นิคลาส เบนด์ทเนอร์ หัวหอกดาวรุ่งของทีม"ปืนใหญ่"อาร์เซนอล ทำประตูในนาทีที่ 54 ให้กับทีมไล่ตามตีเสมอกับทีม"หงส์แดง"ลิเวอร์พูล ไป 1-1 ในเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาแบ่งกันไปทีมละ 1 คะแนน โดยทั้ง 2 ทีมมีคิวที่จะโม่แข้งกันอีกครั้งวันอังคารนี้ในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก โดย อาร์เซนอล จะเป็นฝ่ายบุกไปเยือนบ้าง
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันเสาร์ที่ 5 เมษายน
อาร์เซนอล 1-1 ลิเวอร์พูล
เกมพรีเมียร์ลีกประจำวันเสาร์ที่ 5 เมษายน คู่เอกประจำสัปดาห์นี้ เป็นการพบกันของ"ปืนใหญ่"อาร์เซนอล เปิดเอมิเรสต์ สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของ"หงส์แดง"ลิเวอร์พูล โดยทั้ง 2 ทีมเพิ่งจะเสมอกันมาในเกมยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อกลางสัปดาห์ 1-1 เกมในวันนี้ อาร์แซน เวนเกอร์ กุนชือ"ปืนใหญ่"ดร็อปผู้เล่นตัวหลักบางตำแหน่งเป็นตัวสำรองเพื่อเก็บความสดไว้ในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกนัดบุกไปเยือนถิ่นแอนฟิลด์กลางสัปดาห์หน้า โดย เวนเกอร์ ใช้ นิคลาส เบนด์ทเนอร์ หัวหอกดาวรุ่งยืนเป็นกองหน้าคนเดียว โดยมี ธีโอ วัลคอตต์ กองหน้าเจ้าความเร็วคอยสอดขึ้นไปทำประตูด้านทีมเยือน ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีม ก็โรเตชั่นนักเตะอย่างที่ประกาศเอาไว้ โดย 11 คนแรกไม่มีชื่อของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด, เฟอร์นานโด ตอร์เรส, ซามี่ ฮูเปีย, เดิร์ก เค้าท์, โดย"เอลราฟา"ใช้ ปีเตอร์ เคร้าช์ ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้าแต่เพียงผู้เดียว
เริ่มเกมมาได้แค่ 2 นาที เป็นฝ่าย"หงส์แดง"ทีมเยือนที่ได้โอกาสลุ้นประตูก่อน จากจังหวะที่ ปีเตอร์ เคร้าช์ ได้สับไกจากระยะ 35 หลากลางประตู บอลพุ่งจะเสียบใต้คานอยู่แล้ว แต่ มานูเอล อัลมูเนีย ยังเหินปัดออกหลังได้ทัน
เกมเข้าสู่นาทีที่ 15 เคร้าช์ ได้จังหวะพลิกบอลหน้ากรอบเขตโทษก่อนแทงทะลุช่องให้กับ ยอร์น อาร์เน่ รีเซ หลุดเข้าไปซัดด้วยขวาเต็มแรงแต่บอลพุ่งข้ามคานออกไปแบบไม่ได้ลุ้น
เกมหลังจากนั้นทั้ง 2 ฝ่ายต่างครองเกมแต่ยังคงไม่ได้เปิดเกมรุกสู่กันอย่างเต็มตัว จนนาทีที่ 25 เจอร์เมน เพนเนนท์ ได้โอกาสลองซัดไกลนอกเขตโทษอีกครั้งแต่บอลยังไม่ตรงกรอบ หลังจากนั้น 5 นาที "หงส์แดง"พลาดโอกาสได้ประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย จากจังหวะต่อเกมรุกทำชิ่งกันมาอย่างสวยงามก่อนที่ ลูคัส เลว่า จะแทงบอลให้กับ ยอสซี่ เบนายูน หลุดทะลุเข้าไปในเขตโทษ แต่มิดฟิลด์เลือดยิวกลับซัดบอลออกเสาสองไปอย่างไม่ได้ลุ้น
