เฟอร์นานโด ตอร์เรส หัวหอกทีมชาติสเปนปล่อยทีเด็ดด้วยการยิงไกลสุดสวยช่วยให้ ลิเวอร์พูล ตามตีเสมอ มิดเดิลสโบรช์ 1-1 ขณะที่ อาร์เซนอล กดดัน เบอร์มิงแฮม ซิตี้ อย่างต่อเนื่องแต่จบสกอร์ไม่ลงจึงจบเกมด้วยสกอร์ 1-1 เช่นกัน
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันเสาร์ที่ 12 มกราคม 2551
มิดเดิลสโบรช์ 1 – 1 ลิเวอร์พูล
ที่สนามริเวอร์ไซด์ สเตเดี้ยม มิดเดิลสโบรช์ ลงเล่นในถิ่นของตัวเองรับมือกับ ลิเวอร์พูล เกมนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือเจ้าบ้านให้โอกาส โจนาธาน กราวนด์ส ดาวรุ่งจากทีมเยาวชนลงเล่นเป็นตัวจริงหนแรกในพรีเมียร์ชิปในตำแหน่งแบ็กซ้าย พร้อมทั้งมี โรเบิร์ต ฮูธ ปักหลักในแนวรับ ส่วนคู่กองหน้าเป็น เฌเรมี่ อาลิยาดิแยร์ กับ ตุนกาย ซานลี่
ด้าน ราฟาเอล เบนิเตซ ของทีมเยือนได้ ดาเนียล แอกเกอร์ ปราการหลังชาวเดนมาร์กกลับมาคอยสแตนด์บายที่ม้านั่งสำรองโดยที่ ซามี่ ฮูเปีย จับคู่กับ เจมี คาร์ราเกอร์ ในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟต่อไป ขณะที่ ยอสซี เบนายูน กับ ยอห์น อาร์เน รีเซ ถูกวางให้ยืนริมเส้นขวา-ซ้ายตามลำดับ โดยมี เฟอร์นานโด ตอร์เรส กับ อังเดร โวโรนิน จับคู่ล่าตาข่าย
เริ่มต้นมาได้ 4 นาทีเศษ โบโร่ เป็นฝ่ายที่ได้โอกาสลุ้นครั้งแรกของเกม เมื่อ สจ๊วร์ต ดาวนิง เปิดลูกเตะมุมจากด้านซ้าย เดวิด วีเธอร์ ขึ้นโขกแต่ถูกเบียดเอาไว้ในจังหวะเทกตัวจึงบังคับทิศทางไม่เข้ากรอบ ก่อนที่ สตีเวน เจอร์ราร์ด จะหาจังหวะตอบโต้ให้ทีมเยือนได้อย่างใกล้เคียงในนาทีที่ 11 ด้วยการลากตัดเข้ามาตรงกลางแล้วสับไกเต็มข้อ เดือดร้อน มาร์ ชวาร์เซอร์ ที่ต้องพุ่งปัดออกหลังไปแบบหวุดหวิด
ทั้งสองทีมยังคงแลกหมัดกันคนละครั้ง นาทีที่ 17 รีเซ่ เลี้ยงเลาะเข้ามาหน้าเขตโทษแล้วไม่มีช่องยิงจึงไหลต่อให้ เจอร์ราร์ด สอดเข้ามาซัดด้วยซ้าย แต่บอลเบาเกินไปย้อยเข้ามือ ชวาร์เซอร์ อย่างง่ายดาย จากนั้น 2 นาที แกรี โอนีล วางยาวจากด้านขวาเข้าไปให้ วีเธอร์ เติมขึ้นมาโขกในเขตโทษ โฮเซ เรนา ลอยตัวปัดออกหลังได้อย่างฉิวเฉียด แต่จังหวะนี้ไลน์แมนยกธงให้ วีเธอร์ ยืนอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า
ถึงนาทีที่ 26 สิงห์แดงก็มาเจาะตาข่ายหงส์แดงได้ก่อนจากจังหวะที่ อัลบาโร อาร์เบลัว โหม่งสกัดลูกครอสของ ดาวนิง ไม่พ้นอันตราย อาลิยาดิแยร์ จึงโหม่งชงจากเส้นหลัง กลับเข้ามาตรงกลางให้ จอร์จ บัวเต็ง พุ่งเข้าชาร์จหน้าปากประตูโล่งๆ เป็นประตูขึ้นนำ 1-0 สำหรับเจ้าบ้าน
พอตกเป็นฝ่ายตามหลัง ลิเวอร์พูล ก็ดิ้นรนหาทางทวงประตูตีเสมอ นาทีที่ 37 ฮาเวียร์ มาสเชราโน หยอดบอลเข้าเขตโทษให้ เบนายูน ล้มตัววอลเลย์ตามน้ำไปติดเซฟของ ชวาร์เซอร์ ก่อนที่ โวโรนิน ซึ่งตามเข้ามาซ้ำจะถูกจับล้ำหน้า ก่อนที่ รีเซ่ จะหาจังหวะส่องไกลในอีก 5 นาทีต่อมา แต่ก็หลุดกรอบออกไปไกล หมดครึ่งแรก มิดเดิลสโบรช์ จึงเป็นฝ่ายนำอยู่ 1-0
