เดวิด เบ็คแฮม ลงสนามให้ทีมชาติอังกฤษครบ 100 นัด แต่ “สิงโตคำราม” ดันบุกพ่าย “ตราไก่” ฝรั่งเศส 0-1 โดยเจ้าถิ่นได้ประตูชัยจากจุดโทษของ ฟรองค์ ริเบรี ด้าน “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี ฟอร์มหรูไล่จิกเอาชนะ สวิตเซอร์แลนด์ เจ้าภาพร่วมฟุตบอลยูโร 2008 กระเจิง 4-0
ฟุตบอลทีมชาตินัดกระชับมิตร
ฝรั่งเศส 1-0 อังกฤษ
ฟาบิโอ คาเปลโล นำพลพรรค “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ บินมาอุ่นเครื่องกับ ฝรั่งเศส ที่สตาด เดอ ฟรองซ์ ในกรุงปารีส และกุนซือชาวอิตาเลียนทำฝันของ เดวิด เบ็คแฮม ให้เป็นจริง เมื่อให้โอกาสมิดฟิลด์จอมวางบอลลงเป็นตัวจริงฉลองการช่วยชาติครบ 100 นัดพอดี นอกจากนี้ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ยังได้ทำหน้าที่กัปตันทีมชาติเป็นครั้งแรกในอาชีพ ด้าน เรย์มงด์ โดเมอเน็ค ผู้จัดการทีม “ตราไก่” ให้โอกาส ดาวิด เทรเซเกต์ คืนทัพและก็ลงเล่นเพื่อพิสูจน์ตัวเอง โดยมี นิโกลาส์ อเนลกา เป็นคู่หูในแดนหน้าและก็มี ฟรองค์ ริเบรี คอยปั้นเกมให้
ก่อนเกมการแข่งขันจะเริ่มขึ้นทุกคนในสนามต่างยืนไว้อาลัย 1 นาทีให้แก่การจากไปอย่างไม่มีวันกลับของ “เธียรี จิลาร์ดี” นักข่าวกีฬาสายฟุตบอลชื่อดังแดนน้ำหอมที่เสียชีวิตลงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาจากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน เริ่มเกมอังกฤษพยายามตั้งเกมสู้กับเจ้าถิ่นแต่เกือบโดนดีไปก่อนเมื่อ ฟรองค์ ริเบรี หยอดลูกฟรีคิกให้ นิโกลาส์ อเนลกา สอดหัวเข้ามาโขกบอลหลุดเสาออกไปแบบมีเสียว ยังเป็นฝรั่งเศสที่ทำได้ดีกว่าในช่วง 10 นาทีแรก ฟลอรองต์ มาลูดา แทงทะลเข้าเขตโทษให้ อเนลกา หมุนตัวยิงแต่บอลเบาเกินไปไม่เป็นปัญหาสำหรับ เดวิด เจมส์
ปล่อยให้เจ้าบ้านบุกอยู่นานสองนานผ่านครึ่งทางของครึ่งแรก “สิงโตคำราม” มีโอกาสบ้าง เวส บราวน์ เติมเกมขึ้นมาทางขวาก่อนเปิดบอลเลยไปเสาสองให้ สตีเวน เจอร์ราร์ด โหนโหม่งบอลข้ามคานออกไป ทีมเยือนมีโอกาสอีกครั้ง ริโอ เฟอร์ดินานด์ เติมขึ้นมาเล่นลูกเตะมุมและก็โหม่งต่อหลุดไปถึง “สตีวี่ จี” พุ่งโขกแต่บอลก็ยังไม่ตรงกรอบ แต่ถึงนาทีที่ 32 ฝรั่งเศส ก็มาได้ลูกที่จุดโทษขึ้นนำ 1-0 เมื่อ อเนลกา ได้บอลหลุดเข้าไปก่อนโดน เจมส์ รวบล้มลงและก็เป็น ริเบรี รับหน้าที่ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย ซึ่ง ริเบรี มีการฉลองด้วยการอุทิศประตูดังกล่าวให้ “จิลาร์ดี” แต่การถอดเสื้อโชว์ข้อความเสื้อตัวในทำให้ดาวเตะ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค โดนใบเหลืองไปตามกฎ
