เฟอร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงสแปนิชระเบิดฟอร์มเหมายิงคนเดียว 3 ประตู ช่วยให้ ลิเวอร์พูล เฉือนเอาชนะ มิดเดิลสโบรช์ หวุดหวิด 3-2 โดยที่ เฌเรมี อาลิยาดิแยร์ กองหน้าเดอะ โบโร่ ถูกใบเหลือง-แดง ไล่ออกจากสนาม จบนัดนี้หงส์แดงขยับขึ้นมาอยู่ที่ 4 ชั่วคราว
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2551
ลิเวอร์พูล 3 – 2 มิดเดิลสโบรช์
ศึกลูกหนังลีกสูงสุดของเมืองผู้ดี ลิเวอร์พูล ลงเล่นในถิ่นแอนฟิลด์รับการมาเยือนของ มิดเดิลสโบรช์ นัดนี้ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ลงคุมแนวรับเจ้าถิ่นไม่ได้เนื่องจากติดโทษแบน ทำให้ ราฟาเอล เบนิเตซ ต้องส่ง อัลบาโร อาร์เบลัว มาเล่นเซนเตอร์ฮาล์ฟ แต่ยังมี เฟอร์นานโด ตอร์เรส เป็นกองหน้าตัวชูโรง ส่วนทีมเยือนจากแดนอีสานยังไม่ปล่อย อฟอนโซ อัลเวส หัวหอกค่าตัวแพงชาวบราซิลลงเป็นตัวจริง ทำให้ ตุนกาย ซานลี กับ เฌเรมี อาลิยาดิแยร์ จับคู่ในแดนหน้าต่อไป
เปิดฉากมาได้ 9 นาที เดอะ โบโร่ ทีมเยือนก็เป็นฝ่ายช็อกกองเชียร์ด้วยการพังประตูขึ้นนำได้ก่อน 1-0 จากจังหวะที่ สจวร์ต ดาวนิง ปั่นฟรีคิกจากกราบขวาเข้ามาหน้าประตู กองหลังหงส์แดงยืนประกบไม่ดีปล่อยให้ ตุนกาย ได้โขกคนเดียวโล่งๆ ส่งลูกผ่านมือเข้าไปกองก้นตาข่าย
ถึงนาทีที่ 28 ฮูลิโอ อาร์กา กัปตันทีมมิดเดิลสโบรช์ตั้งใจจะโหม่งคืนหลัง แต่กลายเป็นว่าบอลไปเข้าเท้า ตอร์เรส ที่จัดการควบเข้าไปแตะหลบ มาร์ค ชวาร์เซอร์ ในเขตโทษแล้วล้มตัวยิงเข้าไปช่วยให้ ลิเวอร์พูล ตีเสมอเป็น 1-1 ได้สำเร็จ
จากนั้นนาทีเดียว “เอล นิโญ” ก็แผลงฤทธิ์อีกครั้งเมื่อได้บอลจาก ฟาบิโอ ออเรลิโอ ก่อนแต่งหาช่องสับไกด้วยขวาจากนอกเขตโทษระยะประมาณ 25 หลา ส่งลูกพุ่งหนีมือ ชวาร์เซอร์เสียบเสาแรกอย่างเฉียบขาดเป็นประตูให้เจ้าถิ่นแซงขึ้นมานำเป็น 2-1
สิงห์แดงเกือบได้ประตูตีเสมอในนาทีที่ 35 จากจังหวะที่ ดาวนิง เปิดบอลจากริมเส้นด้านซ้ายเข้ามาหน้าประตู ตุนกาย โฉบถึงบอลก่อน โฮเซ เรนา ส่งลูกปะทะตาข่ายได้ ทว่าไม่เป็นสกอร์เนื่องจากศูนย์หน้าเลือดเติร์กทำแฮนด์บอลในจังหวะโหม่ง จากนั้น ตุนกาย ก็ทำชิ่งให้ อาลิยาดิแยร์ หลุดเข้าไปกดหนีมือ เรนา เสียบเสาแรก ทว่าถูก ปฏิเสธอีกครั้ง เนื่องจาก ตุนกาย อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าก่อน ทำให้จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล นำอยู่ 2-1
เข้าสู่ครึ่งหลังนาทีที่ 61 สตีเวน เจอร์ราร์ด วางบอลยาวไปข้างหน้า ลูกตกหน้าเขตโทษแล้ว มาร์ค ชวาร์เซอร์ กับ เดวิด วีเทอร์ สื่อสารกันไม่เข้าใจจนถูก เฟอร์นานโด ตอร์เรส ชิงเหลี่ยมได้ก่อนตวัดยิงด้วยขวาใส่ปากประตูอันว่างเปล่าเป็นประตูขึ้นนำ 3-1 สำหรับเจ้าบ้าน และเป็นแฮตทริกของดาวยิงทีมชาติสเปนรายนี้ด้วย