เข้าสู่ครึ่งหลังทีมเยือนแก้เกมทันทีด้วยการส่งตัวรุกอย่าง ไรอัน บาเบล ลงมาแทน อาร์เบลัว แล้วถอย รีเซ กลับไปยืนแบ็กซ้ายตามถนัด อย่างไรก็ตาม โบโร่ ยังเป็นฝ่ายมีลุ้นในนาทีที่ 53 เมื่อ โฮเซ เรนา ออกมาตัดบอลนอกเขตโทษไม่ดี ถูก อาลิยาดิแยร์ โฉบเอาบอลไปได้แถวกราบซ้าย แต่จังหวะตวัดเข้ากลางไม่มีผู้เล่นเจ้าถิ่นเข้ามาชาร์จ
เกมดำเนินมาถึงเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม หงส์แดงก็มาใกล้เคียงกับการได้ประตูมากที่สุดจากจังหวะที่เล่นลูกเตะมุมสั้นจากมุมธงด้านซ้ายก่อนไหลต่อมาให้ บาเบล ลากตัดเข้ากลางแล้วยิงหักข้อด้วยขวาจากนอกกรอบ บอลติดไซด์ก้อยชนิดที่ ชวาร์เซอร์ ยืนขาตายไปแล้ว ทว่าลูกพุ่งเฉี่ยวเสาไกลออกไปเพียงแค่คืบ
จากนั้นแผงหลังของลิเวอร์พูล ก็ถูกแนวรุกเจ้าถิ่นคุกคามจนเกือบเสียลูกที่ 2 นาทีที่ 66 อาลิยาดิแยร์ หลุดกับดักล้ำหน้าได้แล้ว แต่ เรนา ยังออกมาตัดนอกเขตโทษได้ทันก่อนหัวหอกชาวฝรั่งเศสจะถึงบอล ก่อนที่ ดาวนิง จะสับไกเต็มเหนี่ยวส่งบอลหนีมือ เรน่า ไปแล้ว แต่ก็ไปกระแทกเสาอย่างจัง
อย่างไรก็ตาม ความพยายามของทีมเยือนก็มาประสบความสำเร็จในนาทีที่ 71 จากความยอดเยี่ยมของ ตอร์เรส ที่จับบอลแล้วลื่นในจังหวะแรก แต่ก็ยังพาบอลเข้ามากดด้วยขวาจากระยะไกล แม้ ชวาร์เซอร์ จะปัดได้แต่ก็เอาไม่อยู่ บอลพุ่งชนเสาเข้าไปตุงตาข่ายเป็นประตูตีเสมอ 1-1 ของหงส์แดง
ช่วงท้ายเกม ลิเวอร์พูล โหมบุกอย่างหนัก นาทีที่ 88 เจอร์ราร์ด ตะบันเต็มข้อจากนอกรอบเขตโทษถูก ชวาร์เซอร์ ปัดข้ามคานออกหลัง ก่อนที่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ฮูเปีย จะได้โขกลูกเตะมุมกดลงพื้น บอลทำท่าจะเสียบเสาแรก แต่ยังถูก ชวาร์เซอร์ ล้มตัวเซฟเอาไว้ได้ หมด 90 นาทีจึงเสมอกันไป 1-1 แบ่งไปทีมละ 1 คะแนน ทำให้หงส์แดงมี 39 คะแนนเท่ากับ เอฟเวอร์ตัน, แอสตัน วิลลา และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่มีผลต่างประตูได้-เสียที่ดีกว่าจึงรั้งอันดับ 4 ของตาราง
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
มิดเดิลสโบรช์ – มาร์ค ชวาร์เซอร์, ลุค ยัง, เดวิด วีเธอร์, โรเบิร์ต ฮูธ, โจนาธาน กราวนด์ส, แกรี โอนีล, จอร์จ บัวเต็ง, ฟาบิโอ โรเชมบัค, สจวร์ต ดาวนิง, เฌเรมี่ อาลิยาดิแยร์, ตุนกาย ซานลี่
ลิเวอร์พูล – โฮเซ เรนา, สตีฟ ฟินแนน, เจมี คาร์ราเกอร์, ซามี่ ฮูเปีย, อัลบาโร อาร์เบลัว, ยอสซี เบนายูน, สตีเวน เจอร์ราร์ด, ฮาเวียร์ มาสเชราโน, ยอห์น อาร์เน รีเซ, อังเดร โวโรนิน, เฟอร์นานโด ตอร์เรส
