"บิ๊กยี" วรวีร์ มะกูดี นายกลูกหนังไทย ลั่นขาด "บิ๊กโต้ง" กิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่ลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติไปก็ไม่สะเทือน ย้ำคนในสมาคมสานงานต่อได้
ภายหลังจากที่ทีมชาติไทย ประสบชะตากรรมพ่ายรวด 2 นัดในศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย กลุ่มบี ส่งผลให้โอกาสลุ้นเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้ายค่อนข้างริบหรี่ อีกทั้ง "บิ๊กโต้ง" กิตติรัตน์ ณ ระนอง ผู้จัดการทีม ยังมาประกาศลาออกจากตำแหน่ง ตามที่เคยลั่นวาจาไว้แล้ว รวมทั้งการจากไปของ เศรษฐา ทวีสิน ผู้ช่วยผู้จัดการทีม ทำให้สถานการณ์ของทีมลูกหนังแดนสยามดูค่อนข้างระส่ำระสาย
ซึ่งเมื่อเวลา 14.00 น. ของวันจันทร์ที่ 31 มีนาคม 2551 ณ ห้องประชุมวีไอพี ชั้น 22 โรงแรมเรดิสัน นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้เรียกประชุมคณะทำงานทีมชาติไทยชุดสู้ศึกฟุตบอลโลก 2010 ประกอบด้วย องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ , ชาญวิทย์ ผลชีวิน หัวหน้าสตาฟฟ์โค้ชทีมชาติไทย และ ทองสุข สัมปหังสิต ผู้ช่วยโค้ชทีมชาติไทย โดยไร้เงาของ กิตติรัตน์ ณ ระนอง และ เศรษฐา ทวีสิน เข้าร่วมประชุม
โดย "บิ๊กยี" เปิดเผยว่า "บิ๊กโต้ง" ได้มอบให้เลขาส่วนตัว นำเทปการแข่งขันระหว่างทีมชาติบาห์เรน กับทีมชาติญี่ปุ่น ในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ซึ่งทั้ง 2 ทีมอยู่ร่วมสายกับทีมไทยมามอบให้ พร้อมทั้งจดหมายลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม โดยมีการเปิดเผยเนื้อความในจดหมายว่า
"ตามที่ท่านนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้แต่งตั้งให้ผมมาทำงานในตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติไทย ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2550 ก็ได้ปฏิบัติหน้าที่ผ่านการแข่งขันรายการ เอเชียนคัพ 2007, ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกรอบแรกกับมาเก๊า, ฟุตบอลซีเกมส์ ครั้งที่ 24, ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 38, ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกรอบที่สองกับเยเมน และฟุตบอลโลกรอบ 20 ทีมสุดท้าย ซึ่งทีมชาติไทยลงแข่งมาแล้ว 2 นัด และพบกับความพ่ายแพ้ทั้ง 2 นัด จึงขอพิจารณาตัวเองว่าสมควรรับผิดชอบกับความผิดพลาดจากการบริหารงานที่ทำให้โอกาสเข้ารอบค่อนข้างริบหรี่ สร้างความผิดหวังให้กับแฟนฟุตบอลชาวไทย ด้วยการลาออกจากการทำหน้าที่นับแต่วันที่ในจดหมายดังกล่าว เพื่อให้สมาคมฟุตบอลฯ ได้แต่งตั้งบุคคลที่เหมาะสม และมอบตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ต่อไป"
