“สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ เปิดสนามเวมบลีย์อุ่นเครื่องตะปบ “พญาอินทรี” สหรัฐอเมริกา 2-0 โดยได้ประตูจาก จอห์น เทอร์รี กัปตันทีมและสตีเวน เจอร์ราร์ด ในเกมการแข่งขันเมื่อคืนวันพุธ
ฟุตบอลกระชับมิตรทีมชาติ
อังกฤษ 2-0 สหรัฐอเมริกา
ฟาบิโอ คาเปลโล เรียกนักเตะมาติดทีมชาติอังกฤษถึง 30 รายในการอุ่นเกือกกับ สหรัฐอเมริกา ในคืนนี้รวมถึงแมตช์เจอกับ ตรินิแดด แอนด์ โตเบโก สุดสัปดาห์นี้ด้วย โดยเกมที่เวมบลีย์เมื่อคืนวันพุธ กุนซือชาวอิตาเลียนสลับมอบปลอกแขนกัปตันทีมให้แก่ จอห์น เทอร์รี และก็จัดทัพใหญ่ลงสนามนำโดย เดวิด เบ็คแฮม, สตีเวน เจอร์ราร์ด, แฟรงค์ แลมพาร์ด และเวย์น รูนีย์ ด้าน บ็อบ แบรดลีย์ ผู้จัดการทีม “พญาอินทรี” ให้ผู้เล่นที่ค้าแข้งในพรีเมียร์ชิปอย่าง ทิม ฮาวเวิร์ด, คาร์ลอส โบคาเนกรา, คลินท์ เดมซีย์ รวมถึง เอ็ดดี จอห์นสัน ค้ำทีมเป็น 11 คนแรก
ซึ่งก่อนเกมการแข่งขันจะเริ่มขึ้น เซอร์ บ็อบบี ชาร์ลตัน ตำนานแข้งทีมชาติอังกฤษมอบของที่ระลึกเป็น “หมวกทองคำ” ให้แก่ เดวิด เบ็คแฮม เพื่อเป็นการฉลองที่ติดทีมชาติมาถึงนัดที่ 101 และก็เริ่มเกม อังกฤษ ไม่ผลีผลามลุยใส่ สหรัฐอเมริกา มากนักและนาทีที่ 11แฟนๆ ต้องเฮเก้อเมื่อ “เบ็คส์” เปิดฟรีคิกไปเสาไกลให้ สตีเวน เจอร์ราร์ด ทิ่มบอลเข้าไปแต่ คีรอส วาสซาราส ผู้ตัดสินชาวกรีซให้กลับมาเตะใหม่เนื่องจากมีความวุ่นวายในแผงกำแพงมนุษย์ ผ่านครึ่งทางของครึ่งแรก “สิงโตคำราม” ยังทำเกมบุกไม่ได้มากนักต้องอาศัยจากฟรีคิก เบ็คแฮม เปิดย้อนมาให้ เจอร์ราร์ด อัดด้วยขวาในกรอบโทษบอลพุ่งไปโดนศีรษะ คลินท์ เดมซีย์ ที่ลงไปช่วยเกมรับโขกสกัดออกมา
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปโอกาสเข้าทำแบบจะจะของทั้งสองฝ่ายยังไม่มีให้เห็น สหรัฐฯ อาศัยเกมรับต้านทานเพื่อหาจังหวะสวนขึ้นไป เดมซีย์ กองกลาง “เจ้าสัวน้อย” ฟูแลม ลองยิงไกลดูแต่ก็ไม่เป็นผล นาทีที่ 34 อังกฤษพลาดโอกาสขึ้นนำจากการประสานงานอย่างยอดเยี่ยม เวย์น รูนีย์ ตวัดชิ่งให้ “สตีวี่ จี” หลุดไปเปิดเข้ากลางให้ เจอร์เมน เดโฟ วิ่งมาชาร์จแต่บอลหลุดเสาแรกไปอย่างน่าเสียดาย ทว่าอีกสี่นาทีให้หลัง “สิงโตคำราม” ตะปบนำ 1-0 จนได้เมื่อ เบ็คแฮม ปั่นฟรีคิกให้ จอห์น เทอร์รี สอดขึ้นมาโขกบอลลงพื้นผ่านมือ ทิม ฮาวเวิร์ด เข้าตุงตาข่ายให้ทีมได้เปรียบเมื่อจบครึ่งแรก
