“บิ๊กโต้ง” กิตติรัตน์ ณ ระนอง ผู้จัดการทีมชาติไทย ยืนยันโอกาสที่ ปีเตอร์ วิธ กลับมานั่งเก้าอี้หัวหน้าโค้ชทีมชาติไทยแทนที่ของ “โค้ชหรั่ง” อ.ชาญวิทย์ ผลชีวิน มีความเป็นไปได้น้อยกว่าศูนย์ ย้ำอดีตกุนซือชาวผู้ดีจะมาทำหน้าที่แมวมองดูฟอร์มทีมชาติโอมานเพียง 2 นัดเท่านั้น
ความเคลื่อนไหวของขุนพลนักเตะทีมชาติไทยชุดเตรียมบุกไปอุ่นเครื่องกับทีมชาติจีน ในวันที่ 15 มีนาคม และทำศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 20 ทีมสุดท้าย กับ ทีมชาติโอมาน ในวันที่ 26 มีนาคมนี้ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ล่าสุด “โค้ชหรั่ง” อ.ชาญวิทย์ ผลชีวิน ได้เรียกนักเตะมารวมตัวฝึกซ้อมกันเป็นวันที่ 3 เมื่อช่วงเช้าของวันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
โดยหัวหน้าโค้ชทีมชาติไทยได้เปิดเผยถึงการฝึกซ้อมว่า “ในวันนี้ไม่ได้ซ้อมหนักหรือเน้นความฟิตอะไรมากมาย แต่เป็นการซ้อมแทคติกและความเข้าใจในเกมรุก ส่วนการฝึกซ้อมอีก 2 วันที่เหลือ ในสัปดาห์หน้า ผมจะให้นักเตะฝึกซ้อมการเล่นเกมรับดูบ้าง สำหรับการเดินทางไปอุ่นเครื่องกับทีมชาติจีน คงต้องดูความพร้อมของผู้เล่นแต่ละคนก่อน เพราะมีบางคนได้รับบาดเจ็บมาจากเกมไทยลีก”
นอกจากนี้ สำหรับกรณีที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ตัดสินใจจ้าง ปีเตอร์ วิธ อดีตกุนซือทีมชาติไทย เข้ามาทำหน้าที่สเกาท์ ไปดูฟอร์มการอุ่นเครื่องของทีมชาติโอมาน 2 นัดในวันที่ 15 มีนาคมกับทีมชาติเยเมน และในวันที่ 19 มีนาคม กับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทำให้เกิดกระแสข่าวลือหนาหูขึ้นว่ามาเป็นการปูทางให้ วิธ กลับมารับตำแหน่งหัวหน้าโค้ชทีมชาติไทย แทนที่ของโค้ชหรั่งนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ “บิ๊กโต้ง” กิตติรัตน์ ณ ระนอง ผู้จัดการทีมชาติไทย เป็นคนออกมายืนยันด้วยตัวเองว่าข่าวลือดังกล่าวไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย “ตอนนี้ ปีเตอร์ วิธ ยังอยู่ที่ประเทศอังกฤษ และคงจะไม่ได้เข้ามาที่เมืองไทย ด้วยโดยจะเดินทางตรงไปยังประเทศโอมานเลย ส่วนกระแสข่าวที่ออกมา ผมพูดได้เลยว่าโอกาสที่ วิธ จะเข้ามาทำหน้าที่แทน อาจารย์หรั่งนั้นมีความเป็นไปได้น้อยกว่าศูนย์ และขอยืนยันว่า วิธ จะมาทำงานให้ทีมชาติไทยเพียงแค่ 2 นัดดังกล่าวเท่านั้น”
ส่วนกรณีที่มีหลายฝ่ายจับตามองการทำงานระหว่าง อดีตหัวหน้าโค้ชชาวอังกฤษ กับ อ.ชาญวิทย์ ว่าอาจมีการล้ำเส้นกันนั้น บิ๊กโต้ง กล่าวว่า “ทั้ง 2 คนสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะอาจารย์หรั่งเป็นหัวหน้าโค้ชมีอำนาจเด็ดขาดในทีมชุดนี้อยู่แล้ว ส่วนวิธ ทำหน้าที่เป็นเพียงแค่แมวมองเท่านั้น งานไม่ทับซ้อนกันอย่างแน่นอน”