หงส์แดงยิ่งเล่นยิ่งได้ใจ นาทีที่ 68 เจอร์ราร์ด พาบอลขึ้นมาก่อนไหลต่อให้ ตอร์เรส กระชากหนี เอ็มมานูเอล โปกาเตตซ์ เข้าไปยิงย้อนศรหวังให้เสียบเสาสอง แต่ ชวาร์เซอร์ ยังมือไวล้มตัวปัดปลายมือออกหลังได้อย่างหวุดหวิด
กระทั่งนาทีที่ 83 มิดเดิลสโบรช์ ที่เริ่มครองเกมได้มากขึ้นก็มาได้ประตูตีตื้นเป็น 2-3 จาก สจวร์ต ดาวนิง ที่เกี่ยวบอลได้จากลูกวางยาวก่อนกระชากหนี ยอสซี เบนายูน เข้าไปซัดแฉลบเท้า โฮเซ เรนา บอลทะลักเข้าประตู จากนั้น 3 นาที อาลิยาดิแยร์ ไปตอบโต้ ฮาเวียร์ มาสเชราโน โดยเอามือไปตบหน้ามิดฟิลด์อาร์เจนไตน์จึงถูกใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม
นาทีสุดท้ายของเกม ลิเวอร์พูล สามารถส่งลูกหนังเข้าไปสัมผัสตาข่ายได้อีกครั้งจากจังหวะที่ เจอร์ราร์ด ปั่นฟรีคิกถูก ชวาร์เซอร์ ปัดได้ในทีแรกแล้วลูกไปชนเสากระดอนออกมาเข้าทาง เบนายูน ซ้ำจ่อๆ เข้าไป แต่ไม่ได้ประตูเพิ่มเนื่องจากล้ำหน้า จบเกมจึงเฉือนชนะ มิดเดิลสโบรช์ แบบฉิวเฉียด 3-2 เก็บเพิ่มเป็น 47 คะแนนขึ้นมารั้งอันดับ 4 ของตารางชั่วคราว ส่วนสิงห์แดงมีอยู่ 29 คะแนน รั้งอันดับ 12
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล – โฮเซ เรนา, สตีฟ ฟินแนน, ซามี ฮูเปีย, อัลบาโร อาร์เบลัว, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, เดิร์ก เคาท์, ลูคัส เลวา, ฮาเวียร์ มาสเชราโน, ไรอัน บาเบล, สตีเวน เจอร์ราร์ด, เฟอร์นานโด ตอร์เรส
มิดเดิลสโบรช์ – มาร์ค ชวาร์เซอร์, ลุค ยัง, เดวิด วีเทอร์, เอ็มมานูเอล โปกาเตตซ์, โจนาธาน กราวนด์ส, แกรี โอนีล, ฟาบิโอ โรเชมบัค, ฮูลิโอ อาร์กา, สจวร์ต ดาวนิง, เฌเรมี่ อาลิยาดิแยร์, ตุนกาย ซานลี
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
เบอร์มิงแฮม ซิตี เสมอ อาร์เซนอล 2-2 (เจมส์ แม็คฟาดเดน 1-0 นาที 27), (ธีโอ วัลคอตต์ 1-1 นาที 49), (ธีโอ วัลคอตต์ 1-2 นาที 55), (เจมส์ แม็คฟาดเด้น 2-2 นาที 90)
ฟูแลม แพ้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 0-1 (โนลเบอร์โต้ โซลาโน 0-1 นาที 87)
ลิเวอร์พูล ชนะ มิดเดิลสโบรช์ 3-2 (ตุนกาย ซานลี 0-1 นาที 9), (เฟอร์นานโด ตอร์เรส 1-1 นาที 28), (เฟอร์นานโด ตอร์เรส 2-1 นาที 29), (เฟอร์นานโด ตอร์เรส 3-1 นาที 61), (สจวร์ต ดาวนิง 3-2 นาที 83)
ปอร์ทสมัธ ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 1-0 (เจอร์เมน เดโฟ 1-0 จุดโทษ นาที 69)
วีแกน แอธเลติก ชนะ ดาร์บี เคาน์ตี 2-0 (พอล ชาร์เนอร์ 1-0 นาที 60), (อันโตนิโอ วาเลนเซีย 2-0 นาที 84)