จากนั้นเพียงแค่ 2 นาทีเดียว อาร์เซนอล ที่ไม่มีโอกาสได้ลุ้นประตูมากนักก็เกือบจะมาได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ มาติเยอ ฟลามินี่ ตัดบอลได้บริเวณกลางสนามและไหลต่อให้วัลคอตต์กระชากเข้าหาหน้าปากประตู แต่ เจมี่ คาร์ราเกอร์ มาล้มตัวสกัดไว้ได้ทัน แต่ยังไม่พ้นอันตรายบอลหลุดมาถึง เบนด์ทเนอร์ ได้ซัดในกรอบเขตโทษเต็มๆ แต่บอลเบาไปตรงตัว โฆเซ่ เรน่า
ก่อนหมดครึ่งแรกแค่ 3 นาที "หงส์แดง"ก็มาได้ประตูขึ้นนำจนได้จากจังหวะการเปิดเกมของ เรน่า บอลยาวมาถึง เคร้าช์ โหม่งชงให้ เบนายูน ก่อนที่ดาวเตะยิวจะชิ่งคืนมาให้ เคร้าช์ แตะหลบ กัลลาส ก่อนซัดด้วยซ้ายบอลผ่านมือ อัลมูเนียเข้าไป ลิเวอร์พูล ตีปีกนำ 1-0 และจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้
เริ่มครึ่งหลังได้ 5 นาที อาร์เซนอลที่ถูกนำอยู่ก็พยายามเปิดเกมรุกเข้าใส่ทีมเยือน และมาได้ลูกเตะมุมทางด้านขวา ฟาเบรกาส เปิดเข้ามาหน้าปากประตู โคโล ตูเร่ ทะยานขึ้นโขกคนเดียวเหน่งๆ แต่บอลกลับพุ่งออกเสาไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 54 "ปืนใหญ่"ก็มาได้ประตูตีเสมอจนได้ เมื่อได้ลูกฟรีคิกทางด้านกราบซ้าย เชส ฟาเบรกาส บรรจงหยอดมาที่หน้าปากประตูและเป็น เบนด์ทเนอร์ ที่โผขึ้นโขกลูกเสียบโคนเสาเข้าไป อาร์เซนอลตามตีเสมอเป็น 1-1 และเมื่อได้ประตูตีเสมอ อาร์แซน เวนเกอร์ ก็หวังที่จะเปิดเกมรุกต่อเนื่องทันที โดยเปลี่ยนตัวเอา เอ็มมานูเอล อเดบาร์ยอร์ หัวหอกตัวเก่งลงมาแทน จัสติน ฮอยท์ กองหลัง
นาทีที่ 80 ลิเวอร์พูลพลาดโอกาสที่จะได้ประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย เมื่อทำเกมรุกมาทางด้านกราบขวาของของสนาม เคร้าช์ หยอดเข้าไปในกรอบเขตโทษให้กับ อังเดร โวโรนิน หัวหอกตัวสำรองเอาบอลลงก่อนจิ้มด้วยขวาทันที แต่บอลพุ่งโด่งข้ามคานไป หลังจากนั้นทั้ง 2 ทีมมีการปรับเกมกันอีกครั้งหมายที่จะคว้าชัยชนะกันให้ได้ทั้งคู่ โดย"หงส์แดง"นั้นส่ง เฟอร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าตัวเก่งของทีมลงสนามมา ด้านเจ้าถิ่นก็ส่ง อเล็กซานเดอร์ เคล็บ ลงมาปั้นเกมรุกเช่นกัน
แม้ว่าทั้ง 2 ทีมจะมีการส่งผู้เล่นเพื่อมาเสริมในเกมรุกก็ตามแต่ครบ 90 นาทีไม่มีฝ่ายใดสามารถทำประตูเพิ่มกันได้ เสมอกันไป 1-1 แบ่งกันไปทีมละ 1 คะแนน โดยทั้ง 2 ทีมมีคิวที่จะโม่แข้งกันอีกครั้งวันอังคารนี้ในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก โดย อาร์เซนอล จะเป็นฝ่ายบุกไปเยือนบ้าง
รายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกของทั้ง 2 ทีม
