ช่วงต้นฤดูกาล 2008 ข่าวที่สร้างความฮือฮามากที่สุดในวงการกอล์ฟอาชีพเห็นจะหนีไม่พ้นคำประกาศของ “พญาเสือ” ไทเกอร์ วู้ดส์ ที่กล่าวเอาไว้ว่าจะขอคว้าทุกแชมป์ที่ลงทำการแข่งขันรวมไปถึงเมเจอร์ทั้งสี่รายการ แต่การแข่งขันเพิ่งจะเริ่มต้นไปไม่เท่าไร วู้ดส์ ก็พลาดตั้งแต่ก้าวแรกเมื่อ “พญาเสือ” ไม่สามารถคว้าเสื้อกรีนแจ็คเก็ตตัวที่ 5 จากสนามออกัสต้ามาสวมได้และเป็นเหตุให้สถิติที่หลายทำให้ฝันของโปรหนุ่มวัย 31 ปีกลายเป็นเพียงฝันค้างกลางฤดูกาล
เมื่อสิ่งที่หวังไว้ดูท่าจะไม่สำเร็จในฤดูกาลนี้ วู้ดส์ จึงหันไปรักษาอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าซ้ายแต่ในเวลาเดียวกันนี้สปอร์ตไลท์ทุกดวงในวงการกอล์ฟก็ได้หันไปจับที่ “ลอเรน่า โอชัว” นักกอล์ฟหญิงหมายเลขหนึ่งโลกคนปัจจุบันที่เพิ่งคว้าแชมป์รายการที่ 5 ของฤดูกาลให้กับตนเองและกลายเป็นโปรสาวรายแรกในรอบ 45 ของแอลพีจีเอที่คว้าแชมป์ได้ติดต่อกัน 4 รายการทำให้มีเสียงอื้ออึงดังไปทั่วคลับเฮ้าส์ของทุกสนามกอล์ฟว่า สาวเม็กซิกันผู้นี้อาจมีโอกาสคว้ากอล์ฟแกรนด์สแลมอันหมายถึงเมเจอร์ ทั้ง 4 รายการของทัวร์นาเม้นท์ผู้หญิงได้ก่อน "พี่เสือ" เสียแล้ว
ถึงเวลานี้เป็นที่ยอมรับกันว่าหากตัดประเด็นของไทเกอร์ วู้ดส์ออกไป ลอเรน่า โอชัว คือนักกอล์ฟที่ร้อนแรงที่สุดของวงการด้วยผลงาน ที่สำคัญเธอคว้าแชมป์เมเจอร์มาครองได้แล้วสองรายการ อันประกอบไปด้วย วีเมนส์ บริทิช โอเพ่น เมื่อช่วงปลายฤดูกาล 2007 ก่อนจะต่อด้วยและ คราฟนาบิสโก เมเจอร์แรกของปีเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตอนนี้ถ้าบอกว่า โอชัว มีโอกาสทำ ""ลอเรน่า สแลม" เช่นเดียวกับ "ไทเกอร์ แสลม" ก็ดูจะมีความเป็นไปได้เช่นกัน
ด้วยผลงานที่เธอได้เดินมาถึงครึ่งทางแล้วต่อจากนี้เหลือเพียงคว้าแชมป์เมเจอร์รายการ แอลพีจีเอ แชมเปี้ยนชิป และ ยูเอส วีเม่น โอเพ่น ในเดือนมิถุนายน หากทำได้สำเร็จ โอชัว จะมีผลงาน เฉกเช่นเดียวกับ วู้ดส์ ในช่วงระหว่างฤดูกาล 1999-2000 ที่ "พญาเสือ" คว้าแชมป์เมเจอร์ได้ครบ 4 รายการในเวลาคาบเกี่ยวกันระหว่างสองฤดูกาลจนกลายเป็นที่มาของ “ไทเกอร์สแลม” แน่นอนว่า เรื่องนี้อยู่ในใจของโอชัวเช่นกัน ดังที่เธอให้สัมภาษณ์กับ หนังสือพิมพ์ "ชิคาโก ทริบูน" เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า
"ฉันเองก็คิดถึงเรื่องการทำผลงานเทียบเท่ากับ "ไทเกอร์ สแลม" เหากสำเร็จตามรอยของไทเกอร์ วู้ดส์ได้ถือว่าเป็นผลงานที่น่าภาคภูมิใจครั้งหนึ่งในชีวิตนักกอล์ฟอาชีพเลยทีเดียว" โอชัว ให้สัมภาษณ์หลังจากเธอคว้าแชมป์กินน์ โอเพ่นอันเป็นโทรฟี่ใบที่ ที่ 5 นับตั้งแต่เปิดฤดูกาล 2008 และเป็นโทรฟี่ใบที่ 19 ของสาวเม็กซิกันนับตั้งแต่เทิร์นโปร
ไม่เพียงแต่โอกาสที่จะทำ "ลอเรน่า สแลม" โปรสาวเม็กซิกันผู้นี้ยังมีสิทธิคว้าแชมป์เมเจอร์ทั้งสี่รายการของแอลพีจีเอภายในฤดูกาลเดียวอีกด้วยเพราะหลังจากคว้าถ้วยคราฟ นาบิสโก้เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาถึงเวลานี้เหลืออีกเพียงสามรายการ คือ แอลพีจีเอ แชมเปี้ยนชิป (5-8 มิ.ย.) ยูเอส วีเมนส์ โอเพ่น (26-29 มิ.ย.) และ วีเมนส์ บริทิช โอเพ่น (31 ก.ค.-3 ส.ค.)
ขณะเดียวกันผลงานที่เธอคว้าแชมป์ โคโรน่า โอเพ่นในบ้านเกิดเมื่อวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา ส่งผลให้คะแนนสะสมเพียงพอที่จะได้สิทธิรับการคัดเลือกเข้าสู่หอเกียรติยศของแอลพีจีเอ ทั้งที่มีอายุเพียง 26 ปีแต่ดูเหมือนว่าคุณสมบัติของโอชัว ยังขาดไปบางส่วนเพราะตามระเบียบแล้วนักกอล์ฟสตรีที่จะได้รับการคัดเลือกเข้าสู่หอเกียรติยศนั้นต้องเล่นอยู่ในแอลพีจีเอทัวร์ 10 ปีขึ้นไปสำหรับโอชัวแล้วเกียรติยศดังกล่าวจะมาถึงเธอในปี 2012
จากนี้เหลือเวลาอีกเพียง 4 ปีก็จะครบช่วงเวลาที่กำหนดหากโปรสาวเม็กซิกัน สามารถรักษามาตรฐานการเล่นและคว้าแชมป์ได้อย่างสม่ำเสมอเช่นเดียวกับในช่วงสามปีที่ผ่านมาเมื่อถึงเวลาดังกล่าวชื่อของโอชัว ในวัย 30 ปีก็จะประสบความสำเร็จไม่แคล้วไปจาก ไทเกอร์ วู้ดส์ และคงมีคำกล่าวที่ว่า ถ้าพีจีเอทัวร์มี “พญาเสือ” เป็นซูเปอร์สตาร์ แอลพีจีเอ ทัวร์ ก็มี “ลอเรน่า” เป็นจุดขายเช่นกัน