แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โชว์ฟอร์มดุดันด้วยการไล่ถล่ม นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ซึ่งเล่นแบบไร้ผู้จัดการทีมไปแบบไม่ยั้ง 6-0 โดย คริสเตียโน โรนัลโด ฉลองรองเท้ารุ่นใหม่ด้วยการทำแฮตทริกในเกมนี้ ช่วยให้ปีศาจแดงแซง อาร์เซนอล ขึ้นไปนั่งบัลลังก์จ่าฝูงพรีเมียร์ชิปด้วยลูกได้-เสียที่ดีกว่า
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันเสาร์ที่ 12 มกราคม 2551
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 6 – 0 นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
เกมพรีเมียร์ชิปคู่ดึกของวันเสาร์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านโอลด์ แทรฟฟอร์ด รับการมาเยือนของ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เกมนี้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ส่ง จอห์น โอเช ลงมายืนแบ็กขวาโดยมี คริสเตียโน โรนัลโด กับ ไรอัน กิกส์ ลาเลื้อยริมเส้นขวา-ซ้าย ส่วน เวย์น รูนีย์ ก็ได้โอกาสจับคู่กับ คาร์ลอส เตเบซ ในแดนหน้าอีกครั้ง
ด้าน ไนเจล เพียร์สัน ที่มาขัดตาทัพแทน แซม อัลลาไดซ์ ซึ่งเพิ่งถูกปลดวางแผนแบบรัดกุมด้วยการอัดแผงกลางลงสนาม 5 คนโดยหุบ ชาร์ลส เอ็นซ็อกเบีย เข้ามาเล่นด้านในแล้วให้ เดเมียน ดัฟฟ์ ทำเกมริมเส้นด้านซ้าย ในขณะที่ด้านขวาเป็นหน้าที่ของ เจมส์ มิลเนอร์ โดยให้ อลัน สมิธ กับ นิกกี บัตต์ คอยตัดเกม พร้อมทิ้ง ไมเคิล โอเวน ไว้ข้างหน้าคนเดียว
เปิดฉากมาได้เพียง 2 นาทีเศษ พลพรรคปีศาจแดงเกือบได้เฮแต่เนิ่นๆ เมื่อสามารถตัดบอลได้แถวกลางสนาม ไมเคิล คาร์ริก ไหลทะลุช่องให้ เวย์น รูนีย์ หลุดแผงหลังทีมเยือนเข้าไปดวลกับ เชย์ กิฟเวน ตัวต่อตัว แต่จังหวะยิงกลับส่งลูกเหินข้ามคานออกไป ก่อนที่หัวหอกร่างอวบจะได้ซัดอีกครั้ง ทว่าไปตรงตัว กิฟเว่น
สาลิกาดงได้โอกาสครั้งแรกจากความผิดพลาดในแนวรับของทีมเยือนที่ปล่อยบอลตกในเขตโทษ แต่ลูกยิงของ เจมส์ มิลเนอร์ ถูก จอห์น โอเช เข้ามาบล็อก จากนั้น รูนีย์ ก็ได้โอกาสสับไก 2 ครั้งซ้อนในนาทีที่ 13 และ 15 แต่ลูกยิงไกลหนแรกถูก กิฟเวน ล้มตัวปัดไว้ได้ที่เสาแรก ก่อนจะมาได้วอลเลย์ลูกเปิดของ คาร์ริก แบบไม่จับในเขตโทษ แต่ก็ยังไม่ผ่านมือของ กิฟเว่น อีกเช่นเคย
ปีศาจแดงยังเป็นฝ่ายบุกกดดันอย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 26 ปาทริซ เอฟรา โยนจากกราบซ้ายเข้ามาหน้าประตู กิฟเวน ออกมาชกบอลไม่ดีไปเข้าทาง จอห์น โอเช โหม่งสวนกลับเข้าไป แต่ถูก เคลาดิโอ คาซาปา ล้มตัวสกัดก่อนข้ามเส้นได้อย่างหวุดหวิด จากนั้น โอเช ก็ได้ขึ้นโขกลูกเตะมุมเฉี่ยวเสา แต่ผู้ตัดสิน ร็อบ สไตล์ส เป่าฟาวล์ เนื่องจากไปกดหลัง สตีเวน เทย์เลอร์
