“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทำสำเร็จบุกเจ๊า “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล 1-1 ขณะที่ “สิงห์บลูส์” เชลซี เสียท่าในถิ่นเติร์กเมื่อโดน เฟเนร์บาห์เช พลิกกลับมาเอาชนะ 2-1 ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย รอบแรก
ศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก
อาร์เซนอล (อังกฤษ) 1-1 ลิเวอร์พูล (อังกฤษ)
อาร์แซน เวนเกอร์ นำลูกทีม “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ลงเผชิญหน้า “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล กันแบบไตรภาค 3 นัดติดทั้งในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และพรีเมียร์ชิป โดยเกมนี้เจ้าถิ่นให้ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ กลับมาประสานงานในแดนหน้ากับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี และก็มี เชส ฟาเบรกาส เป็นหัวใจแผงมิดฟิลด์ ด้าน ราฟาเอล เบนิเตซ ยังใช้ เจมี คาร์ราเกอร์ ปักหลักเป็นแบ็กขวาให้ทีมเยือน พร้อมส่ง ฮาเวียร์ มาสเชราโน ที่ไม่ติดโทษแบนในยุโรปลงตัดเกมแดนกลาง โดยมี เฟอร์นานโด ตอร์เรส เป็นตัวความหวังในแนวรุก
เริ่มเกมการแข่งขันดูเป็น ลิเวอร์พูล ที่สามารถตั้งเกมครองบอลได้ดีกว่าแต่จังหวะบุกเข้าทำยังไม่มีให้เห็นจะแจ้ง แต่เป็น อาร์เซนอล ได้เสียวก่อนจากความผิดพลาดของ โฮเซ เรนา ที่ออกมาเล่นบอลนอกกรอบและก็เสียให้ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ยังดีที่นายทวารทีมเยือนแก้ตัวสกัดลูกเปิดเข้ากลางของหัวหอกเจ้าถิ่นเอาไว้ได้ ผ่าน 20 นาทีแรกเริ่มเป็น “ปืนใหญ่” ที่ครองบอลได้ดีกว่าและเกือบได้ประตูนำเมื่อ มาติเยอ ฟลามินี หยอดบอลให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปดีดบอลเร็วข้ามคานออกไป
อีกสองนาทีถัดมา ฟาน เพอร์ซี ได้โอกาสยิงอีกครั้งด้วยซ้ายแต่ก็โดน เรนา ปัดออกหลังไป และจากลูกเตะมุมก็นำมาสู่ประตูนำ 1-0 ของเจ้าบ้านเมื่อ อเดบายอร์ ลอยตัวขึ้นโขกบอลโล่งๆ เข้าไปซุกก้นตาข่ายในนาทีที่ 23 อย่างไรก็ตาม อีกสามนาทีถัดมาเท่านั้น ลิเวอร์พูล ตามตีเสมอ 1-1 ทันควัน เมื่อ สตีเวน เจอร์ราร์ด อาศัยความสามารถเฉพาะตัวหลุดเข้ากรอบโทษด้านซ้ายก่อนเปิดเข้ากลางให้ เดิร์ค เคาท์ ชาร์จบอลเข้าประตูไป
พอทวงประตูคืนมาได้ “หงส์แดง” มีความมั่นใจเพิ่มขึ้น ไรอัน บาเบล มีโอกาสซัดบริเวณกรอบโทษร้อนถึง มานูเอล อัลมูเนีย ต้องพุ่งไปตะครุบที่โคนเสา เกมของ “ปืนใหญ่” ดูแผ่วลงไปทันตาเห็นประกอบกับนักเตะทีมเยือนลงไปปักหลักในเกมรับค่อนข้างหนาแน่น แต่ท้ายครึ่งการเช็คล้ำหน้าที่ผิดพลาดเกือบลงโทษ ลิเวอร์พูล แต่ยังดีที่ เจมี คาร์ราเกอร์ บล็อกลูกยิงของ อเดบายอร์ เอาไว้ได้ จบ 45 นาทีแรก อาร์เซนอล ต้องเข้าไปแก้เกมกันเพราะเสียเปรียบโดนยิงประตูในบ้าน
