็ขอรับไว้คนเดียว"

โปรแกรมแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย กลุ่บบี ของทีมชาติไทย
วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน 2551 ทีมชาติไทย พบ บาห์เรน
วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน 2551 บาห์เรน พบ ทีมชาติไทย
วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน 2551 ทีมชาติไทย พบ ญี่ปุ่น
วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน 2551 โอมาน พบ ทีมชาติไทย