ขณะที่นักเทนนิสหลายคนอาจหลงมนต์เสน่ห์ของ “เฟรนช์ โอเพ่น” ที่ถูกยกให้เป็นสุดยอดทัวร์นาเมนต์เคลย์คอร์ตแห่งปี แต่ก็มีไม่น้อยเหมือนกันที่นึกชังการเล่นบนสนามโรลองด์ การ์รอส ซึ่งถือเป็นสังเวียนปราบเซียนสังเวียนหนึ่ง ดังนั้นวันนี้จึงถือโอกาสนำเอาหลากหลายทัศนะของ 8 นักเทนนิสชื่อดังที่มีต่อศึกแกรนด์ สแลมรายการที่ 2 ของปี ภายใต้คำถามที่ว่าทำไมพวกเขาถึงรักและเกลียดเฟรนช์ โอเพ่น
เหตุผลที่รัก
เซเรน่า วิลเลี่ยมส์ อดีตแชมป์เฟรนช์ โอเพ่น ปี 2002 อธิบายถึงความรักที่มีต่อสนามแห่งนี้ว่า “ฉันชอบการแข่งขันในปารีส และเพิ่งซื้ออพาร์ทเมนต์ที่นี่ ต้องการใช้ชีวิตในปารีสเพราะเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสีสัน คุณไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า ฉันรักทัวร์นาเมนต์นี้มากแค่ไหน หลังจากเคยคว้าแชมป์มาแล้ว ฉันฝันเสมอว่า อยากเป็นคนปารีส อยากพูดภาษาฝรั่งเศส และไม่รู้จะอธิบายอย่างไรจริงๆ ว่า ทำไมถึงรักเมืองนี้มาก ซึ่งคงต้องเล่นให้ผิดพลาดน้อยที่สุด เพื่อคว้าแชมป์มาครองให้ได้ในปีนี้”
โนวัค ยอโควิช ซึ่งทะลุถึงรอบรองชนะเลิศ เมื่อปีที่แล้ว และนับเป็นผลงานที่ดีที่สุดของเขา เผยว่า “คุณจะรู้สึกถึงความพิเศษที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันแกรนด์ สแลม และเป็นสุดยอดทัวร์นาเมนต์เคลย์คอร์ต ผมคิดว่า ตัวเองทำผลงานได้ดีเพราะสนามที่นี่ค่อนข้างเร็วกว่าที่โรมและฮัมบูร์ก ซึ่งมันเข้าทางเกมของผม นอกจากนี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่ได้เล่นบนเซนเตอร์คอร์ต ก็มักจะได้รับกำลังใจจากผู้ชมอย่างล้มหลาม”
เยเลน่า แยนโควิช ผลงานดีที่สุดของเธอ คือ รอบรองชนะเลิศ เมื่อปีที่แล้ว โดยมือวางอันดับ 4 จากเซอร์เบีย มีสถิติชนะ 7 แพ้ 4 ในการแข่งขันที่โรลองด์ การ์รอส โดยเธอเผยถึงความประทับใจในเฟรนช์ โอเพ่นให้ฟังว่า “ฉันไม่เคยชอบเล่นบนเคลย์คอร์ตเลย ที่สำคัญคือไม่รู้วิธีสไลด์บอลรวมถึงการเคลื่อนไหวที่เป็นปัจจัยสำคัญในการเล่นบนเคลย์คอร์ต แต่เมื่อปีที่แล้ว ฉันได้จ้างโค้ชชาวสเปนมาสอนเทคนิคและวิธีการเล่นบนคอร์ตดิน นอกจากนี้ ฉันยังเคยเรียนภาษาฝรั่งเศสมาแล้วที่เซอร์เบีย และหากสามารถคว้าแชมป์เฟรนช์ โอเพ่น มาครองได้สำเร็จ แน่นอนว่าจะขึ้นกล่าวขอบคุณเป็นภาษาฝรั่งเศส ซึ่งนั่นถือเป็นแรงผลักดันของฉันในการแข่งขันที่นี่”
แอนดี้ เมอร์เรย์ แม้จะทำผลงานได้ไม่ดีเลย ด้วยสถิติไม่เคยชนะและแพ้ไป 1 ครั้ง แต่ เมอร์เรย์ ก็ยืนยันว่า เขาติดใจการเล่นบนสนามสุดหินนี้ไม่แพ้แกรนด์ สแลมรายการอื่นเลย “ผมเคยลงเล่นที่นี่เพียงครั้งเดียวและได้รับบาดเจ็บที่หลังขณะลงสนามด้วย ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ที่ไม่ดีเอาซะเลย แต่ในการแข่งขันระดับจูเนียร์ ผมทำผลงานได้ไม่เลวเลย และยังเคยทะลุถึงรอบรองชนะเลิศอีกด้วย บางคนอาจภาคภูมิในลูกเสิร์ฟที่หนักหน่วงแต่บนพื้นสนามแบบนี้มันง่ายสำหรับการรีเทิร์นลูกเสิร์ฟ บอลอาจถูกตีให้ลึก หรือมีการเล่นลูกหยอด ซึ่งการเล่นบนเคลย์คอร์ตทำให้คุณมีเวลาที่จะจัดการกับลูกเหล่านี้ ไม่ว่าคุณจะพบกับงานลำบากหรือเสียแต้ม แต่คุณก็ยังสามารถวิ่งได้มากเท่าที่ต้องการในการเก็บบอลกลับมาเล่นอีกครั้ง คุณสามารถสร้างจุดเปลี่ยนได้ตลอดเวลาในการเล่นบนเคลย์คอร์ต”
