ดิดิเยร์ ดร็อกบา หัวหอกชาวไอวอรี่โคสต์รับบทฮีโร่ให้กับ เชลซี ด้วยการเหมาซัดคนเดียว 2 ประตูช่วยให้พลิกจากตามหลัง อาร์เซนอล กลับมาแซงคว้าชัย 2-1 พร้อมทั้งขยับขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูงพรีเมียร์ชิป อังกฤษ แทนที่ปืนใหญ่แล้ว
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม 2551
เชลซี 2 – 1 อาร์เซนอล
ศึกแกรนด์สแลม ซันเดย์ คู่ที่ 2 เชลซี เปิดสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ลงเตะลอนดอน ดาร์บี้แมตช์กับ อาร์เซนอล นัดนี้ อัฟราม แกรนท์ ปรับแท็กติกด้วยการถอย มิชาเอล เอสเซียง ลงไปเล่นเป็นแบ็กขวาโดยให้ มิชาเอล บัลลัค กับ แฟรงค์ แลมพาร์ด ปั้นเกมร่วมกัน ส่วนแดนหน้าดร็อป นิโกลาส์ อเนลก้า เป็นตัวสำรองแล้วใช้ ดิดิเยร์ ดร็อกบา เป็นหัวหอกตัวเป้า
ด้าน อาร์แซน เวนเกอร์ จัดชุดที่ดีที่สุดมาต่อกรโดย วิลเลียม กัลลาส จับคู่บัญชาเกมรับกับ โคโล ตูเร่ โดยมี เชส ฟาเบรกาส กับ มาติเยอ ฟลามินี่ เป็นห้องเครื่อง ส่วนคู่กองหน้าใช้บริการ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ล่าตาข่ายร่วมกับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
เปิดฉากมาได้เพียง 3 นาทีเศษ สิงโตน้ำเงินครามก็มีโอกาสได้ลุ้นเข้าทำก่อน เมื่อ วิลเลียม กัลลาส ไปทำฟาวล์ ดร็อกบา เสียฟรีคิก ยิงครั้งแรกถูก เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ ปรี่จากกำแพงเข้ามาขวาง ทำให้ดาวเตะไอวอรี่โคสต์โดนใบเหลือง ก่อนที่ บัลลัค จะปั่นโค้งข้ามกำแพงหวังให้เสียบเสาแรก แต่ มานูเอล อัลมูเนีย พุ่งมาตะปบไว้ได้
นาทีที่ 16 อเล็กซานเดอร์ คเล็บ ผ่านเรียดเข้ากลางให้ ฟาน เพอร์ซี่ ปล่อยบอลไหลเข้าเท้าซ้ายแล้วซัดแถวกรอบเขตโทษ แต่ลูกไต่หลังเท้าหลุดกรอบออกไป 3 นาทีต่อมา คาร์โล คูดิชินี่ นายทวารทีมเยือนออกมาตัดบอลนอกเขต บอลไปเข้าทาง เอบูเอ้ แต่ดาวเตะผิวสีตวัดยิงโด่งไม่ตรงกรอบ
ผ่านมาถึงนาทีที่ 39 เดอะ กันเนอร์ส ได้ลุ้นจากลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย ฟาเบรกาส เปิดโค้งเข้ามาให้ ตูเร่ โหม่งเช็ดไปที่เสาสองให้ กัลลาส สอดเข้ามาล้มตัวชาร์จจ่อๆ ไปชนเสาอย่างจัง แต่ก็ถูกผู้กำกับเส้นยกธงเป็นลูกล้ำหน้าโดย กัลลาส ในจังหวะนี้
จากนั้น 2 นาที เชลซี ก็พลาดโอกาสทะลวงประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดายเมื่อ บัลลัค โหม่งชงในเขตโทษให้ จอห์น เทอร์รี่ ที่ดัรสูงขึ้นมาดีดต่อมาตรงกลางแถวกรอบ 6 หลา ซาโลมง กาลู จับลูกได้แต่กลับซัดจั่วลมไม่โดนบอลเอง ก่อนที่ เทอร์รี่ จะยิงไปติดบล็อก ตูเร่ นาทีที่ 42 บัลลัค ได้เก็บตกซัดด้วยซ้ายในเขตโทษ แต่ อัลมูเนีย ยังตะครุบได้ที่เสาแรก ทำให้หมดครึ่งแรกทั้งคู่ยังกินกันไม่ลง เสมออยู่ที่ 0-0
กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลังเพียงนาทีเศษ อาร์เซนอล ทำเกมคุกคามเข้ามาถึงเขตโทษของ เชลซี ก่อนที่ มาติเยอ ฟลามินี่ จะได้ซัดเน้นๆ ที่เสาสอง แต่ก็ไปติดเซฟ คูดิชินี่ ที่ถลำออกมาบล็อกได้ทัน กระทั่งนาทีที่ 59 กองเชียร์ทีมเยือนก็ได้เฮสมใจ เมื่อ ฟาเบรกาส เปิดลูกเตะมุมด้านซ้ายให้ บาการี่ ซาญ่า โฉบเข้ามาโขกเต็มหน้าผากที่เสาแรกส่งบอลผ่านมือ คูดิชินี่ ตุงตาข่ายเป็นประตูขึ้นนำ 1-0 ของพลพรรคปืนใหญ่ และเป็นประตูแรกของ ซาญ่า อีกด้วย
สิงห์บลูส์ เกือบตีเสมอได้อย่างทันควันใน 2 นาทีต่อมาโดย โจ โคล เติมเกมขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งขวาแล้วโยนลึกไปถึงเสาไกลให้ แอชลีย์ โคล ดันสูงขึ้นมาโหม่งโดยไม่มีใครประกบ ทว่ากลับทำได้ไม่ดีส่งลูกหลุดออกข้างเสาไปอย่างน่าเสียดาย
ถึงนาทีที่ 72 สกอร์ก็กลับมาเท่ากันที่ 1-1 จนได้จากจังหวะที่ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ สาดบอลลอยมาตกแถวหน้าเขตโทษของ อาร์เซนอล แล้วผู้เล่นทีมเยือนเคลียร์กันไม่ขาด สุดท้ายลูกไปแฉลบเท้า แลมพาร์ด กระดอนมาเข้าทาง ดร็อกบา วิ่งเข้ามากดด้วยขวาส่งลูกพุ่งปะทะตาข่ายอย่างเด็ดขาด
กระทั่งนาทีที่ 81 เชลซี ก็มายิงแซงเป็น 2-1 ได้สำเร็จจากลูกฟรีคิกของ จูเลียโน่ เบลเล็ตติ แบ็กขวาตัวสำรองที่โยนเข้ามาในเขตโทษให้ นิโกลาส์ อเนลก้า ตัวสำรองอีกรายโหม่งชงให้ ดร็อกบา พักบอลหนึ่งทีก่อนเอี้ยวตัวยิงด้วยขวา แม้ อัลมูเนีย จะปัดได้แต่ก็เอาไม่อยู่ ลูกทะลักข้ามเส้นประตูเข้าไป เท่านั้นไม่พอ ดร็อกบา เกือบทำแฮตทริกได้ใน 2 นาทีให้หลัง แต่ลูกยิงที่เสาแรกถูก อัลมูเนีย ล้มตัวปัดออกหลังได้อย่างเหลือเชื่อ
ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีการทำประตูเพิ่ม จบเกม เชลซี เอาชนะ อาร์เซนอล ไป 2-1 เก็บเพิ่มเป็น 68 คะแนนแซงขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูงแทนปืนใหญ่ที่มี 67 คะแนน โดยตามหลังทีมนำอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 5 คะแนน
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เชลซี – คาร์โล คูดิชินี่, มิชาเอล เอสเซียง, จอห์น เทอร์รี่, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, แอชลีย์ โคล, โคล้ด มาเกเลเล่, มิชาเอล บัลลัค, แฟรงค์ แลมพาร์ด, โจ โคล, ดิดิเยร์ ดร็อกบา, ซาโลมง กาลู