อาร์เซนอล : มานูเอล อัลมูเนีย, วิลเลียม กัลลาส, โคโล ตูเร่, จัสติน ฮอยท์, เอ็มมานูเอล เอบูเอ้, อาร์มัน ตราโอเร่, กิลแบร์โต้ ซิลวา, เชส ฟาเบรกาส, มาติเยอ ฟลามินี่, ธีโอ วัลคอตต์, นิคลาส เบนด์ทเนอร์
ลิเวอร์พูล : โฆเซ เรน่า, เจมี่ คาร์ราเกอร์, สตีฟ ฟินแน่น, อัลวาโร อาร์เบลัว, มาร์ติน สเคอร์เทล, ยอร์น อาร์เน่ รีเซ่, เจอร์เมน เพนเนนท์, ยอสซี่ เบนายูน, ลูคัส เลว่า, ดาเมี่ยน เปลสซิส, ปีเตอร์ เคร้าช์
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ ประจำวันเสาร์ที่ 5 เมษายน
อาร์เซนอล เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1 (ปีเตอร์ เคร้าช์ 0-1 นาที 42), (นิคลาส เบนด์ทเนอร์ 1-1 นาที 54)
แอสตัน วิลล่า ชนะ โบลตัน 4-0 (แกเร็ธ แบร์รี่ 1-0 นาที 9), (กาเบรียบ อักบอนลาฮอร์ 2-0 นาที 56), (แกเร็ธ แบร์รี่ 3-0 นาที 60), (มาร์ลอน แฮร์วูด 4-0 นาที 85)
แบล็คเบิร์น เสมอ สเปอร์ส 1-1 (ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ 0-1 นาที 7), (มอร์เท่น แกมส์ท พีเดอร์เซ่น 1-1 นาที 30)
ฟูแล่ม แพ้ ซันเดอร์แลนด์ 1-3 (แดนนี่ คอลลินส์ 0-1 นาที 45), (ไมเคิล โชปรา 0-2 นาที 54), (ดาวิด ฮีลี่ 1-2 นาที 74), (เคลวิน โจนส์ 1-3 นาที 76)
นิวคาสเซิล ชนะ เร้ดดิ้ง 3-0 (โอบาเฟมี่ มาริติน 1-0 นาที 18), (ไมเคิล โอเว่น 2-0 นาที 43), (มาร์ค วิดูก้า 3-0 นาที 58)
วีแกน ชนะ เบอร์มิ่งแฮม 2-0 (ไรอัน เทย์เลอร์ 1-0 นาที 15), (ไรอัน เทย์เลอร์ 2-0 นาที 55)
แมนฯซิตี้ แพ้ เชลซี 0-2 (ริชาร์ด ดันน์ ทำเข้าประตูตัวเอง นาที 6), (โซโลมอน กาลู 0-2 นาที 53)
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันเสาร์ที่ 5 เมษายน
อาร์เซนอล 1-1 ลิเวอร์พูล
เกมพรีเมียร์ลีกประจำวันเสาร์ที่ 5 เมษายน คู่เอกประจำสัปดาห์นี้ เป็นการพบกันของ"ปืนใหญ่"อาร์เซนอล เปิดเอมิเรสต์ สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของ"หงส์แดง"ลิเวอร์พูล โดยทั้ง 2 ทีมเพิ่งจะเสมอกันมาในเกมยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อกลางสัปดาห์ 1-1 เกมในวันนี้ อาร์แซน เวนเกอร์ กุนชือ"ปืนใหญ่"ดร็อปผู้เล่นตัวหลักบางตำแหน่งเป็นตัวสำรองเพื่อเก็บความสดไว้ในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกนัดบุกไปเยือนถิ่นแอนฟิลด์กลางสัปดาห์หน้า โดย เวนเกอร์ ใช้ นิคลาส เบนด์ทเนอร์ หัวหอกดาวรุ่งยืนเป็นกองหน้าคนเดียว โดยมี ธีโอ วัลคอตต์ กองหน้าเจ้าความเร็วคอยสอดขึ้นไปทำประตูด้านทีมเยือน ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีม ก็โรเตชั่นนักเตะอย่างที่ประกาศเอาไว้ โดย 11 คนแรกไม่มีชื่อของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด, เฟอร์นานโด ตอร์เรส, ซามี่ ฮูเปีย, เดิร์ก เค้าท์, โดย"เอลราฟา"ใช้ ปีเตอร์ เคร้าช์ ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้าแต่เพียงผู้เดียว