ทั้งนี้ "บิ๊กยี" เปิดเผยด้วยว่าจะไม่มีการแต่งตั้งบุคคลใดมาทำหน้าที่ผู้จัดการทีมชาติไทยในช่วงนี้ "ต้องขอขอบคุณคุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่ตั้งใจทำงานอย่างมีมานะมาตลอด ซึ่งหลังจบการแข่งขันกับโอมาน ผมได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อเขามาตลอด แต่โทรศัพท์ก็ไม่เปิดเครื่องคิดว่าเขาคงเสียใจกับผลงานที่ผ่านมา นับจากนี้ไปผมยังไม่คิดจะแต่งตั้งใครมาทำหน้าที่ผู้จัดการทีมชาติไทย โดยจะมอบให้คุณชาญวิทย์ ผลชีวิน ทำหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนต่อไป และจะให้เป็นหัวหน้าคณะทำงานด้วย ขณะที่งานด้านธุรการก็จะมอบให้คุณองอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลทำหน้าที่แทนเช่นกัน"
"สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือกนัดที่ 3 กับทีมชาติบาห์เรนในวันที่ 2 มิถุนายนนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องเร่งแต่งตั้งผู้จัดการทีมแต่อย่างใด เพราะบ้านเรามีคนเก่งเยอะ ปัจจุบันเราก็สามารถทำงานกันได้อยู่แล้ว"
ส่วนที่เกรงกันว่าการมอบงานให้คนในสมาคมฟุตบอลมาดูแลนั้นอาจจะทำได้ไม่ดี "ฟีฟ่ายี" กล่าวว่า "คิดว่าคงไม่มีปัญหา เพราะคนในสมาคมฟุตบอลของเราก็ล้วนแต่มีความสามารถกันอยู่แล้ว การขาดคุณกิตติรัตน์ไปคงไม่ส่งผลกระทบอะไรมากมายนัก เราสามารถทำงานต่อไปได้ เราจำเป็นต้องเดินหน้าต่อไปเพื่อให้สมกับความศรัทธาที่แฟนฟุตบอลมีให้กับเรา"
นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยด้วยว่าอาจจะมีการนำทีมชาติไทยไปเก็บตัวในต่างประเทศอีกด้วย "หลังวันที่ 3 พฤษภาคมนี้ ฟุตบอลไทยลีกจะพักการแข่งขันไปถึงเดือนมิถุนายนเพื่อให้นักเตะได้ไปแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก เราก็จะมีการเรียกนักเตะมาฝึกซ้อม รวมทั้งจะมีการแก้ไขปรับปรุงในข้อบกพร่องต่างๆ ก่อนเจอกับบาห์เรนในวันที่ 2 มิถุนายน ซึ่งคงต้องมีการซ้อมกันอย่างหนักในช่วง 3 อาทิตย์ และอาจจะต้องไปเก็บตัวในต่างประเทศ ซึ่งอาจจะเป็นประเทศในแถบตะวันออกกลาง เพื่อปรับสภาพให้เคยชินกับการรับมือทีมอย่าง โอมาน และ บาห์เรน ที่บ้านเขาด้วย"
ด้าน "โค้ชหรั่ง" ชาญวิทย์ ผลชีวิน หัวหน้าสตาฟฟ์โค้ชทีมชาติไทย เปิดเผยว่า "ระหว่างช่วงเดือนเมษายนนี้ก็คงเรียกนักเตะมาเก็บตัวฝึกซ้อมเป็นบางช่วง ส่วนในช่วงเดือนพฤษภาคมนั้น อาจจะไปเก็บตัวในต่างประเทศด้วย รวมทั้งเราอาจจะไปฝึกซ้อมที่ศูนย์ฟุตบอลในจังหวัดนครราชสีมา หรือ ที่จังหวัดภูเก็ตด้วย ซึ่งก็ต้องมาดูกันอีกครั้งว่าจะไปที่ไหนเพื่อความเหมาะสม"
ขณะเดียวกัน "โค้ชหรั่ง" ยังยืนยันด้วยว่าสิ่งแรกที่ต้องทำคือต้องเรียกขวัญและกำลังใจของนักเตะไทยกลับมาให้ได้เสียก่อน "ตอนนี้มีการปรึกษากันว่าจะให้นักจิตวิทยามาช่วยเหลือในเรื่องสภาพจิตใจของนักเตะไทย เพื่อความพร้อมกับการลงเล่นใน 4 นัดที่เหลือของศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก"