จเด็จ มีลาภ กุนซือทีมชลบุรี เชื่อเหตุที่สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือเอเอฟซี ไม่รับรองโค้ชระดับบีไลเซนส์ ของตัวเองเป็นเพราะ “โค้ชหรั่ง” อ.ชาญวิทย์ ผลชีวิน กุนซือทีมชาติไทยลืมส่งชื่อผู้เข้าร่วมอบรม พร้อมรับ กุนซือไทยยังห่างชั้นกับระดับเอเชีย หลังได้สัมผัสมาด้วยตัวเองในเกมเอเอฟซีแชมเปี้ยนส์ลีก กับ กัมบะ โอซาก้า
กุนซือฉลามชล เชื่อเหตุเอเอฟซีไม่รับรองบีไลเซนส์จนหวิดไม่ได้คุมชลบุรีสู้ศึกแชมป์เปี้ยนลีก เพราะโค้ชหรั่งไม่ได้ส่งหลักฐานและแจ้งการเปิดอบรมไปให้สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชียทราบ ยันเซ็งแน่หากต้องอบรมบีไลเซนส์อีกครั้ง แถมรับเอเอฟซี แชมป์เปี้ยนลีก นัดสองเป็นรอง เมลเบิร์น แชมป์ลีกออสซี่อื้อ ชี้สโมสรไทยต้องเร่งยกศักยภาพหากอยากเทียบชั้นทีมระดับหน้าเอเชีย พร้อมวางเป้าซิแชมป์ไทยแลนด์ พรีเมียร์ลีก 2008 ก่อนก้าวสู่บิ๊กทีมเอเชีย
หลังจากที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่าสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี ไม่รับรองผลการอบรมบีไลเซนส์ของ “โค้ชเด็จ” จเด็จ มีลาภ กุนซือทีมชลบุรี จนเกือบจะไม่ได้คุมเกมข้างสนามในแมตช์ เอเอฟซีแชมเปี้ยนส์ลีก นัดแรก ที่ทีมฉลามชล บุไปเสมอ กัมบะ โอซาก้า ถึงแดนปลาดิบ 1-1 แต่สุดท้าย มีการอุทธรณ์เพื่อให้เอฟเอฟซีอนุญาตเป็นการชั่วคราวในที่สุด
โดย โค้ชจเด็จ ซึ่งได้รับการอบรม จาก “โค้ชหรั่ง” อ.ชาญวิทย์ ผลชีวิน กุนซือทีมชาติไทย ภายใต้ชื่อ LOCAL COACH ทั้งรุ่นแรกและรุ่นสอง ที่สนามมีสุวรรณ โดยมี “บิ๊กโต้ง” กิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นผู้จัดการอบรม เปิดเผยว่า “ผมเองไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมเอเอฟซีถึงไม่รับรอง แต่เห็นว่า อ.ชาญวิทย์ ไม่ได้ส่งหลักฐานและเรื่องเปิดอบรมไปให้ รวมทั้งโค้ชหรั่งก็ไม่ได้เข้าไปเอเอฟซีนานแล้ว อย่างไรก็ตามหากจะให้ไปอบรมอีกครั้งก็ยินดี แม้จะรู้สึกเบื่อเพราะผ่านการอบรมบีไลเซนส์ตามหลักสูตรไปแล้วก็ตาม”
นอกจากนี้ กุนซือฉลามชล ยังยอมรับว่า โค้ชในไทยแลนด์ พรีเมียร์ลีก ยังห่างชั้นจากระดับเอเชียมากทั้งระบบการจัดการ ความเป็นมืออาชีพ หรือแม้กระทั่งฝีมือ หลังจากที่เจ้าตัวได้ผ่านเกมกับ กัมบะฯ มา “ฝั่งตรงข้ามรู้ข้อมูลทีมไทยเป็นอย่างดี มีการแก้เกมเปลี่ยนแผนการเล่นเพื่อจะเจาะประตูเรา แต่โชคดีที่รอดตัวเก็บ 1 แต้มออกมาได้ เพราะสปิริตความเป็นนักสู้ของนักเตะ อย่างไรก็ตามเกมที่จะเจอกับกัมบะฯอีกครั้ง เรารู้แล้วว่าจะต้องเล่นอย่างไร ซึ่งจุดอ่อนของเขาคือแผงหลังที่ชอบลอยขึ้นมาสูง รับรองเกมกับ กัมบะฯ ในนัดหน้าต้องสนุกแน่”
“ส่วนเกมในวันพุธที่ 19 มีนาคมนี้ เวลา 19.00 น. ที่สนามศุภชลาศัย ซึ่งชลบุรีจะเจอกับ เมลเบิร์น แชมป์ลีกออสเตรเลีย ที่เอาชนะดราก้อน จากเกาหลีใต้ มา 2-0 ถือว่าเป็นศึกหนักมาก ซึ่งผมอยากจะให้แฟนบอลเขามาดูกันเยอะๆ มาศึกษาดูการแก้เกมของทีมระดับอาชีพ ไม่ต้องไปไกลถึงยุโรปถึงแมนเชสเตอร์ ซิตี้ สำหรับในศึกไทยแลนด์ลีกนั้น หากเทียบผลงานแล้วต้องยอมรับว่าเราดีกว่าเมื่อฤดูกาลที่แล้ว อย่างไรก็ตาม หนทางยังอีกยาวไกล แต่เราก็หวังที่จะคว้าแชมป์ให้ได้เพื่อที่จะพัฒนาตัวเองในการก้าวขึ้นไปเป็นสโมสรในระดับแนวหน้าเอเชีย” โค้ชจเด็จ ทิ้งท้าย