เริ่มเกมมาได้แค่ 2 นาที เป็นฝ่าย"หงส์แดง"ทีมเยือนที่ได้โอกาสลุ้นประตูก่อน จากจังหวะที่ ปีเตอร์ เคร้าช์ ได้สับไกจากระยะ 35 หลากลางประตู บอลพุ่งจะเสียบใต้คานอยู่แล้ว แต่ มานูเอล อัลมูเนีย ยังเหินปัดออกหลังได้ทัน
เกมเข้าสู่นาทีที่ 15 เคร้าช์ ได้จังหวะพลิกบอลหน้ากรอบเขตโทษก่อนแทงทะลุช่องให้กับ ยอร์น อาร์เน่ รีเซ หลุดเข้าไปซัดด้วยขวาเต็มแรงแต่บอลพุ่งข้ามคานออกไปแบบไม่ได้ลุ้น
เกมหลังจากนั้นทั้ง 2 ฝ่ายต่างครองเกมแต่ยังคงไม่ได้เปิดเกมรุกสู่กันอย่างเต็มตัว จนนาทีที่ 25 เจอร์เมน เพนเนนท์ ได้โอกาสลองซัดไกลนอกเขตโทษอีกครั้งแต่บอลยังไม่ตรงกรอบ หลังจากนั้น 5 นาที "หงส์แดง"พลาดโอกาสได้ประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย จากจังหวะต่อเกมรุกทำชิ่งกันมาอย่างสวยงามก่อนที่ ลูคัส เลว่า จะแทงบอลให้กับ ยอสซี่ เบนายูน หลุดทะลุเข้าไปในเขตโทษ แต่มิดฟิลด์เลือดยิวกลับซัดบอลออกเสาสองไปอย่างไม่ได้ลุ้น
จากนั้นเพียงแค่ 2 นาทีเดียว อาร์เซนอล ที่ไม่มีโอกาสได้ลุ้นประตูมากนักก็เกือบจะมาได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ มาติเยอ ฟลามินี่ ตัดบอลได้บริเวณกลางสนามและไหลต่อให้วัลคอตต์กระชากเข้าหาหน้าปากประตู แต่ เจมี่ คาร์ราเกอร์ มาล้มตัวสกัดไว้ได้ทัน แต่ยังไม่พ้นอันตรายบอลหลุดมาถึง เบนด์ทเนอร์ ได้ซัดในกรอบเขตโทษเต็มๆ แต่บอลเบาไปตรงตัว โฆเซ่ เรน่า
ก่อนหมดครึ่งแรกแค่ 3 นาที "หงส์แดง"ก็มาได้ประตูขึ้นนำจนได้จากจังหวะการเปิดเกมของ เรน่า บอลยาวมาถึง เคร้าช์ โหม่งชงให้ เบนายูน ก่อนที่ดาวเตะยิวจะชิ่งคืนมาให้ เคร้าช์ แตะหลบ กัลลาส ก่อนซัดด้วยซ้ายบอลผ่านมือ อัลมูเนียเข้าไป ลิเวอร์พูล ตีปีกนำ 1-0 และจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้
เริ่มครึ่งหลังได้ 5 นาที อาร์เซนอลที่ถูกนำอยู่ก็พยายามเปิดเกมรุกเข้าใส่ทีมเยือน และมาได้ลูกเตะมุมทางด้านขวา ฟาเบรกาส เปิดเข้ามาหน้าปากประตู โคโล ตูเร่ ทะยานขึ้นโขกคนเดียวเหน่งๆ แต่บอลกลับพุ่งออกเสาไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 54 "ปืนใหญ่"ก็มาได้ประตูตีเสมอจนได้ เมื่อได้ลูกฟรีคิกทางด้านกราบซ้าย เชส ฟาเบรกาส บรรจงหยอดมาที่หน้าปากประตูและเป็น เบนด์ทเนอร์ ที่โผขึ้นโขกลูกเสียบโคนเสาเข้าไป อาร์เซนอลตามตีเสมอเป็น 1-1 และเมื่อได้ประตูตีเสมอ อาร์แซน เวนเกอร์ ก็หวังที่จะเปิดเกมรุกต่อเนื่องทันที โดยเปลี่ยนตัวเอา เอ็มมานูเอล อเดบาร์ยอร์ หัวหอกตัวเก่งลงมาแทน จัสติน ฮอยท์ กองหลัง