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
อาร์เซนอล เสมอ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ 1-1 (เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ 1-0 จุดโทษ นาที 24), (แกรี โอคอนเนอร์ 1-1 นาที 48)
แอสตัน วิลลา ชนะ เรดดิง 3-1 (ยอห์น คาริว 1-0 นาที 22), (มาร์ติน เลาร์เซน 2-0 นาที 55), (ยอห์น คาริว 3-0 นาที 88), (เจมส์ ฮาร์เปอร์ 3-1 นาที 90)
เชลซี ชนะ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 2-0 (จูเลียโน เบลเล็ตติ 1-0 นาที 19), (ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ 2-0 นาที 85)
ดาร์บี เคาน์ตี แพ้ วีแกน แอธเลติก 0-1 (อองตวน ซิเบียร์สกี้ 0-1 นาที 82)
เอฟเวอร์ตัน ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 (โจลีออน เลสค็อตต์ 1-0 นาที 31)
มิดเดิลสโบรช์ เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1 (จอร์จ บัวเต็ง 1-0 นาที 26), (เฟอร์นานโด ตอร์เรส 1-1 นาที 71)
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ชนะ ฟูแล่ม 2-1 (ไซมอน เดวีส์ 0-1 นาที 8), (ดีน แอชตัน 1-1 นาที 28), (แอนทอน เฟอร์ดินานด์ 2-1 นาที 69)
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 6-0 (คริสเตียโน โรนัลโด 1-0 นาที 48), (คาร์ลอส เตเบซ 2-0 นาที 55), (คริสเตียโน โรนัลโด 3-0 นาที 70), (ริโอ เฟอร์ดินานด์ 4-0 นาที 85), (คริสเตียโน โรนัลโด 5-0 นาที 88), (คาร์ลอส เตเบซ 6-0 นาที 90)
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันเสาร์ที่ 12 มกราคม 2551
มิดเดิลสโบรช์ 1 – 1 ลิเวอร์พูล
ที่สนามริเวอร์ไซด์ สเตเดี้ยม มิดเดิลสโบรช์ ลงเล่นในถิ่นของตัวเองรับมือกับ ลิเวอร์พูล เกมนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือเจ้าบ้านให้โอกาส โจนาธาน กราวนด์ส ดาวรุ่งจากทีมเยาวชนลงเล่นเป็นตัวจริงหนแรกในพรีเมียร์ชิปในตำแหน่งแบ็กซ้าย พร้อมทั้งมี โรเบิร์ต ฮูธ ปักหลักในแนวรับ ส่วนคู่กองหน้าเป็น เฌเรมี่ อาลิยาดิแยร์ กับ ตุนกาย ซานลี่
ด้าน ราฟาเอล เบนิเตซ ของทีมเยือนได้ ดาเนียล แอกเกอร์ ปราการหลังชาวเดนมาร์กกลับมาคอยสแตนด์บายที่ม้านั่งสำรองโดยที่ ซามี่ ฮูเปีย จับคู่กับ เจมี คาร์ราเกอร์ ในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟต่อไป ขณะที่ ยอสซี เบนายูน กับ ยอห์น อาร์เน รีเซ ถูกวางให้ยืนริมเส้นขวา-ซ้ายตามลำดับ โดยมี เฟอร์นานโด ตอร์เรส กับ อังเดร โวโรนิน จับคู่ล่าตาข่าย
เริ่มต้นมาได้ 4 นาทีเศษ โบโร่ เป็นฝ่ายที่ได้โอกาสลุ้นครั้งแรกของเกม เมื่อ สจ๊วร์ต ดาวนิง เปิดลูกเตะมุมจากด้านซ้าย เดวิด วีเธอร์ ขึ้นโขกแต่ถูกเบียดเอาไว้ในจังหวะเทกตัวจึงบังคับทิศทางไม่เข้ากรอบ ก่อนที่ สตีเวน เจอร์ราร์ด จะหาจังหวะตอบโต้ให้ทีมเยือนได้อย่างใกล้เคียงในนาทีที่ 11 ด้วยการลากตัดเข้ามาตรงกลางแล้วสับไกเต็มข้อ เดือดร้อน มาร์ ชวาร์เซอร์ ที่ต้องพุ่งปัดออกหลังไปแบบหวุดหวิด
