เชลซี เปิดบ้านเฉือนเอาชนะ มิดเดิลสโบรช์ ทีมกลางตารางไปได้แบบหืดจับ 1-0 จากการโหม่งทำประตูชัยของ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ตั้งแต่ช่วงต้นครึ่งแรก ทำให้สิงห์บลูส์ กลับขึ้นมาอยู่อันดับ 2 ของตารางพรีเมียร์ชิป ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ 5 คะแนน
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม 2551
เชลซี 1 – 0 มิดเดิลสโบรช์
เกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดีคู่หัวค่ำวันอาทิตย์ เชลซี เฝ้าสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ของตัวเอง ต้อนรับ มิดเดิลสโบรช์ เกมนี้เจ้าถิ่นไม่มี แฟรงค์ แลมพาร์ด กองกลางตัวเก่ง ทำให้ จอห์น โอบี มิเกล ได้รับโอกาสลงสนาม ปั้นเกมร่วมกับ มิชาเอล บัลลัค และ มิชาเอล เอสเซียง ส่วน ดิดิเยร์ ดร็อกบา ยังเป็นตัวอันตรายในแดนหน้า
ด้านทีมเยือนยังปราศจาก โรเบิร์ต ฮูธ เซนเตอร์ฮาล์ฟชาวเยอรมัน ทำให้ เดวิด วีเทอร์ กับ เอมานูเอล โปกาเตทซ์ ยังได้คุมเกมรับต่อไป โดยแบ็กซ้ายเป็นหน้าที่ของ แอนดรูว์ เทย์เลอร์ ส่วนคู่หัวหอกเป็นการจับคู่กันระหว่าง ตุนกาย ซานลี่ กับ เฌเรมี่ อาลิยาดิแยร์
เริ่มมาได้ 2 นาทีเศษ ดร็อกบา ก็ได้โอกาสสับไกลุ้นพังประตูครั้งแรกของเกม จากจังหวะที่เก็บบอลได้ในแดนของเดอะ โบโร่ แล้วก่อนลองตะบันจากนอกเขตโทษ ระยะเกือบ 35 หลา บอลส่ายไปมาจน มาร์ค ชวาร์เซอร์ รับในจังหวะแรกไม่อยู่ก่อนถูก เดวิด วีเทอร์ เคลียร์ทิ้งออกไป
สิงห์บลูส์มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 5 จากโอกาสถัดมา เมื่อ เวย์น บริดจ์ เปิดลูกฟรีคิกจากกราบซ้ายโค้งเข้าไปในเขตโทษ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ เทคตัวเหนือ จอร์จ บัวเต็ง ขึ้นโขกส่งบอลย้อนศรหนีมือ มาร์ค ชวาร์เซอร์ เสียบมุมประตูแบบพอดิบดี
มิดเดิลสโบรช์ หาจังหวะตอบโต้ เชลซี บ้างในนาทีที่ 13 โดย จอร์จ บัวเต็ง พาบอลขึ้นมาจากกลางสนามก่อนไหลออกทางซ้ายให้ สจ๊วร์ต ดาวนิง เลี้ยงจี้เข้าหากรอบเขตโทษ ก่อนซัดด้วยขวา ทว่ายิงโดนไม่เต็มเท้าจึงถูก คาร์โล คูดิชินี่ ล้มตัวรับสบาย
เจ้าถิ่นยังเป็นฝ่ายครองเกมได้เหนือกว่า นาทีที่ 27 คาร์วัลโญ่ เติมขึ้นมาทางกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนหยอดเข้ามาให้ ดร็อกบา ดีดคืนต่อมายัง โจ โคล ซัดที่เส้นเขตโทษโด่งข้ามคานไปไกล ผ่านมาถึงนาทีที่ 42 ดร็อกบา ได้โอกาสซัดฟรีคิกระยะประมาณ 25 หลา บอลไปแฉลบกำแพงก่อนพุ่งเฉี่ยวเสาแรกออกหลังเพียงนิดเดียว
จากจังหวะต่อเนื่องจากลูกเตะมุม บอลทะลักออกไปทางด้านขวาโดย โจ โคล ตามไปเก็บได้ก่อนโยนเข้ามาที่เสาแรกให้ ดร็อกบา ขึ้นโหม่งในกรอบ 6 หลา แต่ก็ข้ามคานออกไปอีก จบครึ่งแรก เชลซี ยังคงนำอยู่ที่ 1-0
กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง รูปเกมยังคงเป็นสิงห์บลูส์ที่ทำเกมได้ดีกว่า นาทีที่ 50 จูเลียโน่ เบลเล็ตติ เปิดลูกเตะมุมจากด้านขวาให้ จอห์น เทอร์รี่ หนุนขึ้นมาโขกกดลงพื้น แต่ไม่หนีมือ มาร์ค ชวาร์เซอร์ จึงถูกคว้าเอาไว้ได้อย่างไม่ยากเย็น เข้าสู่นาทีที่ 66 ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ ตัวสำรองที่ลงมาแทน บัลลัค มีโอกาสลุ้นทำประตู 2 ครั้งซ้อนๆ ทว่าหนแรกยิงหลุดเสาซ้ายมือออกไป ก่อนที่จะได้บอลจากการทำทางมาให้ของ ซาโลมง กาลู แถวเส้นเขตโทษ แต่กลับแปโด่งข้ามคานออกไป
จากนั้น อฟอนโซ่ อัลเวส ศูนย์หน้าตัวสำรองที่ลงมาแทน ตุนกาย ก็เกือบพังประตูตีเสมอให้สิงห์แดงได้ แต่หนแรกโหม่งโดนไม่ดี ส่งลูกหลุดข้างเสา ในนาทีที่ 70 จากนั้น 3 นาทีต่อมา อัลเวส ได้บอลจากการวางยาวขึ้นมาก่อนแตะหนี คูดิชินี่ ที่ออกมาตัดบอลไกลถึงนอกเขตโทษได้แล้ว แต่งหาช่องซัดเน้นหวังให้หนี จอห์น เทอร์รี่ ที่ยืนบังปากประตูอันว่างเปล่าเข้าเสาไกล แต่ลูกกลับไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 75 เจ้าบ้านเกือบได้ประตูเพิ่มอีกครั้งโดย ไรท์-ฟิลลิปส์ บรรจงหยอดให้ กาลู โถมเข้ามาโขกเต็มๆ ที่เสาสอง แต่ ชวาร์เซอร์ ยังปัดข้ามคานออกไปได้อย่างหวุดหวิด ก่อนที่ เดอะ โบโร่ จะชวดได้ประตูตีเสมออย่างน่าเจ็บใจในนาทีที่ 82 จังหวะแรก อัลเวส โหม่งในกรอบ 6 หลาไปชนคาน ก่อนที่ เดวิด วีเทอร์ จะโหม่งซ้ำแต่ก็ไปชนคานอีกที สุดท้ายเป็น อาลิยาดิแยร์ ตะบันเหินข้ามคานออกไปเอง ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีการทำประตูเพิ่ม จบเกม เชลซี เฉือนชนะ มิดเดิลสโบรช์ ชนิดหืดขึ้นคอ 1-0 เก็บเพิ่มเป็น 71 คะแนน กลับขึ้นมาอยู่ที่ 2 ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ 5 คะแนน ส่วนสิงห์แดงยังรั้งอันดับ 13 มี 34 คะแนน
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เชลซี – คาร์โล คูดิชินี่, จูเลียโน่ เบลเล็ตติ, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, จอห์น เทอร์รี่, เวย์น บริดจ์, มิชาเอล เอสเซียง, จอห์น โอบี มิเกล, มิชาเอล บัลลัค, โจ โคล, ซาโลมง กาลู, ดิดิเยร์ ดร็อกบา
มิดเดิลสโบรช์ – มาร์ค ชวาร์เซอร์, ลุค ยัง, เดวิด วีเทอร์, เอมานูเอล โปกาเตทซ์, แอนดรูว์ เทย์เลอร์, แกรี่ โอนีล, ลี แคตเทอร์โมล, จอร์จ บัวเต็ง, สจ๊วร์ต ดาวนิง, ตุนกาย ซานลี่, เฌเรมี่ อาลิยาดิแยร์
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
เชลซี ชนะ มิดเดิลสโบรช์ 1-0 (ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ 1-0 นาที 5)
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ แพ้ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 1-4 (ดาร์เรน เบนท์ 1-0 นาที 25), (นิคกี้ บัตต์ 1-1 นาที 45), (เฌเรมี่ เอ็นฌิตั๊ป 1-2 นาที 52), (ไมเคิล โอเว่น 1-3 นาที 65), (โอบาเฟมี่ มาร์ตินส์ 1-4 นาที 83)