พอโดนนำไป อังกฤษ เดินเกมรุกเพื่อทวงประตูคืนทันที เจอร์ราร์ด มีโอกาสส่องไกลด้วยขวาข้างถนัดแต่ลูกหนังพุ่งไปกระแทกหลัง วิลเลียม กัลลาส เล่นเอาปราการหลังเจ้าถิ่นจุกไปเหมือนกัน ฝรั่งเศส มีโอกาสสวนกลับไปบ้าง มาลูดา อาศัยความผิดพลาดที่สกัดบอลไม่ขาดของ บราวน์ หลุดเข้าไปยิงแต่ เจมส์ แก้ตัวเซฟเอาไว้ได้ ท้ายครึ่งแรก แกเร็ธ แบร์รี เปิดบอลให้ เวย์น รูนีย์ โขกบอลลงพื้นกระดอนเข้าซอง เกรกอรี กูเปต์ จบ 45 นาทีแรก “สิงโตคำราม” ยังตกเป็นรอง “ตราไก่”
ลงมาลุยต่อในครึ่งหลัง ฟาบิโอ คาเปลโล ขยับเปลี่ยนตัวถึง 4 คนส่ง ปีเตอร์ เคราช์, ไมเคิล โอเวน, สจวร์ต ดาวนิง และโจลีน เลสคอตต์ ลงสนามไปแทน รูนีย์, โจ โคล, เจอร์ราร์ด, จอห์น เทอร์รี พร้อมกับปรับแท็คติกมาเล่นหน้าคู่ แต่เป็นเจ้าบ้านที่เกือบทิ้งห่าง อเนลกา ได้อัดเต็มข้อในกรอบโทษบอลพุ่งผ่านมือ เจมส์ แต่ก็โด่งข้ามคานไปแบบหวุดหวิด นาทีที่ 51 แฟนๆ ฝรั่งเศสเกือบได้เฮอีกครั้งถ้าลูกยิงด้วยซ้ายของ มาลูดา ไม่เบียดเสาออกไป
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป อังกฤษ เริ่มหันเข้ามาบอมบ์จากด้านข้างใส่เกมรับฝรั่งเศส โคล เติมขึ้นมาทางด้านซ้ายแต่ลูกเปิดไม่โด่งพอ เคราช์ จึงไม่ได้โอกาสใช้รูปร่างที่สูงโย่งให้เป็นประโยชน์ คาเปลโล ปรับอีกครั้งถอดเอา เบ็คแฮม และบราวน์ ออกพร้อมกับส่ง เดวิด เบนท์ลีย์ และเกล็น จอห์นสัน ลงไปโชว์ฟอร์มบ้าง ด้าน เรย์มงด์ โดเมอเน็ค ขยับเช่นกันส่ง ซิดนีย์ โกวู มาเติมสีสันเกมรุกแทน ดาวิด เทรเซเกต์ ที่ไม่ค่อยมีบทบาทมากนัก
เกมของทั้งสองทีมเริ่มจะเนือยลงไปอย่างเห็นได้ชัดทำเอาแฟนๆ ในสนามต้องเป่าปากกระตุ้น บ้างก็เล่นเวฟเป็นการแก้เซ็ง ช่วง 15 นาทีสุดท้าย เฌเรมี ตูลาล็อง ดันเกมขึ้นไปข้างหน้าก่อนตบคืนหลังให้ ริเบรี ลองส่องไกลแต่ก็ไม่ได้ผล ท้ายเกม “ตราไก่” ปล่อย ฌิบริล ซิสเซ ลงมาวาดลวยลายแทน อเนลกา และเจ้าฉิบก็เกือบเล่นงานทีมเยือนด้วยการสลัดการประกบของ โคล เข้าไปยิงบอลเข้าตาข่ายด้านข้าง อย่างไรก็ตาม ครบ 90 นาที ฝรั่งเศส เปิดบ้านอุ่นเครื่องเอาชนะ อังกฤษ ไปได้หวุดหวิด 1-0 เป็นการเรียกความมั่นใจก่อนลุยยูโร 2008 รอบสุดท้ายที่สวิตเซอร์แลนด์และออสเตรีย ช่วงกลางปี ส่วน คาเปลโล ทำทีม “สิงโตคำราม” พ่ายเป็นนัดแรก
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