ลงมาเล่นในครึ่งแรก เวนเกอร์ ปรับแท็คติกส่ง ธีโอ วัลคอตต์ ลงสนามมาเล่นแทน ฟาน เพอร์ซี แต่เกือบเป็น ลิเวอร์พูล ที่พลิกขึ้นนำเมื่อ มาร์ติน สเคอร์เทล เติมขึ้นมาเล่นลูกตั้งแตะก่อนโหม่งต่อให้ เคาท์ ปาดด้วยซ้าย อัลมูเนีย รับบอลหลุดมือในจังหวะแรกก่อนตามตะครุบได้ทันก่อนโดนซ้ำจ่อๆ อย่างไรก็ตาม วัลคอตต์ เกือบแผลงฤทธิ์ได้ในนาทีที่ 55 เมื่อลากเข้าไปยิงบอลไซด์ผ่านมือ เรนา แต่ก็ผ่านเสาไปแบบใกล้เคียง เมื่อเห็นเจ้าบ้านเปลี่ยนแปลง เบนิเตซ ส่งตัวสำรองอย่าง ยอสซี เบนายูน ลงไปแก้เกมบ้างโดยแทน บาเบล ที่ดูแผ่วลงไป
สิบนาทีถัดมา แฟนๆ “ปืนใหญ่” โห่ผู้ตัดสินชาวดัตช์กันเกรียวเมื่อเมินให้จุดโทษแก่อาร์เซนอล ทั้งๆ ที่ อเล็กซานเดอร์ ฮเล็บ ตะลุยเข้าเขตโทษก่อนโดน เคาท์ ที่ลงไปช่วยเก็บรับเหนี่ยวไหล่ล้มลงไป เมื่อเกมไม่ดีขึ้นเจ้าถิ่นแก้เกมอีกครั้งส่ง นิคลาส เบนด์ทเนอร์ เติมเกมบุกและก็ถอด เอ็มมานูเอล เอบูเอ ที่แทบไม่มีบทบาทออกไป นาทีที่ 70 เจ้าบ้านพลาดได้ประตูนำเมื่อ เบนด์ทเนอร์ ดันทะเลอทะล่าไปขวางลูกยิงของ เชส ฟาเบรกาส ที่กำลังจะเข้าประตูเสียอย่างนั้น
ช่วงท้ายเกม อาร์เซนอลพยายามโหมบุกเพื่อทำประตูขึ้นนำให้ได้ แต่การขึ้นเกมเป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจาก ลิเวอร์พูล ลงไปตั้งรับในแดนตัวเองปล่อยให้ ตอร์เรส ยืนค้ำไว้เพียงคนเดียวเท่านั้น ครบ 90 “หงส์แดง” ทำสำเร็จบุกยัน “ปืนใหญ่” 1-1 โดยสุดสัปดาห์นี้ทั้งสองทีมต้องเล่นกันอีกในศึกพรีเมียร์ชิปที่กรุงลอนดอน ก่อนไปชี้ชะตาเข้ารอบตัดเชือกฟุตบอลยุโรปถ้วยใบใหญ่กันที่แอนฟิลด์ต่อไปในคืนวันอังคารหน้า
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
อาร์เซนอล : มานูเอล อัลมูเนีย, โคโล ตูเร, ฟิลิปป์ เซนเดอรอส, วิลเลียม กัลลาส, กาแอล กลิชี , เอ็มมานูเอล เอบูเอ, เชส ฟาเบรกาส, มาติเยอ ฟลามินี, อเล็กซานเดอร์ ฮเล็บ, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์, โรบิน ฟาน เพอร์ซี
ลิเวอร์พูล : โฮเซ เรนา, เจมี คาร์ราเกอร์, ซามี ฮูเปีย, มาร์ติน สเคอร์เทล, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, ฮาเวียร์ มาสเชราโน, ชาบี อลอนโซ, เดิร์ค เคาท์, สตีเวน เจอร์ราร์ด, ไรอัน บาเบล, เฟอร์นานโด ตอร์เรส
ส่วนผลการแข่งขันอีกคู่หนึ่งวันเดียวกัน ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายยูซีแอล ปรากฏว่า เฟเนร์บาห์เช ทีมดังจากตุรกีพลิกสถานการณ์กลับมาล้ม “สิงห์บลูส์” เชลซี ยักษ์ใหญ่จากเกาะอังกฤษ 2-1 โดย เดวิด ทำเข้าประตูตัวเองตั้งแต่นาทีที่ 13 ส่งทีมเยือนนำก่อน แต่ โคลิน คาซิม-ริชาร์ดส ตามตีเสมอให้เจ้าบ้านนาทีที่ 64 ก่อนที่ เดวิด แก้ตัวยิงประตูชัยให้เจ้าถิ่นนาทีที่ 80
ศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก
อาร์เซนอล (อังกฤษ) 1-1 ลิเวอร์พูล (อังกฤษ)
อาร์แซน เวนเกอร์ นำลูกทีม “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ลงเผชิญหน้า “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล กันแบบไตรภาค 3 นัดติดทั้งในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และพรีเมียร์ชิป โดยเกมนี้เจ้าถิ่นให้ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ กลับมาประสานงานในแดนหน้ากับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี และก็มี เชส ฟาเบรกาส เป็นหัวใจแผงมิดฟิลด์ ด้าน ราฟาเอล เบนิเตซ ยังใช้ เจมี คาร์ราเกอร์ ปักหลักเป็นแบ็กขวาให้ทีมเยือน พร้อมส่ง ฮาเวียร์ มาสเชราโน ที่ไม่ติดโทษแบนในยุโรปลงตัดเกมแดนกลาง โดยมี เฟอร์นานโด ตอร์เรส เป็นตัวความหวังในแนวรุก
เริ่มเกมการแข่งขันดูเป็น ลิเวอร์พูล ที่สามารถตั้งเกมครองบอลได้ดีกว่าแต่จังหวะบุกเข้าทำยังไม่มีให้เห็นจะแจ้ง แต่เป็น อาร์เซนอล ได้เสียวก่อนจากความผิดพลาดของ โฮเซ เรนา ที่ออกมาเล่นบอลนอกกรอบและก็เสียให้ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ยังดีที่นายทวารทีมเยือนแก้ตัวสกัดลูกเปิดเข้ากลางของหัวหอกเจ้าถิ่นเอาไว้ได้ ผ่าน 20 นาทีแรกเริ่มเป็น “ปืนใหญ่” ที่ครองบอลได้ดีกว่าและเกือบได้ประตูนำเมื่อ มาติเยอ ฟลามินี หยอดบอลให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปดีดบอลเร็วข้ามคานออกไป
อีกสองนาทีถัดมา ฟาน เพอร์ซี ได้โอกาสยิงอีกครั้งด้วยซ้ายแต่ก็โดน เรนา ปัดออกหลังไป และจากลูกเตะมุมก็นำมาสู่ประตูนำ 1-0 ของเจ้าบ้านเมื่อ อเดบายอร์ ลอยตัวขึ้นโขกบอลโล่งๆ เข้าไปซุกก้นตาข่ายในนาทีที่ 23 อย่างไรก็ตาม อีกสามนาทีถัดมาเท่านั้น ลิเวอร์พูล ตามตีเสมอ 1-1 ทันควัน เมื่อ สตีเวน เจอร์ราร์ด อาศัยความสามารถเฉพาะตัวหลุดเข้ากรอบโทษด้านซ้ายก่อนเปิดเข้ากลางให้ เดิร์ค เคาท์ ชาร์จบอลเข้าประตูไป
พอทวงประตูคืนมาได้ “หงส์แดง” มีความมั่นใจเพิ่มขึ้น ไรอัน บาเบล มีโอกาสซัดบริเวณกรอบโทษร้อนถึง มานูเอล อัลมูเนีย ต้องพุ่งไปตะครุบที่โคนเสา เกมของ “ปืนใหญ่” ดูแผ่วลงไปทันตาเห็นประกอบกับนักเตะทีมเยือนลงไปปักหลักในเกมรับค่อนข้างหนาแน่น แต่ท้ายครึ่งการเช็คล้ำหน้าที่ผิดพลาดเกือบลงโทษ ลิเวอร์พูล แต่ยังดีที่ เจมี คาร์ราเกอร์ บล็อกลูกยิงของ อเดบายอร์ เอาไว้ได้ จบ 45 นาทีแรก อาร์เซนอล ต้องเข้าไปแก้เกมกันเพราะเสียเปรียบโดนยิงประตูในบ้าน