ความเคลื่อนไหวของขุนพลนักเตะทีมชาติไทยชุดเตรียมบุกไปอุ่นเครื่องกับทีมชาติจีน ในวันที่ 15 มีนาคม และทำศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 20 ทีมสุดท้าย กับ ทีมชาติโอมาน ในวันที่ 26 มีนาคมนี้ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ล่าสุด “โค้ชหรั่ง” อ.ชาญวิทย์ ผลชีวิน ได้เรียกนักเตะมารวมตัวฝึกซ้อมกันเป็นวันที่ 3 เมื่อช่วงเช้าของวันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
โดยหัวหน้าโค้ชทีมชาติไทยได้เปิดเผยถึงการฝึกซ้อมว่า “ในวันนี้ไม่ได้ซ้อมหนักหรือเน้นความฟิตอะไรมากมาย แต่เป็นการซ้อมแทคติกและความเข้าใจในเกมรุก ส่วนการฝึกซ้อมอีก 2 วันที่เหลือ ในสัปดาห์หน้า ผมจะให้นักเตะฝึกซ้อมการเล่นเกมรับดูบ้าง สำหรับการเดินทางไปอุ่นเครื่องกับทีมชาติจีน คงต้องดูความพร้อมของผู้เล่นแต่ละคนก่อน เพราะมีบางคนได้รับบาดเจ็บมาจากเกมไทยลีก”
นอกจากนี้ สำหรับกรณีที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ตัดสินใจจ้าง ปีเตอร์ วิธ อดีตกุนซือทีมชาติไทย เข้ามาทำหน้าที่สเกาท์ ไปดูฟอร์มการอุ่นเครื่องของทีมชาติโอมาน 2 นัดในวันที่ 15 มีนาคมกับทีมชาติเยเมน และในวันที่ 19 มีนาคม กับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทำให้เกิดกระแสข่าวลือหนาหูขึ้นว่ามาเป็นการปูทางให้ วิธ กลับมารับตำแหน่งหัวหน้าโค้ชทีมชาติไทย แทนที่ของโค้ชหรั่งนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ “บิ๊กโต้ง” กิตติรัตน์ ณ ระนอง ผู้จัดการทีมชาติไทย เป็นคนออกมายืนยันด้วยตัวเองว่าข่าวลือดังกล่าวไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย “ตอนนี้ ปีเตอร์ วิธ ยังอยู่ที่ประเทศอังกฤษ และคงจะไม่ได้เข้ามาที่เมืองไทย ด้วยโดยจะเดินทางตรงไปยังประเทศโอมานเลย ส่วนกระแสข่าวที่ออกมา ผมพูดได้เลยว่าโอกาสที่ วิธ จะเข้ามาทำหน้าที่แทน อาจารย์หรั่งนั้นมีความเป็นไปได้น้อยกว่าศูนย์ และขอยืนยันว่า วิธ จะมาทำงานให้ทีมชาติไทยเพียงแค่ 2 นัดดังกล่าวเท่านั้น”
ส่วนกรณีที่มีหลายฝ่ายจับตามองการทำงานระหว่าง อดีตหัวหน้าโค้ชชาวอังกฤษ กับ อ.ชาญวิทย์ ว่าอาจมีการล้ำเส้นกันนั้น บิ๊กโต้ง กล่าวว่า “ทั้ง 2 คนสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะอาจารย์หรั่งเป็นหัวหน้าโค้ชมีอำนาจเด็ดขาดในทีมชุดนี้อยู่แล้ว ส่วนวิธ ทำหน้าที่เป็นเพียงแค่แมวมองเท่านั้น งานไม่ทับซ้อนกันอย่างแน่นอน”