เหตุผลที่เกลียด
โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ หวดมือ 1 ของโลกชาวสวิส ซึ่งมีสถิติชนะ 26 ครั้ง และแพ้ 9 ครั้งในสนามโรลองด์ การ์รอส เอ่ยถึงเหตุผลที่ไม่ชอบเฟรนช์ โอเพ่น เอาไว้ว่า “คุณคิดว่าไงหละ? ราฟาเอล นาดาล ถ้าเขาไม่ลงแข่งขันที่นี่ บางทีผมอาจพูดกับพวกคุณในฐานะแชมป์ 3 สมัย ก็ได้ ใครจะรู้ แต่เขาก็ยังอยู่” ถูกต้อง นาดาล ยังไม่ได้ไปไหน แถมดีไม่ดี สถิติเข้าชิง 2 สมัยรวดของเฟดเอ็กซ์ อาจจบลงเพียงเท่านี้ เนื่องจากหวดดาวรุ่ง อย่าง โนวัค ยอโควิช และคนอื่นๆ ต่างกำลังจ้องที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงหน้าใหม่ของแชมป์ 3 สมัยจากสเปน
วีนัส วิลเลี่ยมส์ มือ 7 ของโลกจากสหรัฐฯ ทำผลงานดีที่สุดในโรลองด์ การ์รอส คือ ทะลุรอบชิงชนะเลิศ เมื่อปี 2002 (แพ้ให้กับน้องสาวของตัวเอง เซเรน่า วิลเลี่ยมส์) และเมื่อถามถึงเหตุผลว่า ทำไมเธอถึงชังการแข่งขันแกรนด์ สแลมรายการที่ 2 ของปี ก็ได้คำตอบจากปากเจ้าของสถิติชนะ 33 ครั้ง แพ้ 11 ครั้งที่นี่ ว่า “มันเหมือนกับว่า ฉันมักได้รับบาดเจ็บทุกครั้ง เมื่อมาเล่นที่นี่ และก็ไม่มีวันลืมการต่อสู้เรื่องเงินรางวัลที่นักหวดหญิงสมควรได้รับเท่าเทียมกับนักหวดชาย มันเปลี่ยนชีวิตฉัน เพราะนับตั้งแต่นั้นมา ฉันไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบอีก”
เจมส์ เบล็ค มือ 8 ของโลกจากสหรัฐฯ มีผลงานดีที่สุดในเฟรนช์ โอเพ่น คือ รอบสาม เมื่อปี 2006 ซึ่งเจ้าของสถิติ ชนะ 5 แพ้ 5 ครั้ง แย้มถึงเหตุผลที่เกลียดโรลองด์ การ์รอสว่า “เป็นการแข่งขันที่แตกต่างจากทัวร์นาเมนต์อื่นโดยสิ้นเชิง เพราะคุณจำต้องแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ แม้คุณจะหวดดีแค่ไหน บางครั้งก็ไม่สามารถเอาชนะได้ นี่คือเรื่องจริง แม้ผู้เชี่ยวชาญจะยกย่องให้ใครประสบความสำเร็จก็ตาม”
มาเรีย ชาราโปว่า ผลงานที่ดีที่สุดของมือ 1 โลกชาวรัสเซีย คือ รอบรองชนะเลิศ ปี 2007 ซึ่งนับว่าไม่เลยทีเดียว แต่เมื่อถามถึงเหตุผลที่ไม่ชอบเฟรนช์ โอเพ่น นางฟ้ามาเรีย ตอบว่า “บางครั้งหากวันไหนแดดจัด ดินก็จะแห้งและต้องเล่นกันเร็วขึ้น ขณะที่หากมีฝนตกลงมา สนามก็จะชื้นและอาจต้องเล่นกันยาวขึ้น ซึ่งมันไม่ใช่แค่การเล่นที่ต้องอาศัยความแข็งแกร่งทางร่างกาย แต่ยังต้องมีจิตใจที่แข็งแกร่งด้วย เพราะคุณจะตระหนักว่า ไม่แน่เสมอไปที่คุณจะรักษาระดับการเล่นอันสุดยอดเอาไว้ได้ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ซึ่งคู่แข่งของคุณก็เช่นกัน”