ถ้าไบรอน เนลสัน มีชีวิตอยู่และได้เห็นผลการแข่งขัน เวิลด์กอล์ฟ ซีเอ แชมเปี้ยนชิปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เชื่อว่าเจ้าของสถิติชนะติดต่อกัน 11 ครั้งในพีจีเอทัวร์ปี 1945 คงหายใจได้ทั่วท้องมากขึ้นหลังจากที่ เจฟฟ์ โอกิลวี่ ไม่เสียโบกี้เลยในการเล่น 9 หลุมสุดท้ายส่งผลให้โปรชาวออสเตรเลียคว้าชัยชนะไปครองชนิดม้วนเดียวจบ ขณะเดียวกันยังเป็นการทำให้ความฝันเพอร์เฟคซีซั่นของไทเกอร์ วู้ดส์ กับชัยชนะติดต่อกันเป็นสนามที่ 5 นั้นปิดประตูลงและสถิติอันเป็นตำนานของ เนลสัน ก็ยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไป
หลังจากเปิดฤดูกาล 2008 มาโปรหมายเลขหนึ่งของโลกที่ได้กลายสถานภาพเป็นคนพ่อลูกหนึ่งดูจะมีความมุ่งมั่นในการคว้าชัยชนะมากขึ้นกว่าอดีตที่สำคัญเป้าหมายในการคว้าชัยชนะของเขานั้นมีความสุขุมมากขึ้นไม่ดุดันเหมือนดังเช่นที่ผ่าน และวู้ดส์ ก็พิสูจน์ให้เห็นด้วยการคว้าแชมป์พีจีเอ ทัวร์ติดต่อกันถึง 4 รายการพร้อมกับทำลายสถิติเป็นว่าเล่นไม่ว่าจะเป็นการเก็บชัยชนะในพีจีเอทัวร์ทะลุตัวเลขมาอยู่ที่ 64 ครั้งเหนือกว่าอาร์โนลต์ พาลเมอร์ เจ้าของสถิติเดิมในอันดับที่ 4 ซึ่งทำเอาไว้ 62 ครั้งและยังเป็นการคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์ ได้เทียบเท่ากับ เบน โฮเกน อีกด้วย
เมื่อ “พญาเสือ” ประเดิมฤดูกาลด้วยความร้อนแรงพอถึงการแข่งขัน เวิลด์กอล์ฟ แชมเปี้ยนชิป ซีเอ แชมเปี้ยนชิป ตัวเก็งหนีไม่พ้นไทเกอร์ วู้ดส์ เพราะนอกจากศักดิ์ศรีของแชมป์เจ้าที่ครองถ้วยใบนี้ติดต่อกันมาได้ถึง 3 ปีติดต่อกันแล้ว ยังหมายรวมถึงการครองแชมป์พีจีเอทัวร์ติดต่อกันเป็นรายการที่ 5 ซึ่งขยับเข้าใกล้สถิติของ ไบรอน เนลสันไปแล้วครึ่งทางแต่ดูเหมือนว่าฟ้าฝนที่สนามดอรัล จะไม่เป็นใจเพราะหลังจากต้องแข่งๆหยุดๆ สุดท้ายวู้ดส์ ก็จบได้เพียงอันดับที่ 5 และสถิติของ “เนลสัน” ก็ยังคงเป็นตำนานต่อไป
ทั้งนี้ เร็กซ์ ฮอกการ์ด คอลัมนิสต์แห่งเว็บไซต์ Golfweek.com ได้วิเคราะห์ความเป็นไปได้ของการทำสถิติไปเทียบเคียง ไบรอน เนลสันของไทเกอร์ วู้ดส์ ว่ามีความเป็นไปค่อนข้างยากเพราะนั่นหมายความว่า "พญาเสือ" ต้องเก็บชัยชนะติดต่อกันไปจนถึงการแข่งขันที่เมเจอร์ที่ออกัสต้า เนชั่นแนล พร้อมกับคว้าเสื้อกรีนแจ็กตัวที่ 5 ขณะเดียวกันต้องปิดท้ายผลงานให้ดีที่สุดกับแชมป์เมเจอร์อีกหนึ่งรายการกับการแข่งขันยูเอส โอเพ่น ในเดือนมิถุนายน ที่ ทอร์เรย์ พายส์ จากนั้นโปรหมายเลขหนึ่งโลกจึงบันทึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับตนเองได้