นาทีถัดมา คาร์ริก ชะล่าใจถูก โอเวน ฉกบอลไปได้ก่อนที่ เดเมียน ดัฟฟ์ จะเข้ามรับช่วงต่อแล้วลองซัดด้วยขวา บอลลอยโด่งออกหลังไปทางสามเหลี่ยมเสาสองแบบมีลุ้น จากนั้น โรนัลโด้ ลากบอลเข้าไปถูก เทย์เลอร์ ดักล้มลงในเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินไม่เป่าให้เป็นจุดโทษเช่นเดียวกับจังหวะที่ กิ๊กส์ ถูก อลัน สมิธ เข้ามาเบียดล้มลง
แมนฯ ยูไนเต็ด ยังบุกเข้าใส่เป็นชุดๆ นาทีที่ 36 รูนีย์ แตะลอดขา คาซาปา แล้วชิปจากนอกกรอบส่งบอลหลุดออกไปทางเสาไกล ก่อนที่ รูนีย์ จะได้หลุดเข้าไปตักบอลแบบกึ่งยิงกึ่งผ่านเลยหน้าประตูออกไป จากนั้นนาทีที่ 42 โรนัลโด้ กระชากเข้าขวาก่อนซัดไกลด้วยลูกเรียด แต่ กิฟเวน ยังล้มตัวปัดได้อย่างเหนียวหนึบ กิ๊กส์ พยายามเข้าซ้ำแต่ก็ถูก สตีเฟ่น คาร์ พุ่งเข้ามาบล็อกออกหลัง ก่อนที่ โรนัลโด้ จะโขกลูกเตะมุมเฉียดเสาแรกเพียงนิดเดียว หมดครึ่งแรกทั้งคู่จึงเสมอกันอยู่ที่ 0-0
เข้าสู่ครึ่งหลังได้เพียง 20 วินาที เจ้าถิ่นก็เกือบได้ประตู 2 ครั้งซ้อนๆ จากการยิงของ เตเวซ และ รูนีย์ แต่ก็ถูก เทย์เลอร์ สกัดคาบเส้นได้ทั้ง 2 ครั้ง กระนั้น นาทีที่ 48 ปีศาจแดงก็มาได้ลูกฟรีคิกระยะหวังผล และเป็น โรนัลโด้ จัดการยิงเรียดลอดกำแพงผ่านมือ กิฟเว่น เข้าไปเป็นประตูขึ้นนำ 1-0
เท่านั้นไม่พอ อีก 7 นาทีให้หลังสกอร์บอร์ดก็ขยับเป็น 2-0 จากจังหวะที่ โฮเซ เอ็นริเก คืนหลังให้ กิฟเวน แรงจนนายทวารไอริชเตะออกมาไม่ดีไปติด คาซาปา บอลไปเข้าเท้า กิกส์ ที่ดักรอในเขตโทษหักกลับมาหน้าประตูให้ เตเวซ แปเข้าสู่ก้นตาข่ายโล่งๆ
นิวคาสเซิล เกือบได้ประตูตีไข่แตกในนาทีที่ 58 จากการลากตัดเข้ามายิงด้วยซ้ายของ เอ็นซ็อกเบีย แถวมุมเขตโทษด้านขวา บอลโค้งเข้าหาเสาสองแต่ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ยังลอยตัวปัดเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม โอเวน พยายามตามเข้ามาซ้ำ แต่โดนไม่เต็มเท้าจึงไปติดตัว ฟาน เดอร์ ซาร์ อีกครั้งก่อนถูกเคลียร์ทิ้งออกมา
ถึงนาทีที่ 70 แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ทิ้งห่างไปเป็น 3-0 จากการต่อบอลจังหวะตั้งแต่กลางสนามก่อนที่ เตเวซ จะจ่ายให้ โรนัลโด เกี่ยวบอลได้ในเขตโทษแล้วซัดหนีมือ กิฟเวน เข้าไปทางเสาสอง ก่อนที่ในช่วง 10 นาทีสุดท้ายเจ้าถิ่นยังคงได้ลุ้นเป็นระลอกๆ เริ่มจาก แดนนี ซิมป์สัน แบ็กสำรองที่ลงมาแทน เอฟรา แต่ กิฟเวน ออกมาขวางได้ไว จากนั้น รูนีย์ ได้ซัดไปติด กิฟเวน ที่ใช้เท้าเซฟ ก่อนมาจบที่ คาร์ริก ซึ่งส่องจากเส้นเขตโทษ ทว่าไปติด เอ็นริเก ที่ยืนขวางบนเส้น ประตู
