ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือลิเวอร์พูล ออกมาทำสงครามประสาทก่อนเกมยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดสอง โดยชี้ว่า เชลซี อยู่ภายใต้ความกดดันไม่แพ้กัน ขณะที่ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ออกมาสวนกลับผู้จัดการทีมชาวสเปน ซึ่งกล่าวหาว่าตนชอบพุ่งล้มทำให้คุณค่าในตัวเสื่อมลงไป
แมตช์ชี้ชะตาเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ “สิงห์บลูส์” เตรียมเปิดรังสแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้อนรับ “หงส์แดง” ในคืนวันพุธที่ 30 เมษายนนี้ โดยนัดแรกเสมอกันมา 1-1 ซึ่งฝ่ายแรกได้เปรียบจากการมีอะเวย์โกล์ตุนอยู่ อย่างไรก็ตาม เอล ราฟา มองว่า การได้เล่นในบ้านจะเป็นดาบสองคมสำหรับ เชลซี เอง
โดย เบนิเตซ กล่าวว่า “ถ้าเรายิงได้ก่อน 1 ลูก ผมคิดว่าน่าจะเพียงพอสำหรับเราแล้ว ส่วน เชลซี จะเป็นฝ่ายกดดัน เนื่องจากแฟนบอลคาดหวังว่าทีมจะไม่ตั้งรับในบ้านตัวเองหรือแพ้ด้วยสกอร์ 0-1 ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นแล้วพวกเขาคงไม่พอใจแน่ ดังนั้น เชลซี จึงจำเป็นต้องเปิดเกมรุกเช่นเดียวกับเรา”
“ถ้าเราเสียประตูไปก่อนก็ต้องหวังเอาประตูคืน แต่ถ้าเรายิง เชลซี ได้ก่อน พวกเขาก็จะเจอปัญหาใหญ่ เพราะต้องยิงอีก 2 ลูก เพื่อชนะ และหากเรายิงได้อีก พวกเขาก็ต้องยิงให้ได้มากกว่าเรา แต่ในกรณีที่ต้องยืดเยื้อไปจนถึงการดวลจุดโทษ เราก็ยังมี เปเป้ (โฮเซ เรนา) ที่ชำนาญในการป้องกันจุดโทษอยู่ กระนั้น เฟอร์นานโด ตอร์เรส ก็พร้อมยิงประตูในเวลาปกติเพื่อพาเราเข้ารอบชิงชนะเลิศ”
ขณะเดียวกัน ดร็อกบา หัวหอกตัวทีเด็ดของสิงห์บลูส์ก็ออกโรงจวก ราฟา ที่ไซโค โรแบร์โต โรเซ็ตติ ผู้ตัดสินชาวอิตาเลียน ที่จะลงทำหน้าที่ในนัดนี้ ว่า ให้จับตาดูพฤติกรรมของเขาในสนามให้ดีด้วยการกล่าวหาว่าเป็นพวกชอบพุ่งล้มเอาจุดโทษ
ซึ่งดาวยิงทีมชาติไอวอรี่โคสต์ กล่าวว่า “บางทีเขาอาจจะจุดชนวนบางอย่างขึ้นมาก่อนเกมเพื่อกดดันฝ่ายตรงข้าม เบนิเตซ เป็นผู้จัดการทีมที่ผมเคารพมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วเพราะเขาได้แสดงให้เห็นถึงความด้อยฝีมือและคุณค่าออกมาจากคำกล่าวโจมตีของเขาที่มีต่อผม ซึ่งผู้จัดการทีมชั้นนำจะไม่ทำเช่นนี้”
“ผมคิดว่าเขาน่าจะคิดถึงการวางแผนให้ทีมของเขาเองมากกว่า ถ้าเขาต้องการให้ผมสยบอยู่แทบเท้าก็ควรจะสั่งให้กองหลังของเขาหยุดผมให้ได้ ซึ่งในนัดแรก (เจมี) คาร์ราเกอร์ และ (มาร์ติน) สเคอร์เทล ไม่สามารถเอาผมอยู่ ทางที่ดีผมว่าให้ผลการแข่งขันในสนามเป็นตัวตัดสินว่าใครคือผู้ชนะที่แท้จริงจะดีกว่า”