ฝรั่งเศส : เกรกอรี กูเปต์ , ฟรองซัวส์ แกลร์ก , ลิลิยอง ตูราม , วิลเลียม กัลลาส , เอริค อบิดัล , ฟรองค์ ริเบรี , โคลด มาเกเลเล , เฌเรมี ตูลาล็อง , ฟลอรองต์ มาลูดา , นิโกลาส์ อเนลกา , ดาวิด เทรเซเกต์
อังกฤษ : เดวิด เจมส์ , เวส บราวน์ , จอห์น เทอร์รี , ริโอ เฟอร์ดินานด์ , แอชลีย์ โคล , โอเวน ฮาร์กรีฟส์ , สตีเวน เจอร์ราร์ด , เดวิด เบ็คแฮม , แกเร็ธ แบร์รี , โจ โคล , เวย์น รูนีย์
ผลฟุตบอลอุ่นเครื่องทีมชาติ ประจำคืนวันพุธ มีดังนี้
บัลแกเรีย ชนะ ฟินแลนด์ 2-1
เอสโตเนีย ชนะ แคนาดา 2-0
แอลจีเรีย เสมอ คองโก 1-1
ฮังการี แพ้ สโลวีเนีย 0-1
ลิทัวเนีย ชนะ อาเซอร์ไบจาน 1-0
แอฟริกาใต้ ชนะ ปารากวัย 3-0
ยูเครน ชนะ เซอร์เบีย 2-0
อิสราเอล ชนะ ชิลี 1-0
อาร์เมเนีย ชนะ คาซัคสถาน 1-0
เบลารุส เสมอ ตุรกี 2-2
อียิปต์ แพ้ อาร์เจนตินา 0-2
ไอวอรี โคสต์ แพ้ ตูนิเซีย 0-2
มอลตา ชนะ ลิกเทนสไตน์ 7-1
มอนเตเนโกร ชนะ นอร์เวย์ 3-1
โรมาเนีย ชนะ รัสเซีย 3-0
บอสเนีย เฮอร์เซโกวีนา เสมอ มาซิโดเนีย 2-2
เดนมาร์ก เสมอ สาธารณรัฐเช็ก 1-1
ลักเซมเบิร์ก แพ้ เวลส์ 0-2
สโลวาเกีย แพ้ ไอซ์แลนด์ 1-2
ออสเตรีย แพ้ ฮอลแลนด์ 3-4
โปแลนด์ แพ้ สหรัฐอเมริกา 0-3
โปรตุเกส แพ้ กรีซ 1-2
เบลเยียม แพ้ โมรอคโค 1-4
บราซิล ชนะ สวีเดน 1-0
ไอร์แลนด์เหนือ ชนะ จอร์เจีย 4-1
สวิตเซอร์แลนด์ แพ้ เยอรมนี 0-4
ฝรั่งเศส ชนะ อังกฤษ 1-0
เม็กซิโก ชนะ กานา 2-1
สกอตแลนด์ เสมอ โครเอเชีย 1-1
สเปน ชนะ อิตาลี 1-0
ฟุตบอลทีมชาตินัดกระชับมิตร
ฝรั่งเศส 1-0 อังกฤษ
ฟาบิโอ คาเปลโล นำพลพรรค “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ บินมาอุ่นเครื่องกับ ฝรั่งเศส ที่สตาด เดอ ฟรองซ์ ในกรุงปารีส และกุนซือชาวอิตาเลียนทำฝันของ เดวิด เบ็คแฮม ให้เป็นจริง เมื่อให้โอกาสมิดฟิลด์จอมวางบอลลงเป็นตัวจริงฉลองการช่วยชาติครบ 100 นัดพอดี นอกจากนี้ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ยังได้ทำหน้าที่กัปตันทีมชาติเป็นครั้งแรกในอาชีพ ด้าน เรย์มงด์ โดเมอเน็ค ผู้จัดการทีม “ตราไก่” ให้โอกาส ดาวิด เทรเซเกต์ คืนทัพและก็ลงเล่นเพื่อพิสูจน์ตัวเอง โดยมี นิโกลาส์ อเนลกา เป็นคู่หูในแดนหน้าและก็มี ฟรองค์ ริเบรี คอยปั้นเกมให้