อย่างไรก็ตาม ปีศาจแดงก็มาได้ประตู 4-0 ในนาทีที่ 85 โดย รูนีย์ ชิปบอลด้วยน้ำหนักเหมาะเจาะให้ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่เติมขึ้นมาแปแบบไม่จับเข้าเสาแรกอย่างสวยงาม ก่อนที่ โรนัลโด กับ เตเบซ จะมายิงย้ำชัยอย่างเด็ดขาดในนาทีที่ 88 และ 90 นอกจากนั้น อลัน สมิธ ยังมาถูกไล่ออกจากการไปต่อว่า ร็อบ สไตล์ส จบเกม แมนฯ ยูไนเต็ด ไล่ถลุง นิวคาสเซิล หมดสภาพ 6-0 เก็บเพิ่มเป็น 51 คะแนน ทว่าแซง อาร์เซนอล ขึ้นไปเป็นจ่าฝูงด้วยผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่า
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, จอห์น โอเช, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานยา วิดิช, ปาทริซ เอฟรา, คริสเตียโน โรนัลโด, ไมเคิล คาร์ริก, อันแดร์สัน, ไรอัน กิกส์, คาร์ลอส เตเวซ, เวย์น รูนีย์
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด – เชย์ กิฟเวน, สตีเฟ่น คาร์, สตีเวน เทย์เลอร์, เคลาดิโอ คาซาปา, โฮเซ เอ็นริเก, เจมส์ มิลเนอร์, อลัน สมิธ, นิกกี บัตต์, ชาร์ลส เอ็นซ็อกเบีย, เดเมียน ดัฟฟ์, ไมเคิล โอเวน
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
อาร์เซนอล เสมอ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ 1-1 (เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ 1-0 จุดโทษ นาที 24), (แกรี โอคอนเนอร์ 1-1 นาที 48)
แอสตัน วิลลา ชนะ เรดดิง 3-1 (ยอห์น คาริว 1-0 นาที 22), (มาร์ติน เลาร์เซน 2-0 นาที 55), (ยอห์น คาริว 3-0 นาที 88), (เจมส์ ฮาร์เปอร์ 3-1 นาที 90)
เชลซี ชนะ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 2-0 (จูเลียโน่ เบลเล็ตติ 1-0 นาที 19), (ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ 2-0 นาที 85)
ดาร์บี เคาน์ตี แพ้ วีแกน แอธเลติก 0-1 (อองตวน ซิเบียร์สกี้ 0-1 นาที 82)
เอฟเวอร์ตัน ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 (โจลีออน เลสค็อตต์ 1-0 นาที 31)
มิดเดิลสโบรช์ เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1 (จอร์จ บัวเต็ง 1-0 นาที 26), (เฟอร์นานโด ตอร์เรส 1-1 นาที 71)
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ชนะ ฟูแลม 2-1 (ไซมอน เดวีส์ 0-1 นาที 8), (ดีน แอชตัน 1-1 นาที 28), (แอนทอน เฟอร์ดินานด์ 2-1 นาที 69)