ทั้งสองทีมยังคงแลกหมัดกันคนละครั้ง นาทีที่ 17 รีเซ่ เลี้ยงเลาะเข้ามาหน้าเขตโทษแล้วไม่มีช่องยิงจึงไหลต่อให้ เจอร์ราร์ด สอดเข้ามาซัดด้วยซ้าย แต่บอลเบาเกินไปย้อยเข้ามือ ชวาร์เซอร์ อย่างง่ายดาย จากนั้น 2 นาที แกรี โอนีล วางยาวจากด้านขวาเข้าไปให้ วีเธอร์ เติมขึ้นมาโขกในเขตโทษ โฮเซ เรนา ลอยตัวปัดออกหลังได้อย่างฉิวเฉียด แต่จังหวะนี้ไลน์แมนยกธงให้ วีเธอร์ ยืนอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า
ถึงนาทีที่ 26 สิงห์แดงก็มาเจาะตาข่ายหงส์แดงได้ก่อนจากจังหวะที่ อัลบาโร อาร์เบลัว โหม่งสกัดลูกครอสของ ดาวนิง ไม่พ้นอันตราย อาลิยาดิแยร์ จึงโหม่งชงจากเส้นหลัง กลับเข้ามาตรงกลางให้ จอร์จ บัวเต็ง พุ่งเข้าชาร์จหน้าปากประตูโล่งๆ เป็นประตูขึ้นนำ 1-0 สำหรับเจ้าบ้าน
พอตกเป็นฝ่ายตามหลัง ลิเวอร์พูล ก็ดิ้นรนหาทางทวงประตูตีเสมอ นาทีที่ 37 ฮาเวียร์ มาสเชราโน หยอดบอลเข้าเขตโทษให้ เบนายูน ล้มตัววอลเลย์ตามน้ำไปติดเซฟของ ชวาร์เซอร์ ก่อนที่ โวโรนิน ซึ่งตามเข้ามาซ้ำจะถูกจับล้ำหน้า ก่อนที่ รีเซ่ จะหาจังหวะส่องไกลในอีก 5 นาทีต่อมา แต่ก็หลุดกรอบออกไปไกล หมดครึ่งแรก มิดเดิลสโบรช์ จึงเป็นฝ่ายนำอยู่ 1-0
เข้าสู่ครึ่งหลังทีมเยือนแก้เกมทันทีด้วยการส่งตัวรุกอย่าง ไรอัน บาเบล ลงมาแทน อาร์เบลัว แล้วถอย รีเซ กลับไปยืนแบ็กซ้ายตามถนัด อย่างไรก็ตาม โบโร่ ยังเป็นฝ่ายมีลุ้นในนาทีที่ 53 เมื่อ โฮเซ เรนา ออกมาตัดบอลนอกเขตโทษไม่ดี ถูก อาลิยาดิแยร์ โฉบเอาบอลไปได้แถวกราบซ้าย แต่จังหวะตวัดเข้ากลางไม่มีผู้เล่นเจ้าถิ่นเข้ามาชาร์จ
เกมดำเนินมาถึงเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม หงส์แดงก็มาใกล้เคียงกับการได้ประตูมากที่สุดจากจังหวะที่เล่นลูกเตะมุมสั้นจากมุมธงด้านซ้ายก่อนไหลต่อมาให้ บาเบล ลากตัดเข้ากลางแล้วยิงหักข้อด้วยขวาจากนอกกรอบ บอลติดไซด์ก้อยชนิดที่ ชวาร์เซอร์ ยืนขาตายไปแล้ว ทว่าลูกพุ่งเฉี่ยวเสาไกลออกไปเพียงแค่คืบ
จากนั้นแผงหลังของลิเวอร์พูล ก็ถูกแนวรุกเจ้าถิ่นคุกคามจนเกือบเสียลูกที่ 2 นาทีที่ 66 อาลิยาดิแยร์ หลุดกับดักล้ำหน้าได้แล้ว แต่ เรนา ยังออกมาตัดนอกเขตโทษได้ทันก่อนหัวหอกชาวฝรั่งเศสจะถึงบอล ก่อนที่ ดาวนิง จะสับไกเต็มเหนี่ยวส่งบอลหนีมือ เรน่า ไปแล้ว แต่ก็ไปกระแทกเสาอย่างจัง
อย่างไรก็ตาม ความพยายามของทีมเยือนก็มาประสบความสำเร็จในนาทีที่ 71 จากความยอดเยี่ยมของ ตอร์เรส ที่จับบอลแล้วลื่นในจังหวะแรก แต่ก็ยังพาบอลเข้ามากดด้วยขวาจากระยะไกล แม้ ชวาร์เซอร์ จะปัดได้แต่ก็เอาไม่อยู่ บอลพุ่งชนเสาเข้าไปตุงตาข่ายเป็นประตูตีเสมอ 1-1 ของหงส์แดง