ลงมาเล่นในครึ่งหลังทั้งสองทีมเริ่มสลับเปลี่ยนตัว โดยเจ้าบ้านส่ง เดวิด เบนท์ลีย์ มาขึ้นเกมทางกราบขวาแทน เบ็คแฮม ขณะที่ผู้มาเยือนก็หยอด แฟรงกี เฮย์ดุค ตัวเก๋ามาช่วยทีมแทน สตีฟ เชรุนโดโล เช่นเดียวกับให้ แบรด คูซาน ลงมาเฝ้าเสาแทน “ที-โฮ” แต่ สหรัฐฯ เกือบตามตีเสมอได้ตั้งแต่นาทีแรก ฮีธ ไพรซ์ เติมเร็วขึ้นมาทางกราบก่อนเปิดให้ เอ็ดดี จอห์นสัน วอลเลย์ด้วยซ้ายเต็มๆ ส่งลูกหนังเฉียดเสาไปแบบได้ลุ้น แต่เกมกลับมาเป็นของ อังกฤษ เดโฟ หลุดตัวประกบเข้าไปยิงด้วยขวาแต่ คูซาน โชว์ซูเปอร์เซฟรับติดหนึบ
สิบนาทีผ่านไป ฟาบิโอ คาเปลโล ให้โอกาส แกเร็ธ แบร์รี และเกล็น จอห์นสัน ลงมาเล่นแทน แฟรงค์ แลมพาร์ด กับ เวส บราวน์ และสัมผัสแรกของ แบร์รี ก็จ่ายทะลุช่องให้ เจอร์ราร์ด เข้าไปแปบอลสู่ก้นตาข่ายช่วยให้ อังกฤษ ทิ้งห่างเป็น 2-0 ในนาทีที่ 59 จากนั้นทั้งสองฝ่ายทยอยเปลี่ยนตัวผู้เล่นสำรองลงมาเล่นตามธรรมเนียมของฟุตบอลอุ่นเครื่อง โดยรูปเกมยังเป็น “สิงโตคำราม” ที่ครองบอลกันได้ดีกว่า แต่สหรัฐฯ ก็มีส่วนกลับไปเช่นกันแต่ลูกยิงไกลของ เฟร็ดดี อาดู แข้งดาวรุ่งที่เคยได้รับการจับตามองจากทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด และเชลซี ไม่ฝ่าบล็อกนักเตะเจ้าถิ่น
เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย สหรัฐฯ เดินเกมรุกหวังทวงประตูตีไข่แตก เอ็ดดี ลูอิส ปีกจอมพลิ้วของ ดาร์บี เคาน์ตี เติมเกมขึ้นมาทางขวาก่อนเปิดด้วยซ้ายไปเสาไกลกะให้เพื่อนโขกทำประตูแต่ เดวิด เจมส์ ปัดปลายมือออกหลังไปได้ นาทีสุดท้าย ปีเตอร์ เคราช์ ได้วอลเลย์แต่ไม่เป็นผล อย่างไรก็ตาม หมดเวลาการแข่งขัน อังกฤษ เปิดรังคว้าชัยไม่ยาก 2-0 และก็เป็นการพิชิตเหนือ “พญาอินทรี” หนที่ 7 จากการลงสนามพบกันมา 9 ครั้ง
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
อังกฤษ : เดวิด เจมส์ , เวส บราวน์ , ริโอ เฟอร์ดินานด์ , จอห์น เทอร์รี , แอชลีย์ โคล , โอเวน ฮาร์กรีฟส์ , เดวิด เบ็คแฮม , แฟรงค์ แลมพาร์ด , สตีเวน เจอร์ราร์ด , เวย์น รูนีย์ , เจอร์เมน เดโฟ