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 6-0 (คริสเตียโน โรนัลโด 1-0 นาที 48), (คาร์ลอส เตเบซ 2-0 นาที 55), (คริสเตียโน โรนัลโด 3-0 นาที 70), (ริโอ เฟอร์ดินานด์ 4-0 นาที 85), (คริสเตียโน โรนัลโด 5-0 นาที 88), (คาร์ลอส เตเบซ 6-0 นาที 90)
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันเสาร์ที่ 12 มกราคม 2551
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 6 – 0 นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
เกมพรีเมียร์ชิปคู่ดึกของวันเสาร์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านโอลด์ แทรฟฟอร์ด รับการมาเยือนของ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เกมนี้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ส่ง จอห์น โอเช ลงมายืนแบ็กขวาโดยมี คริสเตียโน โรนัลโด กับ ไรอัน กิกส์ ลาเลื้อยริมเส้นขวา-ซ้าย ส่วน เวย์น รูนีย์ ก็ได้โอกาสจับคู่กับ คาร์ลอส เตเบซ ในแดนหน้าอีกครั้ง
ด้าน ไนเจล เพียร์สัน ที่มาขัดตาทัพแทน แซม อัลลาไดซ์ ซึ่งเพิ่งถูกปลดวางแผนแบบรัดกุมด้วยการอัดแผงกลางลงสนาม 5 คนโดยหุบ ชาร์ลส เอ็นซ็อกเบีย เข้ามาเล่นด้านในแล้วให้ เดเมียน ดัฟฟ์ ทำเกมริมเส้นด้านซ้าย ในขณะที่ด้านขวาเป็นหน้าที่ของ เจมส์ มิลเนอร์ โดยให้ อลัน สมิธ กับ นิกกี บัตต์ คอยตัดเกม พร้อมทิ้ง ไมเคิล โอเวน ไว้ข้างหน้าคนเดียว
เปิดฉากมาได้เพียง 2 นาทีเศษ พลพรรคปีศาจแดงเกือบได้เฮแต่เนิ่นๆ เมื่อสามารถตัดบอลได้แถวกลางสนาม ไมเคิล คาร์ริก ไหลทะลุช่องให้ เวย์น รูนีย์ หลุดแผงหลังทีมเยือนเข้าไปดวลกับ เชย์ กิฟเวน ตัวต่อตัว แต่จังหวะยิงกลับส่งลูกเหินข้ามคานออกไป ก่อนที่หัวหอกร่างอวบจะได้ซัดอีกครั้ง ทว่าไปตรงตัว กิฟเว่น
สาลิกาดงได้โอกาสครั้งแรกจากความผิดพลาดในแนวรับของทีมเยือนที่ปล่อยบอลตกในเขตโทษ แต่ลูกยิงของ เจมส์ มิลเนอร์ ถูก จอห์น โอเช เข้ามาบล็อก จากนั้น รูนีย์ ก็ได้โอกาสสับไก 2 ครั้งซ้อนในนาทีที่ 13 และ 15 แต่ลูกยิงไกลหนแรกถูก กิฟเวน ล้มตัวปัดไว้ได้ที่เสาแรก ก่อนจะมาได้วอลเลย์ลูกเปิดของ คาร์ริก แบบไม่จับในเขตโทษ แต่ก็ยังไม่ผ่านมือของ กิฟเว่น อีกเช่นเคย
ปีศาจแดงยังเป็นฝ่ายบุกกดดันอย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 26 ปาทริซ เอฟรา โยนจากกราบซ้ายเข้ามาหน้าประตู กิฟเวน ออกมาชกบอลไม่ดีไปเข้าทาง จอห์น โอเช โหม่งสวนกลับเข้าไป แต่ถูก เคลาดิโอ คาซาปา ล้มตัวสกัดก่อนข้ามเส้นได้อย่างหวุดหวิด จากนั้น โอเช ก็ได้ขึ้นโขกลูกเตะมุมเฉี่ยวเสา แต่ผู้ตัดสิน ร็อบ สไตล์ส เป่าฟาวล์ เนื่องจากไปกดหลัง สตีเวน เทย์เลอร์