ลงมาเล่นในครึ่งแรก เวนเกอร์ ปรับแท็คติกส่ง ธีโอ วัลคอตต์ ลงสนามมาเล่นแทน ฟาน เพอร์ซี แต่เกือบเป็น ลิเวอร์พูล ที่พลิกขึ้นนำเมื่อ มาร์ติน สเคอร์เทล เติมขึ้นมาเล่นลูกตั้งแตะก่อนโหม่งต่อให้ เคาท์ ปาดด้วยซ้าย อัลมูเนีย รับบอลหลุดมือในจังหวะแรกก่อนตามตะครุบได้ทันก่อนโดนซ้ำจ่อๆ อย่างไรก็ตาม วัลคอตต์ เกือบแผลงฤทธิ์ได้ในนาทีที่ 55 เมื่อลากเข้าไปยิงบอลไซด์ผ่านมือ เรนา แต่ก็ผ่านเสาไปแบบใกล้เคียง เมื่อเห็นเจ้าบ้านเปลี่ยนแปลง เบนิเตซ ส่งตัวสำรองอย่าง ยอสซี เบนายูน ลงไปแก้เกมบ้างโดยแทน บาเบล ที่ดูแผ่วลงไป
สิบนาทีถัดมา แฟนๆ “ปืนใหญ่” โห่ผู้ตัดสินชาวดัตช์กันเกรียวเมื่อเมินให้จุดโทษแก่อาร์เซนอล ทั้งๆ ที่ อเล็กซานเดอร์ ฮเล็บ ตะลุยเข้าเขตโทษก่อนโดน เคาท์ ที่ลงไปช่วยเก็บรับเหนี่ยวไหล่ล้มลงไป เมื่อเกมไม่ดีขึ้นเจ้าถิ่นแก้เกมอีกครั้งส่ง นิคลาส เบนด์ทเนอร์ เติมเกมบุกและก็ถอด เอ็มมานูเอล เอบูเอ ที่แทบไม่มีบทบาทออกไป นาทีที่ 70 เจ้าบ้านพลาดได้ประตูนำเมื่อ เบนด์ทเนอร์ ดันทะเลอทะล่าไปขวางลูกยิงของ เชส ฟาเบรกาส ที่กำลังจะเข้าประตูเสียอย่างนั้น
ช่วงท้ายเกม อาร์เซนอลพยายามโหมบุกเพื่อทำประตูขึ้นนำให้ได้ แต่การขึ้นเกมเป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจาก ลิเวอร์พูล ลงไปตั้งรับในแดนตัวเองปล่อยให้ ตอร์เรส ยืนค้ำไว้เพียงคนเดียวเท่านั้น ครบ 90 “หงส์แดง” ทำสำเร็จบุกยัน “ปืนใหญ่” 1-1 โดยสุดสัปดาห์นี้ทั้งสองทีมต้องเล่นกันอีกในศึกพรีเมียร์ชิปที่กรุงลอนดอน ก่อนไปชี้ชะตาเข้ารอบตัดเชือกฟุตบอลยุโรปถ้วยใบใหญ่กันที่แอนฟิลด์ต่อไปในคืนวันอังคารหน้า
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
อาร์เซนอล : มานูเอล อัลมูเนีย, โคโล ตูเร, ฟิลิปป์ เซนเดอรอส, วิลเลียม กัลลาส, กาแอล กลิชี , เอ็มมานูเอล เอบูเอ, เชส ฟาเบรกาส, มาติเยอ ฟลามินี, อเล็กซานเดอร์ ฮเล็บ, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์, โรบิน ฟาน เพอร์ซี
ลิเวอร์พูล : โฮเซ เรนา, เจมี คาร์ราเกอร์, ซามี ฮูเปีย, มาร์ติน สเคอร์เทล, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, ฮาเวียร์ มาสเชราโน, ชาบี อลอนโซ, เดิร์ค เคาท์, สตีเวน เจอร์ราร์ด, ไรอัน บาเบล, เฟอร์นานโด ตอร์เรส
ส่วนผลการแข่งขันอีกคู่หนึ่งวันเดียวกัน ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายยูซีแอล ปรากฏว่า เฟเนร์บาห์เช ทีมดังจากตุรกีพลิกสถานการณ์กลับมาล้ม “สิงห์บลูส์” เชลซี ยักษ์ใหญ่จากเกาะอังกฤษ 2-1 โดย เดวิด ทำเข้าประตูตัวเองตั้งแต่นาทีที่ 13 ส่งทีมเยือนนำก่อน แต่ โคลิน คาซิม-ริชาร์ดส ตามตีเสมอให้เจ้าบ้านนาทีที่ 64 ก่อนที่ เดวิด แก้ตัวยิงประตูชัยให้เจ้าถิ่นนาทีที่ 80
