“บิ๊กป๋อม” อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ผู้จัดการทีมฟุตซอลทีมชาติไทย ยอมรับ “ปูลปิส” กุนซือคนใหม่ เข้าปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นทีมโต๊ะเล็กไทย อาจเล่นไม่พริ้ว ไม่สวยงามเหมือนเก่า แต่ได้ความดุดันแข็งแกร่งเข้ามาแทน พร้อมกับมั่นใจเข้าถึงรอบตัดเชือกในศึกชิงจ้าวเอเชีย คว้าโควต้าไปลุยศึกชิงแชมป์โลก ที่บราซิล ได้สำเร็จ
การแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย ครั้งที่ 10 ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 11-18 พฤษภาคม 51 โดยมี มี 16 ทีมร่วมโม่แข้ง ประกอบด้วย สาย เอ ไทย, คีร์กีซสถาน, อิรัก, อินโดนีเซีย, สาย บี ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, เติร์กเมนิสถาน, ไต้หวัน, สาย ซี อุซเบกิสถาน, เลบานอน, เกาหลีใต้, มาเลเซีย และสาย ดี อิหร่าน, จีน, ทาจิกิสถาน, คูเวต ซึ่งคัดเอา 4 ทีมสุดท้ายเข้าไปแข่งขันในศึกฟุตซอลชิงแชมป์โลก ที่ประเทศบราซิล ในเดือนกันยายน โดยสาย เอ และ บี จะแข่งขันที่อาคารนิมิตรบุตร ส่วนสาย ซี และ ดี จะเล่นที่อินดอร์สเตเดี้ยมหัวหมาก ส่วนรอบรองฯ และ รอบชิงชนะเลิศ จะเล่นกันที่อาคารนิมิตรบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ณ โรงแรมเรดิสัน ได้มีการประชุมผู้จัดการทีมและแถลงข่าว โดยมี 3 กุนซือ ฮอสซัม แชม หัวหน้าโค้ชทีมชาติอิหร่าน, ซาโบ กุนซือชาวบราซิลของทีมชาติญี่ปุ่น และ โฆเซ่ มาเรีย เมนเดส “ปูลปิส” กุนซือชาวสเปนของทีมชาติไทยร่วมแถลงข่าว
โดย ฮอสซัม แชม เปิดเผยความพร้อมของทีมอิหร่าน ซึ่งเป็นแชมป์เก่าว่า “เราเตรียมทีมกันมาเกือบ 1 ปีเต็ม แม้รายการนี้จะมีคู่แข่งที่น่ากลัวอยู่หลายทีม ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อุซเบกิสถาน รวมทั้งประเทศไทย แต่เป้าหมายของเราก็คือต้องเป็นแชมป์สถานเดียวเท่านั้น”
ทางด้าน ซาโบ กุนซือชาวบราซิลของทีมญี่ปุ่น กล่าวในทำนองเดียวกันว่า “ที่ผ่านมาเราฝึกซ้อมอย่างหนักมาตลอด เรียกว่าเตรียมทีมมาเกินร้อย ซึ่งเรามั่นใจและหวังว่าจะคว้าแชมป์มาครองได้”
ขณะที่ ปูลปิส ที่เพิ่งเข้ามาคุมทีมชาติไทยได้เพียง 3 เดือนกล่าวว่า “ทัวร์นาเม้นต์นี้ไม่ใช่งานง่ายสำหรับเรา ด้วยศักยภาพของแต่ละทีมไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น อิหร่าน ฯลฯ ล้วนแต่มีดีพอที่จะประสบความสำเร็จทั้งนั้น แต่เราก็จะพยายามเต็มที่ ซึ่ง 3 เดือนที่ผ่านมาผมได้เปลี่ยนสไตล์การเล่นของทีมไทยใหม่รับรองว่าแฟนบอลจะได้เห็นการเล่นที่แตกต่างไปจากที่ผ่านมาแน่นอน”
ส่วน “บิ๊กป๋อม” อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ผู้จัดการทีมโต๊ะเล็กไทย กล่าวว่า “การเข้ามาของ ปูลปิส ทำให้รูปแบบการเล่นของทีมไทยเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง อาจไม่พริ้ว ไม่สวยงามเหมือนเมื่อก่อน แต่ได้ความดุดันแข็งแกร่งเข้ามาแทนที่ เพราะแนวทางการเล่นฟุตซอลในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว และด้วยผลงานในศึกเคแอล เวิลด์ไฟว์ ที่มาเลเซียเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเราเข้าถึงรอบตัดเชือก ยิ่งทำให้เรามั่นใจว่าจะสามารถเป็น 1 ใน 4 ทีมสุดท้ายเพื่อคว้าตั๋วไปลุยศึกชิงแชมป์โลก ที่บราซิล ในเดือนกันยายนนี้ได้”
ทั้งนี้ ขุนพลโต๊ะเล็กทีมไทยมีคิวเตะ 3 นัด รอบแรก ดังนี้ นัดแรก 11 พ.ค. พบ อิรัก เวลา 16.30 น., นัดสอง 12 พ.ค. พบ อินโดฯ เวลา 14.15 น. และนัดสุดท้าย รอบแรก 13 พ.ค. พบ คีร์กิซสถาน เวลา 16.30 น. ซึ่ง ไทย จะลงแข่งที่ยิมในอาคารนิมิบุตร ทั้ง 3 นัด