ในที่สุด “โรเจอร์ เฟเดอเรอร์” หวดหมายเลข 1 ของโลกชาวสวิส ก็สามารถคว้าแชมป์แรกในปีนี้ มานอนกอดได้เสียที หลังเอาชนะ นิโคไล ดาวีเดนโก นักเทนนิสมือ 4 ของโลกจากรัสเซีย ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ศึกเทนนิสรายการเอสโตริล โอเพ่น ที่ประเทศโปรตุเกส ซึ่งถือเป็นการยุติการรอคอยที่เนิ่นนานเกือบ 4 เดือนลงได้สำเร็จ รวมถึงความกดดันต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงออกสตาร์ทฤดูกาล 2008 ที่ผ่านมา
เฟเดอเรอร์ แซงหน้า “ราฟาเอล นาดาล” ราชันคอร์ตดินชาวสเปนและมือ 2 ของโลก ที่ยังไม่สามารถคว้าแชมป์ในปีนี้มาครอง ด้วยการประเดิมแชมป์บนสังเวียนคอร์ตดิน ชนิดแทบไม่ต้องเสียเหงื่อ หลังจากดาวีเดนโก ขอยอมแพ้เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บที่บริเวณขาซ้าย ทำให้เล่นต่อไปไม่ไหว ขณะที่ “เฟด-เอ็กซ์” นำอยู่ 1-0 เซต 7-6(7/5), 1-2 หยิบแชมป์รายการที่ 54 ในชีวิตมาครองพร้อมสถิติเหนือหวดจากแดนหมีขาว 12 ครั้งรวด
ทั้งนี้ เฟดเอ็กซ์ วัย 26 ปี เผยหลังประเดิมแชมป์บนแดนฝอยทองว่า “เป็นเรื่องยอดเยี่ยมมากที่สามารถกลับมาคว้าแชมป์ได้อีกครั้งในฤดูกาลนี้ มันทำให้ผมรู้สึกมั่นใจขึ้นมากก่อนที่จะลงแข่งในศึกมอนติ คาร์โล โอเพ่น และในการแข่งขันสัปดาห์นี้การเคลื่อนที่จากท้ายคอร์ตดีขึ้นมาก มันแสดงให้เห็นว่าผมกลับมาสมบูรณ์แล้ว”
“ผมคิดว่า นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่คู่ต่อสู้ในรอบชิงชนะเลิศ ขอยอมแพ้ ผมคิดว่า ถ้าเราพยายามทำในสิ่งที่ต้องการเรื่อยๆ ความสำเร็จย่อมเกิดขึ้นสักวัน” เฟเดอเรอร์ กล่าว
นอกจากนี้ ความสำเร็จบนเคลย์คอร์ตแรกของเฟดเอ็กซ์ในปีนี้ ยังถือเป็นการคว้าชัยประเดิมโค้ชคนใหม่อีกด้วย ซึ่งเมื่อก่อนก้าวลงทำการแข่งขันในศึกเอสโตริล เฟดเอ็กซ์ ประกาศร่วมงานชั่วคราวเป็นเวลา 1 สัปดาห์กับ “โฮเซ ฮิกูราส” โค้ชชาวสเปน ซึ่งเคยทำหน้าที่เทรนเนอร์ให้กับอดีตแชมป์เฟรนช์ โอเพ่น อย่าง “จิม คูเรียร์” และ “ไมเคิล ชาง” มาแล้ว และจากความสำเร็จในครั้งนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่ทั้งคู่จะแท็คทีมกันไปจนกระทั่งถึงการแข่งขันเฟรนช์ โอเพ่น ในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้
ทว่าที่แน่ๆ โค้ชชาวสเปนจะติดสอยห้อยตามเฟดเอ็กซ์ ไปตะลุยศึกเทนนิสมาสเตอร์ ซีรีส์ มอนติ คาร์โล ซึ่งจะมีขึ้นที่โมนาโก ในสัปดาห์นี้อย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้ เจ้าของ 12 แชมป์แกรนด์ สแลม ต้องแบกรับคำวิพากษ์วิจารณ์มาโดยตลอด หลังไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้เป็นที่น่าประทับใจ เมื่อเริ่มออกสตาร์ทฤดูกาล ในศึกแกรนด์สแลมแรกของปี ณ เมืองจิงโจ้ โดยพ่ายให้กับ “โนวัค ยอโควิช” หวดดาวรุ่งชาวเซิร์บ ในการแข่งขันรอบรองชนะเลิศ อีกทั้งใน 3 ทัวร์นาเมนต์ถัดมา ก็เล่นได้ลุ่มๆ ดอนๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ โดยเฉพาะการร่วงตกรอบแรกเป็นหนแรกในรอบ 3 ปี ครึ่งของเฟดเอ็กซ์ ที่มีต่อ “แอนดี้ เมอร์เรย์” หวดดาวรุ่งชาวสกอตติช ในการแข่งขันดูไบ เทนนิส แชมเปี้ยนชิปส์ ที่ประเทศดูไบ เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก็ยิ่งเพิ่มกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบให้กับหวดมือ 1โลกมากขึ้นไปอีก แม้ภายหลังจากมีการเปิดเผยว่า เขาป่วยเป็น “โรคโมโนนิวคลิโอลิส” ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งก็ตาม
อย่างไรก็ดี คงต้องยอมรับว่า เส้นทางในการคว้าแชมป์แรกของหวดหมายเลข 1 ในครั้งนี้ไม่ได้สวยหรูสักเท่าไรนัก เมื่อการแข่งขันในรอบแรก เฟดเอ็กซ์ ต้องใช้เวลานานร่วม 2 ชั่วโมงกว่าจะเอาชนะ “โอลิวิเยร์ โรชุส” มือไร้อันดับจากเบลเยี่ยม แบบหืดจับ 2-1 เซต 4-6, 6-3, 6-2 ขณะที่ในรอบก่อนรองชนะเลิศ แรกเก็ตสวิส ก็ต้องเล่นถึง 3 เซต ในการสยบ “เดนิส กรีเมลเมเยอร์” นักเทนนิสรองบ่อนจากเยอรมนี 2-1 เซต 2-6, 7-5, 6-1 ก่อนที่จะคว้าแชมป์แบบง่ายดาย หลังดาวีเดนโก้ ขอยอมแพ้เพราะอาการบาดเจ็บ
การรอคอยแชมป์แรกของเฟดเอ็กซ์ อาจดูไม่ยาวนานอย่างที่หลายคนพยายามแช่งชักหักกระดูก ทว่าเมื่อมองว่า นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ที่แรกเก็ตสวิสต้องอาศัยการลงสนามถึง 5 ทัวร์นาเมนต์ด้วยกัน กว่าจะทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ ก็ต้องยอมรับว่า นี่ถือเป็นชัยชนะที่เฟดเอ็กซ์ ต้องตั้งตารอด้วยความอดทนจริงๆ
แม้ชัยชนะครั้งนี้จะดูไม่น่าภาคภูมิใจสักเท่าไหร่ เมื่อมองว่า การประเดิมแชมป์ประจำฤดูกาลของมือ 1 โลก 4 สมัย และเจ้าของแชมป์แกรนด์ สแลม 12 สมัย เกิดขึ้นจากการขอยอมแพ้ของคู่ต่อสู้ ทว่าหากนี่จะเป็นช่วยปลดแอกและหนีจากความกดดันทั้งหลายทั้งปวง ก่อนเดินหน้าไล่ล่าแชมป์ในการแข่งขันรายการที่เหลือ “แชมป์นี้ที่รอคอย” ก็นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ไม่เลวทีเดียว