นาทีถัดมา คาร์ริก ชะล่าใจถูก โอเวน ฉกบอลไปได้ก่อนที่ เดเมียน ดัฟฟ์ จะเข้ามรับช่วงต่อแล้วลองซัดด้วยขวา บอลลอยโด่งออกหลังไปทางสามเหลี่ยมเสาสองแบบมีลุ้น จากนั้น โรนัลโด้ ลากบอลเข้าไปถูก เทย์เลอร์ ดักล้มลงในเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินไม่เป่าให้เป็นจุดโทษเช่นเดียวกับจังหวะที่ กิ๊กส์ ถูก อลัน สมิธ เข้ามาเบียดล้มลง
แมนฯ ยูไนเต็ด ยังบุกเข้าใส่เป็นชุดๆ นาทีที่ 36 รูนีย์ แตะลอดขา คาซาปา แล้วชิปจากนอกกรอบส่งบอลหลุดออกไปทางเสาไกล ก่อนที่ รูนีย์ จะได้หลุดเข้าไปตักบอลแบบกึ่งยิงกึ่งผ่านเลยหน้าประตูออกไป จากนั้นนาทีที่ 42 โรนัลโด้ กระชากเข้าขวาก่อนซัดไกลด้วยลูกเรียด แต่ กิฟเวน ยังล้มตัวปัดได้อย่างเหนียวหนึบ กิ๊กส์ พยายามเข้าซ้ำแต่ก็ถูก สตีเฟ่น คาร์ พุ่งเข้ามาบล็อกออกหลัง ก่อนที่ โรนัลโด้ จะโขกลูกเตะมุมเฉียดเสาแรกเพียงนิดเดียว หมดครึ่งแรกทั้งคู่จึงเสมอกันอยู่ที่ 0-0
เข้าสู่ครึ่งหลังได้เพียง 20 วินาที เจ้าถิ่นก็เกือบได้ประตู 2 ครั้งซ้อนๆ จากการยิงของ เตเวซ และ รูนีย์ แต่ก็ถูก เทย์เลอร์ สกัดคาบเส้นได้ทั้ง 2 ครั้ง กระนั้น นาทีที่ 48 ปีศาจแดงก็มาได้ลูกฟรีคิกระยะหวังผล และเป็น โรนัลโด้ จัดการยิงเรียดลอดกำแพงผ่านมือ กิฟเว่น เข้าไปเป็นประตูขึ้นนำ 1-0
เท่านั้นไม่พอ อีก 7 นาทีให้หลังสกอร์บอร์ดก็ขยับเป็น 2-0 จากจังหวะที่ โฮเซ เอ็นริเก คืนหลังให้ กิฟเวน แรงจนนายทวารไอริชเตะออกมาไม่ดีไปติด คาซาปา บอลไปเข้าเท้า กิกส์ ที่ดักรอในเขตโทษหักกลับมาหน้าประตูให้ เตเวซ แปเข้าสู่ก้นตาข่ายโล่งๆ
นิวคาสเซิล เกือบได้ประตูตีไข่แตกในนาทีที่ 58 จากการลากตัดเข้ามายิงด้วยซ้ายของ เอ็นซ็อกเบีย แถวมุมเขตโทษด้านขวา บอลโค้งเข้าหาเสาสองแต่ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ยังลอยตัวปัดเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม โอเวน พยายามตามเข้ามาซ้ำ แต่โดนไม่เต็มเท้าจึงไปติดตัว ฟาน เดอร์ ซาร์ อีกครั้งก่อนถูกเคลียร์ทิ้งออกมา
ถึงนาทีที่ 70 แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ทิ้งห่างไปเป็น 3-0 จากการต่อบอลจังหวะตั้งแต่กลางสนามก่อนที่ เตเวซ จะจ่ายให้ โรนัลโด เกี่ยวบอลได้ในเขตโทษแล้วซัดหนีมือ กิฟเวน เข้าไปทางเสาสอง ก่อนที่ในช่วง 10 นาทีสุดท้ายเจ้าถิ่นยังคงได้ลุ้นเป็นระลอกๆ เริ่มจาก แดนนี ซิมป์สัน แบ็กสำรองที่ลงมาแทน เอฟรา แต่ กิฟเวน ออกมาขวางได้ไว จากนั้น รูนีย์ ได้ซัดไปติด กิฟเวน ที่ใช้เท้าเซฟ ก่อนมาจบที่ คาร์ริก ซึ่งส่องจากเส้นเขตโทษ ทว่าไปติด เอ็นริเก ที่ยืนขวางบนเส้น ประตู