อาร์เซนอล – มานูเอล อัลมูเนีย, บาการี่ ซาญ่า, โคโล ตูเร่, วิลเลียม กัลลาส, กาแอล กลิชี่, เอ็มมานูเอล เอบูเอ้, เชส ฟาเบรกาส, มาติเยอ ฟลามินี่, อเล็กซานเดอร์ คเล็บ, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม 2551
เชลซี 2 – 1 อาร์เซนอล
ศึกแกรนด์สแลม ซันเดย์ คู่ที่ 2 เชลซี เปิดสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ลงเตะลอนดอน ดาร์บี้แมตช์กับ อาร์เซนอล นัดนี้ อัฟราม แกรนท์ ปรับแท็กติกด้วยการถอย มิชาเอล เอสเซียง ลงไปเล่นเป็นแบ็กขวาโดยให้ มิชาเอล บัลลัค กับ แฟรงค์ แลมพาร์ด ปั้นเกมร่วมกัน ส่วนแดนหน้าดร็อป นิโกลาส์ อเนลก้า เป็นตัวสำรองแล้วใช้ ดิดิเยร์ ดร็อกบา เป็นหัวหอกตัวเป้า
ด้าน อาร์แซน เวนเกอร์ จัดชุดที่ดีที่สุดมาต่อกรโดย วิลเลียม กัลลาส จับคู่บัญชาเกมรับกับ โคโล ตูเร่ โดยมี เชส ฟาเบรกาส กับ มาติเยอ ฟลามินี่ เป็นห้องเครื่อง ส่วนคู่กองหน้าใช้บริการ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ล่าตาข่ายร่วมกับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
เปิดฉากมาได้เพียง 3 นาทีเศษ สิงโตน้ำเงินครามก็มีโอกาสได้ลุ้นเข้าทำก่อน เมื่อ วิลเลียม กัลลาส ไปทำฟาวล์ ดร็อกบา เสียฟรีคิก ยิงครั้งแรกถูก เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ ปรี่จากกำแพงเข้ามาขวาง ทำให้ดาวเตะไอวอรี่โคสต์โดนใบเหลือง ก่อนที่ บัลลัค จะปั่นโค้งข้ามกำแพงหวังให้เสียบเสาแรก แต่ มานูเอล อัลมูเนีย พุ่งมาตะปบไว้ได้
นาทีที่ 16 อเล็กซานเดอร์ คเล็บ ผ่านเรียดเข้ากลางให้ ฟาน เพอร์ซี่ ปล่อยบอลไหลเข้าเท้าซ้ายแล้วซัดแถวกรอบเขตโทษ แต่ลูกไต่หลังเท้าหลุดกรอบออกไป 3 นาทีต่อมา คาร์โล คูดิชินี่ นายทวารทีมเยือนออกมาตัดบอลนอกเขต บอลไปเข้าทาง เอบูเอ้ แต่ดาวเตะผิวสีตวัดยิงโด่งไม่ตรงกรอบ
ผ่านมาถึงนาทีที่ 39 เดอะ กันเนอร์ส ได้ลุ้นจากลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย ฟาเบรกาส เปิดโค้งเข้ามาให้ ตูเร่ โหม่งเช็ดไปที่เสาสองให้ กัลลาส สอดเข้ามาล้มตัวชาร์จจ่อๆ ไปชนเสาอย่างจัง แต่ก็ถูกผู้กำกับเส้นยกธงเป็นลูกล้ำหน้าโดย กัลลาส ในจังหวะนี้
จากนั้น 2 นาที เชลซี ก็พลาดโอกาสทะลวงประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดายเมื่อ บัลลัค โหม่งชงในเขตโทษให้ จอห์น เทอร์รี่ ที่ดัรสูงขึ้นมาดีดต่อมาตรงกลางแถวกรอบ 6 หลา ซาโลมง กาลู จับลูกได้แต่กลับซัดจั่วลมไม่โดนบอลเอง ก่อนที่ เทอร์รี่ จะยิงไปติดบล็อก ตูเร่ นาทีที่ 42 บัลลัค ได้เก็บตกซัดด้วยซ้ายในเขตโทษ แต่ อัลมูเนีย ยังตะครุบได้ที่เสาแรก ทำให้หมดครึ่งแรกทั้งคู่ยังกินกันไม่ลง เสมออยู่ที่ 0-0
กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลังเพียงนาทีเศษ อาร์เซนอล ทำเกมคุกคามเข้ามาถึงเขตโทษของ เชลซี ก่อนที่ มาติเยอ ฟลามินี่ จะได้ซัดเน้นๆ ที่เสาสอง แต่ก็ไปติดเซฟ คูดิชินี่ ที่ถลำออกมาบล็อกได้ทัน กระทั่งนาทีที่ 59 กองเชียร์ทีมเยือนก็ได้เฮสมใจ เมื่อ ฟาเบรกาส เปิดลูกเตะมุมด้านซ้ายให้ บาการี่ ซาญ่า โฉบเข้ามาโขกเต็มหน้าผากที่เสาแรกส่งบอลผ่านมือ คูดิชินี่ ตุงตาข่ายเป็นประตูขึ้นนำ 1-0 ของพลพรรคปืนใหญ่ และเป็นประตูแรกของ ซาญ่า อีกด้วย
สิงห์บลูส์ เกือบตีเสมอได้อย่างทันควันใน 2 นาทีต่อมาโดย โจ โคล เติมเกมขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งขวาแล้วโยนลึกไปถึงเสาไกลให้ แอชลีย์ โคล ดันสูงขึ้นมาโหม่งโดยไม่มีใครประกบ ทว่ากลับทำได้ไม่ดีส่งลูกหลุดออกข้างเสาไปอย่างน่าเสียดาย
ถึงนาทีที่ 72 สกอร์ก็กลับมาเท่ากันที่ 1-1 จนได้จากจังหวะที่ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ สาดบอลลอยมาตกแถวหน้าเขตโทษของ อาร์เซนอล แล้วผู้เล่นทีมเยือนเคลียร์กันไม่ขาด สุดท้ายลูกไปแฉลบเท้า แลมพาร์ด กระดอนมาเข้าทาง ดร็อกบา วิ่งเข้ามากดด้วยขวาส่งลูกพุ่งปะทะตาข่ายอย่างเด็ดขาด
กระทั่งนาทีที่ 81 เชลซี ก็มายิงแซงเป็น 2-1 ได้สำเร็จจากลูกฟรีคิกของ จูเลียโน่ เบลเล็ตติ แบ็กขวาตัวสำรองที่โยนเข้ามาในเขตโทษให้ นิโกลาส์ อเนลก้า ตัวสำรองอีกรายโหม่งชงให้ ดร็อกบา พักบอลหนึ่งทีก่อนเอี้ยวตัวยิงด้วยขวา แม้ อัลมูเนีย จะปัดได้แต่ก็เอาไม่อยู่ ลูกทะลักข้ามเส้นประตูเข้าไป เท่านั้นไม่พอ ดร็อกบา เกือบทำแฮตทริกได้ใน 2 นาทีให้หลัง แต่ลูกยิงที่เสาแรกถูก อัลมูเนีย ล้มตัวปัดออกหลังได้อย่างเหลือเชื่อ
ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีการทำประตูเพิ่ม จบเกม เชลซี เอาชนะ อาร์เซนอล ไป 2-1 เก็บเพิ่มเป็น 68 คะแนนแซงขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูงแทนปืนใหญ่ที่มี 67 คะแนน โดยตามหลังทีมนำอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 5 คะแนน
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เชลซี – คาร์โล คูดิชินี่, มิชาเอล เอสเซียง, จอห์น เทอร์รี่, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, แอชลีย์ โคล, โคล้ด มาเกเลเล่, มิชาเอล บัลลัค, แฟรงค์ แลมพาร์ด, โจ โคล, ดิดิเยร์ ดร็อกบา, ซาโลมง กาลู
อาร์เซนอล – มานูเอล อัลมูเนีย, บาการี่ ซาญ่า, โคโล ตูเร่, วิลเลียม กัลลาส, กาแอล กลิชี่, เอ็มมานูเอล เอบูเอ้, เชส ฟาเบรกาส, มาติเยอ ฟลามินี่, อเล็กซานเดอร์ คเล็บ, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