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-5 (เวย์น รูนีย์ 0-1 นาที 25), (คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 0-2 นาที 45), (คริสเตียโน โรนัลโด 0-3 นาที 56), (อับดูลาย ฟาย 1-3 นาที 78), (เวย์น รูนีย์ 1-4 นาที 80), (หลุยส์ ซาฮา 1-5 นาที 90)
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2551
ลิเวอร์พูล 3 – 2 มิดเดิลสโบรช์
ศึกลูกหนังลีกสูงสุดของเมืองผู้ดี ลิเวอร์พูล ลงเล่นในถิ่นแอนฟิลด์รับการมาเยือนของ มิดเดิลสโบรช์ นัดนี้ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ลงคุมแนวรับเจ้าถิ่นไม่ได้เนื่องจากติดโทษแบน ทำให้ ราฟาเอล เบนิเตซ ต้องส่ง อัลบาโร อาร์เบลัว มาเล่นเซนเตอร์ฮาล์ฟ แต่ยังมี เฟอร์นานโด ตอร์เรส เป็นกองหน้าตัวชูโรง ส่วนทีมเยือนจากแดนอีสานยังไม่ปล่อย อฟอนโซ อัลเวส หัวหอกค่าตัวแพงชาวบราซิลลงเป็นตัวจริง ทำให้ ตุนกาย ซานลี กับ เฌเรมี อาลิยาดิแยร์ จับคู่ในแดนหน้าต่อไป
เปิดฉากมาได้ 9 นาที เดอะ โบโร่ ทีมเยือนก็เป็นฝ่ายช็อกกองเชียร์ด้วยการพังประตูขึ้นนำได้ก่อน 1-0 จากจังหวะที่ สจวร์ต ดาวนิง ปั่นฟรีคิกจากกราบขวาเข้ามาหน้าประตู กองหลังหงส์แดงยืนประกบไม่ดีปล่อยให้ ตุนกาย ได้โขกคนเดียวโล่งๆ ส่งลูกผ่านมือเข้าไปกองก้นตาข่าย
ถึงนาทีที่ 28 ฮูลิโอ อาร์กา กัปตันทีมมิดเดิลสโบรช์ตั้งใจจะโหม่งคืนหลัง แต่กลายเป็นว่าบอลไปเข้าเท้า ตอร์เรส ที่จัดการควบเข้าไปแตะหลบ มาร์ค ชวาร์เซอร์ ในเขตโทษแล้วล้มตัวยิงเข้าไปช่วยให้ ลิเวอร์พูล ตีเสมอเป็น 1-1 ได้สำเร็จ
จากนั้นนาทีเดียว “เอล นิโญ” ก็แผลงฤทธิ์อีกครั้งเมื่อได้บอลจาก ฟาบิโอ ออเรลิโอ ก่อนแต่งหาช่องสับไกด้วยขวาจากนอกเขตโทษระยะประมาณ 25 หลา ส่งลูกพุ่งหนีมือ ชวาร์เซอร์เสียบเสาแรกอย่างเฉียบขาดเป็นประตูให้เจ้าถิ่นแซงขึ้นมานำเป็น 2-1
สิงห์แดงเกือบได้ประตูตีเสมอในนาทีที่ 35 จากจังหวะที่ ดาวนิง เปิดบอลจากริมเส้นด้านซ้ายเข้ามาหน้าประตู ตุนกาย โฉบถึงบอลก่อน โฮเซ เรนา ส่งลูกปะทะตาข่ายได้ ทว่าไม่เป็นสกอร์เนื่องจากศูนย์หน้าเลือดเติร์กทำแฮนด์บอลในจังหวะโหม่ง จากนั้น ตุนกาย ก็ทำชิ่งให้ อาลิยาดิแยร์ หลุดเข้าไปกดหนีมือ เรนา เสียบเสาแรก ทว่าถูก ปฏิเสธอีกครั้ง เนื่องจาก ตุนกาย อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าก่อน ทำให้จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล นำอยู่ 2-1
เข้าสู่ครึ่งหลังนาทีที่ 61 สตีเวน เจอร์ราร์ด วางบอลยาวไปข้างหน้า ลูกตกหน้าเขตโทษแล้ว มาร์ค ชวาร์เซอร์ กับ เดวิด วีเทอร์ สื่อสารกันไม่เข้าใจจนถูก เฟอร์นานโด ตอร์เรส ชิงเหลี่ยมได้ก่อนตวัดยิงด้วยขวาใส่ปากประตูอันว่างเปล่าเป็นประตูขึ้นนำ 3-1 สำหรับเจ้าบ้าน และเป็นแฮตทริกของดาวยิงทีมชาติสเปนรายนี้ด้วย
หงส์แดงยิ่งเล่นยิ่งได้ใจ นาทีที่ 68 เจอร์ราร์ด พาบอลขึ้นมาก่อนไหลต่อให้ ตอร์เรส กระชากหนี เอ็มมานูเอล โปกาเตตซ์ เข้าไปยิงย้อนศรหวังให้เสียบเสาสอง แต่ ชวาร์เซอร์ ยังมือไวล้มตัวปัดปลายมือออกหลังได้อย่างหวุดหวิด