อย่างไรก็ตาม ปีศาจแดงก็มาได้ประตู 4-0 ในนาทีที่ 85 โดย รูนีย์ ชิปบอลด้วยน้ำหนักเหมาะเจาะให้ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่เติมขึ้นมาแปแบบไม่จับเข้าเสาแรกอย่างสวยงาม ก่อนที่ โรนัลโด กับ เตเบซ จะมายิงย้ำชัยอย่างเด็ดขาดในนาทีที่ 88 และ 90 นอกจากนั้น อลัน สมิธ ยังมาถูกไล่ออกจากการไปต่อว่า ร็อบ สไตล์ส จบเกม แมนฯ ยูไนเต็ด ไล่ถลุง นิวคาสเซิล หมดสภาพ 6-0 เก็บเพิ่มเป็น 51 คะแนน ทว่าแซง อาร์เซนอล ขึ้นไปเป็นจ่าฝูงด้วยผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่า
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, จอห์น โอเช, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานยา วิดิช, ปาทริซ เอฟรา, คริสเตียโน โรนัลโด, ไมเคิล คาร์ริก, อันแดร์สัน, ไรอัน กิกส์, คาร์ลอส เตเวซ, เวย์น รูนีย์
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด – เชย์ กิฟเวน, สตีเฟ่น คาร์, สตีเวน เทย์เลอร์, เคลาดิโอ คาซาปา, โฮเซ เอ็นริเก, เจมส์ มิลเนอร์, อลัน สมิธ, นิกกี บัตต์, ชาร์ลส เอ็นซ็อกเบีย, เดเมียน ดัฟฟ์, ไมเคิล โอเวน
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
อาร์เซนอล เสมอ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ 1-1 (เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ 1-0 จุดโทษ นาที 24), (แกรี โอคอนเนอร์ 1-1 นาที 48)
แอสตัน วิลลา ชนะ เรดดิง 3-1 (ยอห์น คาริว 1-0 นาที 22), (มาร์ติน เลาร์เซน 2-0 นาที 55), (ยอห์น คาริว 3-0 นาที 88), (เจมส์ ฮาร์เปอร์ 3-1 นาที 90)
เชลซี ชนะ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 2-0 (จูเลียโน่ เบลเล็ตติ 1-0 นาที 19), (ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ 2-0 นาที 85)
ดาร์บี เคาน์ตี แพ้ วีแกน แอธเลติก 0-1 (อองตวน ซิเบียร์สกี้ 0-1 นาที 82)
เอฟเวอร์ตัน ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 (โจลีออน เลสค็อตต์ 1-0 นาที 31)
มิดเดิลสโบรช์ เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1 (จอร์จ บัวเต็ง 1-0 นาที 26), (เฟอร์นานโด ตอร์เรส 1-1 นาที 71)
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ชนะ ฟูแลม 2-1 (ไซมอน เดวีส์ 0-1 นาที 8), (ดีน แอชตัน 1-1 นาที 28), (แอนทอน เฟอร์ดินานด์ 2-1 นาที 69)
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 6-0 (คริสเตียโน โรนัลโด 1-0 นาที 48), (คาร์ลอส เตเบซ 2-0 นาที 55), (คริสเตียโน โรนัลโด 3-0 นาที 70), (ริโอ เฟอร์ดินานด์ 4-0 นาที 85), (คริสเตียโน โรนัลโด 5-0 นาที 88), (คาร์ลอส เตเบซ 6-0 นาที 90)