ช่วงท้ายเกม ลิเวอร์พูล โหมบุกอย่างหนัก นาทีที่ 88 เจอร์ราร์ด ตะบันเต็มข้อจากนอกรอบเขตโทษถูก ชวาร์เซอร์ ปัดข้ามคานออกหลัง ก่อนที่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ฮูเปีย จะได้โขกลูกเตะมุมกดลงพื้น บอลทำท่าจะเสียบเสาแรก แต่ยังถูก ชวาร์เซอร์ ล้มตัวเซฟเอาไว้ได้ หมด 90 นาทีจึงเสมอกันไป 1-1 แบ่งไปทีมละ 1 คะแนน ทำให้หงส์แดงมี 39 คะแนนเท่ากับ เอฟเวอร์ตัน, แอสตัน วิลลา และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่มีผลต่างประตูได้-เสียที่ดีกว่าจึงรั้งอันดับ 4 ของตาราง
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
มิดเดิลสโบรช์ – มาร์ค ชวาร์เซอร์, ลุค ยัง, เดวิด วีเธอร์, โรเบิร์ต ฮูธ, โจนาธาน กราวนด์ส, แกรี โอนีล, จอร์จ บัวเต็ง, ฟาบิโอ โรเชมบัค, สจวร์ต ดาวนิง, เฌเรมี่ อาลิยาดิแยร์, ตุนกาย ซานลี่
ลิเวอร์พูล – โฮเซ เรนา, สตีฟ ฟินแนน, เจมี คาร์ราเกอร์, ซามี่ ฮูเปีย, อัลบาโร อาร์เบลัว, ยอสซี เบนายูน, สตีเวน เจอร์ราร์ด, ฮาเวียร์ มาสเชราโน, ยอห์น อาร์เน รีเซ, อังเดร โวโรนิน, เฟอร์นานโด ตอร์เรส
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
อาร์เซนอล เสมอ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ 1-1 (เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ 1-0 จุดโทษ นาที 24), (แกรี โอคอนเนอร์ 1-1 นาที 48)
แอสตัน วิลลา ชนะ เรดดิง 3-1 (ยอห์น คาริว 1-0 นาที 22), (มาร์ติน เลาร์เซน 2-0 นาที 55), (ยอห์น คาริว 3-0 นาที 88), (เจมส์ ฮาร์เปอร์ 3-1 นาที 90)
เชลซี ชนะ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 2-0 (จูเลียโน เบลเล็ตติ 1-0 นาที 19), (ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ 2-0 นาที 85)
ดาร์บี เคาน์ตี แพ้ วีแกน แอธเลติก 0-1 (อองตวน ซิเบียร์สกี้ 0-1 นาที 82)
เอฟเวอร์ตัน ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 (โจลีออน เลสค็อตต์ 1-0 นาที 31)
มิดเดิลสโบรช์ เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1 (จอร์จ บัวเต็ง 1-0 นาที 26), (เฟอร์นานโด ตอร์เรส 1-1 นาที 71)
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ชนะ ฟูแล่ม 2-1 (ไซมอน เดวีส์ 0-1 นาที 8), (ดีน แอชตัน 1-1 นาที 28), (แอนทอน เฟอร์ดินานด์ 2-1 นาที 69)
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 6-0 (คริสเตียโน โรนัลโด 1-0 นาที 48), (คาร์ลอส เตเบซ 2-0 นาที 55), (คริสเตียโน โรนัลโด 3-0 นาที 70), (ริโอ เฟอร์ดินานด์ 4-0 นาที 85), (คริสเตียโน โรนัลโด 5-0 นาที 88), (คาร์ลอส เตเบซ 6-0 นาที 90)