ก่อนเกมการแข่งขันจะเริ่มขึ้นทุกคนในสนามต่างยืนไว้อาลัย 1 นาทีให้แก่การจากไปอย่างไม่มีวันกลับของ “เธียรี จิลาร์ดี” นักข่าวกีฬาสายฟุตบอลชื่อดังแดนน้ำหอมที่เสียชีวิตลงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาจากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน เริ่มเกมอังกฤษพยายามตั้งเกมสู้กับเจ้าถิ่นแต่เกือบโดนดีไปก่อนเมื่อ ฟรองค์ ริเบรี หยอดลูกฟรีคิกให้ นิโกลาส์ อเนลกา สอดหัวเข้ามาโขกบอลหลุดเสาออกไปแบบมีเสียว ยังเป็นฝรั่งเศสที่ทำได้ดีกว่าในช่วง 10 นาทีแรก ฟลอรองต์ มาลูดา แทงทะลเข้าเขตโทษให้ อเนลกา หมุนตัวยิงแต่บอลเบาเกินไปไม่เป็นปัญหาสำหรับ เดวิด เจมส์
ปล่อยให้เจ้าบ้านบุกอยู่นานสองนานผ่านครึ่งทางของครึ่งแรก “สิงโตคำราม” มีโอกาสบ้าง เวส บราวน์ เติมเกมขึ้นมาทางขวาก่อนเปิดบอลเลยไปเสาสองให้ สตีเวน เจอร์ราร์ด โหนโหม่งบอลข้ามคานออกไป ทีมเยือนมีโอกาสอีกครั้ง ริโอ เฟอร์ดินานด์ เติมขึ้นมาเล่นลูกเตะมุมและก็โหม่งต่อหลุดไปถึง “สตีวี่ จี” พุ่งโขกแต่บอลก็ยังไม่ตรงกรอบ แต่ถึงนาทีที่ 32 ฝรั่งเศส ก็มาได้ลูกที่จุดโทษขึ้นนำ 1-0 เมื่อ อเนลกา ได้บอลหลุดเข้าไปก่อนโดน เจมส์ รวบล้มลงและก็เป็น ริเบรี รับหน้าที่ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย ซึ่ง ริเบรี มีการฉลองด้วยการอุทิศประตูดังกล่าวให้ “จิลาร์ดี” แต่การถอดเสื้อโชว์ข้อความเสื้อตัวในทำให้ดาวเตะ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค โดนใบเหลืองไปตามกฎ
พอโดนนำไป อังกฤษ เดินเกมรุกเพื่อทวงประตูคืนทันที เจอร์ราร์ด มีโอกาสส่องไกลด้วยขวาข้างถนัดแต่ลูกหนังพุ่งไปกระแทกหลัง วิลเลียม กัลลาส เล่นเอาปราการหลังเจ้าถิ่นจุกไปเหมือนกัน ฝรั่งเศส มีโอกาสสวนกลับไปบ้าง มาลูดา อาศัยความผิดพลาดที่สกัดบอลไม่ขาดของ บราวน์ หลุดเข้าไปยิงแต่ เจมส์ แก้ตัวเซฟเอาไว้ได้ ท้ายครึ่งแรก แกเร็ธ แบร์รี เปิดบอลให้ เวย์น รูนีย์ โขกบอลลงพื้นกระดอนเข้าซอง เกรกอรี กูเปต์ จบ 45 นาทีแรก “สิงโตคำราม” ยังตกเป็นรอง “ตราไก่”
ลงมาลุยต่อในครึ่งหลัง ฟาบิโอ คาเปลโล ขยับเปลี่ยนตัวถึง 4 คนส่ง ปีเตอร์ เคราช์, ไมเคิล โอเวน, สจวร์ต ดาวนิง และโจลีน เลสคอตต์ ลงสนามไปแทน รูนีย์, โจ โคล, เจอร์ราร์ด, จอห์น เทอร์รี พร้อมกับปรับแท็คติกมาเล่นหน้าคู่ แต่เป็นเจ้าบ้านที่เกือบทิ้งห่าง อเนลกา ได้อัดเต็มข้อในกรอบโทษบอลพุ่งผ่านมือ เจมส์ แต่ก็โด่งข้ามคานไปแบบหวุดหวิด นาทีที่ 51 แฟนๆ ฝรั่งเศสเกือบได้เฮอีกครั้งถ้าลูกยิงด้วยซ้ายของ มาลูดา ไม่เบียดเสาออกไป
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป อังกฤษ เริ่มหันเข้ามาบอมบ์จากด้านข้างใส่เกมรับฝรั่งเศส โคล เติมขึ้นมาทางด้านซ้ายแต่ลูกเปิดไม่โด่งพอ เคราช์ จึงไม่ได้โอกาสใช้รูปร่างที่สูงโย่งให้เป็นประโยชน์ คาเปลโล ปรับอีกครั้งถอดเอา เบ็คแฮม และบราวน์ ออกพร้อมกับส่ง เดวิด เบนท์ลีย์ และเกล็น จอห์นสัน ลงไปโชว์ฟอร์มบ้าง ด้าน เรย์มงด์ โดเมอเน็ค ขยับเช่นกันส่ง ซิดนีย์ โกวู มาเติมสีสันเกมรุกแทน ดาวิด เทรเซเกต์ ที่ไม่ค่อยมีบทบาทมากนัก