แต่เส้นทางดังกล่าวเป็นไปไม่ได้แล้วสำหรับวู้ดส์ ในฤดูกาลนี้ถึงเวลานี้นักกอล์ฟหมายเลขหนึ่งของโลกต้องหันกลับมาเอาจริงเอาจังกับการทำสถิติให้คว้าชัยชนะในรายการเมเจอร์ให้ได้ 18 ครั้ง เทียบเท่าที่ “หมีทองคำ” แจ็ค นิกคลอส อันเป็นจุดมุ่งหมายแต่เดิมของโปรวัย 32 ปีรายนี้
ไทเกอร์ วู้ดส์ ได้ให้สัมภาษณ์หลังจบการแข่งขันที่ ดอรัล ถึงผลงานของตนเองว่า "คนที่อยู่ภายนอกอาจไม่เข้าใจว่าเกมการแข่งขันนั้นมีความกดดันมากน้อยเพียงใด จะมีเพียงแต่โปรที่ลงสนามเท่านั้นที่น่าจะรู้ดีที่สุด" ทั้งนี้วู้ดส์ รู้สึกผิดหวังกับผลงานของตนเองในรายการซีเอ แชมเปี้ยนชิปพอสมควรเพราะส่วนความผิดพลาดส่วนใหญ่แล้วเกิดมาจากตัวเขาเองไม่ว่าจะเป็นลูกบนแฟร์เวย์ หรือ ลูกพัตต์บนกรีน แต่ถึงแม้จะพลาดแชมป์สมัยที่ 4 ติดต่อกันในเวิลด์กอล์ฟรายการนี้ไปอย่างน่าเสียดาย แต่โปรหมายเลขหนึ่งของโลกยังคงมีความมั่นใจและมุ่งมั่นอยู่อย่างเต็มเปี่ยม
ดังที่ สตีฟ วิลเลี่ยมส์ แคดดี้ คู่ใจของวู้ดส์ กล่าวถึงผลงานของโปรที่เขาแบกถุงให้มากว่า 9 ปีนับตั้งแต่ปี 1999 ว่า "สำหรับผมแล้วถ้า วู้ดส์ไม่เตรียมตัวให้พร้อมเขาก็ควรถอนตัวไม่เข้าร่วมการแข่งขัน อันที่จริงแล้ว วู้ดส์ ไม่ได้ซ้อมหรือมีลูกเล่นมากกว่าโปรรายอื่นที่เข้าร่วมการแข่งขัน แต่ผมมักจะแปลกใจเสมอว่าทำไมนักกอล์ฟรายอื่นถึงไม่สามารถทำผลงานได้เช่นเดียวกับวู้ดส์ ผมว่านักกอล์ฟอาชีพควรศึกษาวิถีและหนทางแห่งความสำเร็จของไทเกอร์ วู้ดส์ หากอยากจะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับเขา”
ความท้าทายของโปรวัย 32 ปีนับจากนี้นอกจากต้องรักษาตำแหน่งนักกอล์ฟหมายเลขหนึ่งของโลกไว้ให้ได้นานที่สุดแล้ว สถิติที่เขาตั้งใจไว้นับตั้งแต่เทิร์นโปรคือสถิติเมเจอร์ 18 สมัยของแจ็ก นิกคลอส น่าจะเป็นเป้าหมายอันสูงสุดหากฤดูกาล 2008 วู้ดส์ เก็บได้หมดทั้ง 4 รายการจาก เดอะมาสเตอร์ส, ยูเอส โอเพ่น, ดิ โอเพ่น และ พีจีเอแชมป์เปี้ยนชิป ก็จะเหลือแชมป์เมเจอร์อีกเพียงอีกแค่หนึ่งรายการในฤดูกาลหน้าให้เขาไล่ล่าเพื่อทำสถิติ หากเป็นไปได้จริงผลงานดังกล่าวน่าจะพอทดแทน “เพอร์เฟค ซีซั่น” ที่หลุดลอยไปได้เช่นกัน