สหรัฐฯ : ทิม ฮาวเวิร์ด , สตีฟ เชรุนโดโล , ฮีธ เพียร์ซ , โอกูชี ออนเยวู , คาร์ลอส โบคาเนกรา , คลินท์ เดมซีย์ , ไมเคิล แบรดลีย์ , ริคาร์โด คลาร์ก , จอช โวลฟ์ , ดามาร์คัส บีสลีย์ , เอ็ดดี จอห์นสัน
ฟุตบอลกระชับมิตรทีมชาติ
อังกฤษ 2-0 สหรัฐอเมริกา
ฟาบิโอ คาเปลโล เรียกนักเตะมาติดทีมชาติอังกฤษถึง 30 รายในการอุ่นเกือกกับ สหรัฐอเมริกา ในคืนนี้รวมถึงแมตช์เจอกับ ตรินิแดด แอนด์ โตเบโก สุดสัปดาห์นี้ด้วย โดยเกมที่เวมบลีย์เมื่อคืนวันพุธ กุนซือชาวอิตาเลียนสลับมอบปลอกแขนกัปตันทีมให้แก่ จอห์น เทอร์รี และก็จัดทัพใหญ่ลงสนามนำโดย เดวิด เบ็คแฮม, สตีเวน เจอร์ราร์ด, แฟรงค์ แลมพาร์ด และเวย์น รูนีย์ ด้าน บ็อบ แบรดลีย์ ผู้จัดการทีม “พญาอินทรี” ให้ผู้เล่นที่ค้าแข้งในพรีเมียร์ชิปอย่าง ทิม ฮาวเวิร์ด, คาร์ลอส โบคาเนกรา, คลินท์ เดมซีย์ รวมถึง เอ็ดดี จอห์นสัน ค้ำทีมเป็น 11 คนแรก
ซึ่งก่อนเกมการแข่งขันจะเริ่มขึ้น เซอร์ บ็อบบี ชาร์ลตัน ตำนานแข้งทีมชาติอังกฤษมอบของที่ระลึกเป็น “หมวกทองคำ” ให้แก่ เดวิด เบ็คแฮม เพื่อเป็นการฉลองที่ติดทีมชาติมาถึงนัดที่ 101 และก็เริ่มเกม อังกฤษ ไม่ผลีผลามลุยใส่ สหรัฐอเมริกา มากนักและนาทีที่ 11แฟนๆ ต้องเฮเก้อเมื่อ “เบ็คส์” เปิดฟรีคิกไปเสาไกลให้ สตีเวน เจอร์ราร์ด ทิ่มบอลเข้าไปแต่ คีรอส วาสซาราส ผู้ตัดสินชาวกรีซให้กลับมาเตะใหม่เนื่องจากมีความวุ่นวายในแผงกำแพงมนุษย์ ผ่านครึ่งทางของครึ่งแรก “สิงโตคำราม” ยังทำเกมบุกไม่ได้มากนักต้องอาศัยจากฟรีคิก เบ็คแฮม เปิดย้อนมาให้ เจอร์ราร์ด อัดด้วยขวาในกรอบโทษบอลพุ่งไปโดนศีรษะ คลินท์ เดมซีย์ ที่ลงไปช่วยเกมรับโขกสกัดออกมา
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปโอกาสเข้าทำแบบจะจะของทั้งสองฝ่ายยังไม่มีให้เห็น สหรัฐฯ อาศัยเกมรับต้านทานเพื่อหาจังหวะสวนขึ้นไป เดมซีย์ กองกลาง “เจ้าสัวน้อย” ฟูแลม ลองยิงไกลดูแต่ก็ไม่เป็นผล นาทีที่ 34 อังกฤษพลาดโอกาสขึ้นนำจากการประสานงานอย่างยอดเยี่ยม เวย์น รูนีย์ ตวัดชิ่งให้ “สตีวี่ จี” หลุดไปเปิดเข้ากลางให้ เจอร์เมน เดโฟ วิ่งมาชาร์จแต่บอลหลุดเสาแรกไปอย่างน่าเสียดาย ทว่าอีกสี่นาทีให้หลัง “สิงโตคำราม” ตะปบนำ 1-0 จนได้เมื่อ เบ็คแฮม ปั่นฟรีคิกให้ จอห์น เทอร์รี สอดขึ้นมาโขกบอลลงพื้นผ่านมือ ทิม ฮาวเวิร์ด เข้าตุงตาข่ายให้ทีมได้เปรียบเมื่อจบครึ่งแรก