นาทีที่ 80 ลิเวอร์พูลพลาดโอกาสที่จะได้ประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย เมื่อทำเกมรุกมาทางด้านกราบขวาของของสนาม เคร้าช์ หยอดเข้าไปในกรอบเขตโทษให้กับ อังเดร โวโรนิน หัวหอกตัวสำรองเอาบอลลงก่อนจิ้มด้วยขวาทันที แต่บอลพุ่งโด่งข้ามคานไป หลังจากนั้นทั้ง 2 ทีมมีการปรับเกมกันอีกครั้งหมายที่จะคว้าชัยชนะกันให้ได้ทั้งคู่ โดย"หงส์แดง"นั้นส่ง เฟอร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าตัวเก่งของทีมลงสนามมา ด้านเจ้าถิ่นก็ส่ง อเล็กซานเดอร์ เคล็บ ลงมาปั้นเกมรุกเช่นกัน
แม้ว่าทั้ง 2 ทีมจะมีการส่งผู้เล่นเพื่อมาเสริมในเกมรุกก็ตามแต่ครบ 90 นาทีไม่มีฝ่ายใดสามารถทำประตูเพิ่มกันได้ เสมอกันไป 1-1 แบ่งกันไปทีมละ 1 คะแนน โดยทั้ง 2 ทีมมีคิวที่จะโม่แข้งกันอีกครั้งวันอังคารนี้ในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก โดย อาร์เซนอล จะเป็นฝ่ายบุกไปเยือนบ้าง
รายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกของทั้ง 2 ทีม
อาร์เซนอล : มานูเอล อัลมูเนีย, วิลเลียม กัลลาส, โคโล ตูเร่, จัสติน ฮอยท์, เอ็มมานูเอล เอบูเอ้, อาร์มัน ตราโอเร่, กิลแบร์โต้ ซิลวา, เชส ฟาเบรกาส, มาติเยอ ฟลามินี่, ธีโอ วัลคอตต์, นิคลาส เบนด์ทเนอร์
ลิเวอร์พูล : โฆเซ เรน่า, เจมี่ คาร์ราเกอร์, สตีฟ ฟินแน่น, อัลวาโร อาร์เบลัว, มาร์ติน สเคอร์เทล, ยอร์น อาร์เน่ รีเซ่, เจอร์เมน เพนเนนท์, ยอสซี่ เบนายูน, ลูคัส เลว่า, ดาเมี่ยน เปลสซิส, ปีเตอร์ เคร้าช์
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ ประจำวันเสาร์ที่ 5 เมษายน
อาร์เซนอล เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1 (ปีเตอร์ เคร้าช์ 0-1 นาที 42), (นิคลาส เบนด์ทเนอร์ 1-1 นาที 54)
แอสตัน วิลล่า ชนะ โบลตัน 4-0 (แกเร็ธ แบร์รี่ 1-0 นาที 9), (กาเบรียบ อักบอนลาฮอร์ 2-0 นาที 56), (แกเร็ธ แบร์รี่ 3-0 นาที 60), (มาร์ลอน แฮร์วูด 4-0 นาที 85)
แบล็คเบิร์น เสมอ สเปอร์ส 1-1 (ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ 0-1 นาที 7), (มอร์เท่น แกมส์ท พีเดอร์เซ่น 1-1 นาที 30)
ฟูแล่ม แพ้ ซันเดอร์แลนด์ 1-3 (แดนนี่ คอลลินส์ 0-1 นาที 45), (ไมเคิล โชปรา 0-2 นาที 54), (ดาวิด ฮีลี่ 1-2 นาที 74), (เคลวิน โจนส์ 1-3 นาที 76)
นิวคาสเซิล ชนะ เร้ดดิ้ง 3-0 (โอบาเฟมี่ มาริติน 1-0 นาที 18), (ไมเคิล โอเว่น 2-0 นาที 43), (มาร์ค วิดูก้า 3-0 นาที 58)
วีแกน ชนะ เบอร์มิ่งแฮม 2-0 (ไรอัน เทย์เลอร์ 1-0 นาที 15), (ไรอัน เทย์เลอร์ 2-0 นาที 55)
แมนฯซิตี้ แพ้ เชลซี 0-2 (ริชาร์ด ดันน์ ทำเข้าประตูตัวเอง นาที 6), (โซโลมอน กาลู 0-2 นาที 53)