ลิเวอร์พูล ชนะ เอฟเวอร์ตัน 1-0 (เฟอร์นานโด ตอร์เรส 1-0 นาที 7)
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม 2551
เชลซี 1 – 0 มิดเดิลสโบรช์
เกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดีคู่หัวค่ำวันอาทิตย์ เชลซี เฝ้าสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ของตัวเอง ต้อนรับ มิดเดิลสโบรช์ เกมนี้เจ้าถิ่นไม่มี แฟรงค์ แลมพาร์ด กองกลางตัวเก่ง ทำให้ จอห์น โอบี มิเกล ได้รับโอกาสลงสนาม ปั้นเกมร่วมกับ มิชาเอล บัลลัค และ มิชาเอล เอสเซียง ส่วน ดิดิเยร์ ดร็อกบา ยังเป็นตัวอันตรายในแดนหน้า
ด้านทีมเยือนยังปราศจาก โรเบิร์ต ฮูธ เซนเตอร์ฮาล์ฟชาวเยอรมัน ทำให้ เดวิด วีเทอร์ กับ เอมานูเอล โปกาเตทซ์ ยังได้คุมเกมรับต่อไป โดยแบ็กซ้ายเป็นหน้าที่ของ แอนดรูว์ เทย์เลอร์ ส่วนคู่หัวหอกเป็นการจับคู่กันระหว่าง ตุนกาย ซานลี่ กับ เฌเรมี่ อาลิยาดิแยร์
เริ่มมาได้ 2 นาทีเศษ ดร็อกบา ก็ได้โอกาสสับไกลุ้นพังประตูครั้งแรกของเกม จากจังหวะที่เก็บบอลได้ในแดนของเดอะ โบโร่ แล้วก่อนลองตะบันจากนอกเขตโทษ ระยะเกือบ 35 หลา บอลส่ายไปมาจน มาร์ค ชวาร์เซอร์ รับในจังหวะแรกไม่อยู่ก่อนถูก เดวิด วีเทอร์ เคลียร์ทิ้งออกไป
สิงห์บลูส์มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 5 จากโอกาสถัดมา เมื่อ เวย์น บริดจ์ เปิดลูกฟรีคิกจากกราบซ้ายโค้งเข้าไปในเขตโทษ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ เทคตัวเหนือ จอร์จ บัวเต็ง ขึ้นโขกส่งบอลย้อนศรหนีมือ มาร์ค ชวาร์เซอร์ เสียบมุมประตูแบบพอดิบดี
มิดเดิลสโบรช์ หาจังหวะตอบโต้ เชลซี บ้างในนาทีที่ 13 โดย จอร์จ บัวเต็ง พาบอลขึ้นมาจากกลางสนามก่อนไหลออกทางซ้ายให้ สจ๊วร์ต ดาวนิง เลี้ยงจี้เข้าหากรอบเขตโทษ ก่อนซัดด้วยขวา ทว่ายิงโดนไม่เต็มเท้าจึงถูก คาร์โล คูดิชินี่ ล้มตัวรับสบาย
เจ้าถิ่นยังเป็นฝ่ายครองเกมได้เหนือกว่า นาทีที่ 27 คาร์วัลโญ่ เติมขึ้นมาทางกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนหยอดเข้ามาให้ ดร็อกบา ดีดคืนต่อมายัง โจ โคล ซัดที่เส้นเขตโทษโด่งข้ามคานไปไกล ผ่านมาถึงนาทีที่ 42 ดร็อกบา ได้โอกาสซัดฟรีคิกระยะประมาณ 25 หลา บอลไปแฉลบกำแพงก่อนพุ่งเฉี่ยวเสาแรกออกหลังเพียงนิดเดียว
จากจังหวะต่อเนื่องจากลูกเตะมุม บอลทะลักออกไปทางด้านขวาโดย โจ โคล ตามไปเก็บได้ก่อนโยนเข้ามาที่เสาแรกให้ ดร็อกบา ขึ้นโหม่งในกรอบ 6 หลา แต่ก็ข้ามคานออกไปอีก จบครึ่งแรก เชลซี ยังคงนำอยู่ที่ 1-0
กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง รูปเกมยังคงเป็นสิงห์บลูส์ที่ทำเกมได้ดีกว่า นาทีที่ 50 จูเลียโน่ เบลเล็ตติ เปิดลูกเตะมุมจากด้านขวาให้ จอห์น เทอร์รี่ หนุนขึ้นมาโขกกดลงพื้น แต่ไม่หนีมือ มาร์ค ชวาร์เซอร์ จึงถูกคว้าเอาไว้ได้อย่างไม่ยากเย็น เข้าสู่นาทีที่ 66 ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ ตัวสำรองที่ลงมาแทน บัลลัค มีโอกาสลุ้นทำประตู 2 ครั้งซ้อนๆ ทว่าหนแรกยิงหลุดเสาซ้ายมือออกไป ก่อนที่จะได้บอลจากการทำทางมาให้ของ ซาโลมง กาลู แถวเส้นเขตโทษ แต่กลับแปโด่งข้ามคานออกไป
จากนั้น อฟอนโซ่ อัลเวส ศูนย์หน้าตัวสำรองที่ลงมาแทน ตุนกาย ก็เกือบพังประตูตีเสมอให้สิงห์แดงได้ แต่หนแรกโหม่งโดนไม่ดี ส่งลูกหลุดข้างเสา ในนาทีที่ 70 จากนั้น 3 นาทีต่อมา อัลเวส ได้บอลจากการวางยาวขึ้นมาก่อนแตะหนี คูดิชินี่ ที่ออกมาตัดบอลไกลถึงนอกเขตโทษได้แล้ว แต่งหาช่องซัดเน้นหวังให้หนี จอห์น เทอร์รี่ ที่ยืนบังปากประตูอันว่างเปล่าเข้าเสาไกล แต่ลูกกลับไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 75 เจ้าบ้านเกือบได้ประตูเพิ่มอีกครั้งโดย ไรท์-ฟิลลิปส์ บรรจงหยอดให้ กาลู โถมเข้ามาโขกเต็มๆ ที่เสาสอง แต่ ชวาร์เซอร์ ยังปัดข้ามคานออกไปได้อย่างหวุดหวิด ก่อนที่ เดอะ โบโร่ จะชวดได้ประตูตีเสมออย่างน่าเจ็บใจในนาทีที่ 82 จังหวะแรก อัลเวส โหม่งในกรอบ 6 หลาไปชนคาน ก่อนที่ เดวิด วีเทอร์ จะโหม่งซ้ำแต่ก็ไปชนคานอีกที สุดท้ายเป็น อาลิยาดิแยร์ ตะบันเหินข้ามคานออกไปเอง ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีการทำประตูเพิ่ม จบเกม เชลซี เฉือนชนะ มิดเดิลสโบรช์ ชนิดหืดขึ้นคอ 1-0 เก็บเพิ่มเป็น 71 คะแนน กลับขึ้นมาอยู่ที่ 2 ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ 5 คะแนน ส่วนสิงห์แดงยังรั้งอันดับ 13 มี 34 คะแนน
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เชลซี – คาร์โล คูดิชินี่, จูเลียโน่ เบลเล็ตติ, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, จอห์น เทอร์รี่, เวย์น บริดจ์, มิชาเอล เอสเซียง, จอห์น โอบี มิเกล, มิชาเอล บัลลัค, โจ โคล, ซาโลมง กาลู, ดิดิเยร์ ดร็อกบา
มิดเดิลสโบรช์ – มาร์ค ชวาร์เซอร์, ลุค ยัง, เดวิด วีเทอร์, เอมานูเอล โปกาเตทซ์, แอนดรูว์ เทย์เลอร์, แกรี่ โอนีล, ลี แคตเทอร์โมล, จอร์จ บัวเต็ง, สจ๊วร์ต ดาวนิง, ตุนกาย ซานลี่, เฌเรมี่ อาลิยาดิแยร์
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
เชลซี ชนะ มิดเดิลสโบรช์ 1-0 (ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ 1-0 นาที 5)
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ แพ้ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 1-4 (ดาร์เรน เบนท์ 1-0 นาที 25), (นิคกี้ บัตต์ 1-1 นาที 45), (เฌเรมี่ เอ็นฌิตั๊ป 1-2 นาที 52), (ไมเคิล โอเว่น 1-3 นาที 65), (โอบาเฟมี่ มาร์ตินส์ 1-4 นาที 83)
ลิเวอร์พูล ชนะ เอฟเวอร์ตัน 1-0 (เฟอร์นานโด ตอร์เรส 1-0 นาที 7)