ลงมาเล่นในครึ่งหลังทั้งสองทีมเริ่มสลับเปลี่ยนตัว โดยเจ้าบ้านส่ง เดวิด เบนท์ลีย์ มาขึ้นเกมทางกราบขวาแทน เบ็คแฮม ขณะที่ผู้มาเยือนก็หยอด แฟรงกี เฮย์ดุค ตัวเก๋ามาช่วยทีมแทน สตีฟ เชรุนโดโล เช่นเดียวกับให้ แบรด คูซาน ลงมาเฝ้าเสาแทน “ที-โฮ” แต่ สหรัฐฯ เกือบตามตีเสมอได้ตั้งแต่นาทีแรก ฮีธ ไพรซ์ เติมเร็วขึ้นมาทางกราบก่อนเปิดให้ เอ็ดดี จอห์นสัน วอลเลย์ด้วยซ้ายเต็มๆ ส่งลูกหนังเฉียดเสาไปแบบได้ลุ้น แต่เกมกลับมาเป็นของ อังกฤษ เดโฟ หลุดตัวประกบเข้าไปยิงด้วยขวาแต่ คูซาน โชว์ซูเปอร์เซฟรับติดหนึบ
สิบนาทีผ่านไป ฟาบิโอ คาเปลโล ให้โอกาส แกเร็ธ แบร์รี และเกล็น จอห์นสัน ลงมาเล่นแทน แฟรงค์ แลมพาร์ด กับ เวส บราวน์ และสัมผัสแรกของ แบร์รี ก็จ่ายทะลุช่องให้ เจอร์ราร์ด เข้าไปแปบอลสู่ก้นตาข่ายช่วยให้ อังกฤษ ทิ้งห่างเป็น 2-0 ในนาทีที่ 59 จากนั้นทั้งสองฝ่ายทยอยเปลี่ยนตัวผู้เล่นสำรองลงมาเล่นตามธรรมเนียมของฟุตบอลอุ่นเครื่อง โดยรูปเกมยังเป็น “สิงโตคำราม” ที่ครองบอลกันได้ดีกว่า แต่สหรัฐฯ ก็มีส่วนกลับไปเช่นกันแต่ลูกยิงไกลของ เฟร็ดดี อาดู แข้งดาวรุ่งที่เคยได้รับการจับตามองจากทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด และเชลซี ไม่ฝ่าบล็อกนักเตะเจ้าถิ่น
เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย สหรัฐฯ เดินเกมรุกหวังทวงประตูตีไข่แตก เอ็ดดี ลูอิส ปีกจอมพลิ้วของ ดาร์บี เคาน์ตี เติมเกมขึ้นมาทางขวาก่อนเปิดด้วยซ้ายไปเสาไกลกะให้เพื่อนโขกทำประตูแต่ เดวิด เจมส์ ปัดปลายมือออกหลังไปได้ นาทีสุดท้าย ปีเตอร์ เคราช์ ได้วอลเลย์แต่ไม่เป็นผล อย่างไรก็ตาม หมดเวลาการแข่งขัน อังกฤษ เปิดรังคว้าชัยไม่ยาก 2-0 และก็เป็นการพิชิตเหนือ “พญาอินทรี” หนที่ 7 จากการลงสนามพบกันมา 9 ครั้ง
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
อังกฤษ : เดวิด เจมส์ , เวส บราวน์ , ริโอ เฟอร์ดินานด์ , จอห์น เทอร์รี , แอชลีย์ โคล , โอเวน ฮาร์กรีฟส์ , เดวิด เบ็คแฮม , แฟรงค์ แลมพาร์ด , สตีเวน เจอร์ราร์ด , เวย์น รูนีย์ , เจอร์เมน เดโฟ
สหรัฐฯ : ทิม ฮาวเวิร์ด , สตีฟ เชรุนโดโล , ฮีธ เพียร์ซ , โอกูชี ออนเยวู , คาร์ลอส โบคาเนกรา , คลินท์ เดมซีย์ , ไมเคิล แบรดลีย์ , ริคาร์โด คลาร์ก , จอช โวลฟ์ , ดามาร์คัส บีสลีย์ , เอ็ดดี จอห์นสัน