กระทั่งนาทีที่ 83 มิดเดิลสโบรช์ ที่เริ่มครองเกมได้มากขึ้นก็มาได้ประตูตีตื้นเป็น 2-3 จาก สจวร์ต ดาวนิง ที่เกี่ยวบอลได้จากลูกวางยาวก่อนกระชากหนี ยอสซี เบนายูน เข้าไปซัดแฉลบเท้า โฮเซ เรนา บอลทะลักเข้าประตู จากนั้น 3 นาที อาลิยาดิแยร์ ไปตอบโต้ ฮาเวียร์ มาสเชราโน โดยเอามือไปตบหน้ามิดฟิลด์อาร์เจนไตน์จึงถูกใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม
นาทีสุดท้ายของเกม ลิเวอร์พูล สามารถส่งลูกหนังเข้าไปสัมผัสตาข่ายได้อีกครั้งจากจังหวะที่ เจอร์ราร์ด ปั่นฟรีคิกถูก ชวาร์เซอร์ ปัดได้ในทีแรกแล้วลูกไปชนเสากระดอนออกมาเข้าทาง เบนายูน ซ้ำจ่อๆ เข้าไป แต่ไม่ได้ประตูเพิ่มเนื่องจากล้ำหน้า จบเกมจึงเฉือนชนะ มิดเดิลสโบรช์ แบบฉิวเฉียด 3-2 เก็บเพิ่มเป็น 47 คะแนนขึ้นมารั้งอันดับ 4 ของตารางชั่วคราว ส่วนสิงห์แดงมีอยู่ 29 คะแนน รั้งอันดับ 12
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล – โฮเซ เรนา, สตีฟ ฟินแนน, ซามี ฮูเปีย, อัลบาโร อาร์เบลัว, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, เดิร์ก เคาท์, ลูคัส เลวา, ฮาเวียร์ มาสเชราโน, ไรอัน บาเบล, สตีเวน เจอร์ราร์ด, เฟอร์นานโด ตอร์เรส
มิดเดิลสโบรช์ – มาร์ค ชวาร์เซอร์, ลุค ยัง, เดวิด วีเทอร์, เอ็มมานูเอล โปกาเตตซ์, โจนาธาน กราวนด์ส, แกรี โอนีล, ฟาบิโอ โรเชมบัค, ฮูลิโอ อาร์กา, สจวร์ต ดาวนิง, เฌเรมี่ อาลิยาดิแยร์, ตุนกาย ซานลี
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
เบอร์มิงแฮม ซิตี เสมอ อาร์เซนอล 2-2 (เจมส์ แม็คฟาดเดน 1-0 นาที 27), (ธีโอ วัลคอตต์ 1-1 นาที 49), (ธีโอ วัลคอตต์ 1-2 นาที 55), (เจมส์ แม็คฟาดเด้น 2-2 นาที 90)
ฟูแลม แพ้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 0-1 (โนลเบอร์โต้ โซลาโน 0-1 นาที 87)
ลิเวอร์พูล ชนะ มิดเดิลสโบรช์ 3-2 (ตุนกาย ซานลี 0-1 นาที 9), (เฟอร์นานโด ตอร์เรส 1-1 นาที 28), (เฟอร์นานโด ตอร์เรส 2-1 นาที 29), (เฟอร์นานโด ตอร์เรส 3-1 นาที 61), (สจวร์ต ดาวนิง 3-2 นาที 83)
ปอร์ทสมัธ ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 1-0 (เจอร์เมน เดโฟ 1-0 จุดโทษ นาที 69)
วีแกน แอธเลติก ชนะ ดาร์บี เคาน์ตี 2-0 (พอล ชาร์เนอร์ 1-0 นาที 60), (อันโตนิโอ วาเลนเซีย 2-0 นาที 84)
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-5 (เวย์น รูนีย์ 0-1 นาที 25), (คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 0-2 นาที 45), (คริสเตียโน โรนัลโด 0-3 นาที 56), (อับดูลาย ฟาย 1-3 นาที 78), (เวย์น รูนีย์ 1-4 นาที 80), (หลุยส์ ซาฮา 1-5 นาที 90)