เกมของทั้งสองทีมเริ่มจะเนือยลงไปอย่างเห็นได้ชัดทำเอาแฟนๆ ในสนามต้องเป่าปากกระตุ้น บ้างก็เล่นเวฟเป็นการแก้เซ็ง ช่วง 15 นาทีสุดท้าย เฌเรมี ตูลาล็อง ดันเกมขึ้นไปข้างหน้าก่อนตบคืนหลังให้ ริเบรี ลองส่องไกลแต่ก็ไม่ได้ผล ท้ายเกม “ตราไก่” ปล่อย ฌิบริล ซิสเซ ลงมาวาดลวยลายแทน อเนลกา และเจ้าฉิบก็เกือบเล่นงานทีมเยือนด้วยการสลัดการประกบของ โคล เข้าไปยิงบอลเข้าตาข่ายด้านข้าง อย่างไรก็ตาม ครบ 90 นาที ฝรั่งเศส เปิดบ้านอุ่นเครื่องเอาชนะ อังกฤษ ไปได้หวุดหวิด 1-0 เป็นการเรียกความมั่นใจก่อนลุยยูโร 2008 รอบสุดท้ายที่สวิตเซอร์แลนด์และออสเตรีย ช่วงกลางปี ส่วน คาเปลโล ทำทีม “สิงโตคำราม” พ่ายเป็นนัดแรก
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
ฝรั่งเศส : เกรกอรี กูเปต์ , ฟรองซัวส์ แกลร์ก , ลิลิยอง ตูราม , วิลเลียม กัลลาส , เอริค อบิดัล , ฟรองค์ ริเบรี , โคลด มาเกเลเล , เฌเรมี ตูลาล็อง , ฟลอรองต์ มาลูดา , นิโกลาส์ อเนลกา , ดาวิด เทรเซเกต์
อังกฤษ : เดวิด เจมส์ , เวส บราวน์ , จอห์น เทอร์รี , ริโอ เฟอร์ดินานด์ , แอชลีย์ โคล , โอเวน ฮาร์กรีฟส์ , สตีเวน เจอร์ราร์ด , เดวิด เบ็คแฮม , แกเร็ธ แบร์รี , โจ โคล , เวย์น รูนีย์
ผลฟุตบอลอุ่นเครื่องทีมชาติ ประจำคืนวันพุธ มีดังนี้
บัลแกเรีย ชนะ ฟินแลนด์ 2-1
เอสโตเนีย ชนะ แคนาดา 2-0
แอลจีเรีย เสมอ คองโก 1-1
ฮังการี แพ้ สโลวีเนีย 0-1
ลิทัวเนีย ชนะ อาเซอร์ไบจาน 1-0
แอฟริกาใต้ ชนะ ปารากวัย 3-0
ยูเครน ชนะ เซอร์เบีย 2-0
อิสราเอล ชนะ ชิลี 1-0
อาร์เมเนีย ชนะ คาซัคสถาน 1-0
เบลารุส เสมอ ตุรกี 2-2
อียิปต์ แพ้ อาร์เจนตินา 0-2
ไอวอรี โคสต์ แพ้ ตูนิเซีย 0-2
มอลตา ชนะ ลิกเทนสไตน์ 7-1
มอนเตเนโกร ชนะ นอร์เวย์ 3-1
โรมาเนีย ชนะ รัสเซีย 3-0
บอสเนีย เฮอร์เซโกวีนา เสมอ มาซิโดเนีย 2-2
เดนมาร์ก เสมอ สาธารณรัฐเช็ก 1-1
ลักเซมเบิร์ก แพ้ เวลส์ 0-2
สโลวาเกีย แพ้ ไอซ์แลนด์ 1-2
ออสเตรีย แพ้ ฮอลแลนด์ 3-4
โปแลนด์ แพ้ สหรัฐอเมริกา 0-3
โปรตุเกส แพ้ กรีซ 1-2
เบลเยียม แพ้ โมรอคโค 1-4
บราซิล ชนะ สวีเดน 1-0
ไอร์แลนด์เหนือ ชนะ จอร์เจีย 4-1
สวิตเซอร์แลนด์ แพ้ เยอรมนี 0-4
ฝรั่งเศส ชนะ อังกฤษ 1-0
เม็กซิโก ชนะ กานา 2-1
สกอตแลนด์ เสมอ โครเอเชีย 1-1
สเปน ชนะ อิตาลี 1-0
