เฟอร์นานโด ตอร์เรส ซัดประตูชัยช่วยให้ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล บุกมาเอาชนะ “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน ที่เหลือผู้เล่นแค่ 10 คน พร้อมกับผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายของศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ต่อไป
ศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง
อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี) 0-1 ลิเวอร์พูล (อังกฤษ)
(รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เข้ารอบด้วยประตูรวม 3-0)
“งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน เพิ่งฉลองก่อตั้งสโมสรครบรอบ 100 ปีกันไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่ง โรแบร์โต มันชินี หวังลูกทีมมีลูกฮึดเป็นของขวัญใจ มัสซิโม โมรัตติ ประธานสโมสรแต่เกมนี้เจ้าถิ่นขาดนักเตะตัวหลักหลายคนโดยเฉพาะเกมรับแต่ก็ได้ คริสเตียน คิวู กลับมาค้ำยัน ด้าน ราฟาเอล เบนิเตซ วางหมาก 4-2-3-1 ในการพา “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล มาเยือนอิตาลี แม้ไม่มี ชาบี อลอนโซ ลงสนามเนื่องจากเฝ้าภรรยาท้องแก่อยู่ที่อังกฤษ แต่ก็ได้ ฮาเวียร์ มาสเชราโน มาตัดเกมในแดนกลาง
เริ่มเกมการแข่งขัน อินเตอร์ มิลาน ที่ต้องการถึงสามประตูในการพลิกสถานการณ์เข้าสู่รอบต่อไปเป็นฝ่ายเดินเกมบุกใส่ ลิเวอร์พูล และก็ได้ลุ้นในนาทีที่ 8 จากจังหวะยิงบริเวณกรอบโทษของ ฮูลิโอ ครูซ แต่ โฮเซ เรนา ยังพุ่งปัดบอลพ้นโคนเสาไปได้ ช่วง 20 นาทีแรกเป็น “งูใหญ่” ที่ขึงเกมบุกแต่ก็ยังหาโอกาสเจาะแผงหลัง “หงส์แดง” ไปซัดเหน่งๆ ไม่ได้ เดยัน สแตนโควิช ลองส่องฟรีคิกไกลแต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับผู้รักษาประตูทีมเยือน นาที่ 24 ลิเวอร์พูล สวนกลับได้ลุ้น ฟาบิโอ ออเรลิโอ สาดโด่งให้ ไรอัน บาเบล หลุดกับดักล้ำหน้าแต่ ฮูลิโอ เซซาร์ อ่านเกมออกๆ มาตัดบอลจากกรอบโทษได้ค่อนข้างนิ่งทีเดียว
อีกสามนาทีถัดมา “หงส์แดง” พลาดโอกาสทองในการได้อเวย์โกลเมื่อ เอสตาบาน กัมบิอาสโซ ทำเสียบอลในเขตโทษก่อนตัวเอง เฟอร์นานโด ตอร์เรส ฉกไปแตะหลบ เนลสัน ริวาส ก่อนยิงมุมแคบแต่ เซซาร์ ยังใช้ตัวปิดมุมไว้ได้ดี เกมสนุกขึ้นเป็นลำดับเจ้าถิ่นได้โอกาสบ้างเมื่อถึงครึ่งชั่วโมงพอดี ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช ไหลให้ ครูซ ได้แปบอลผ่านเสาสองไปอย่างหวุดหวิด ท้ายครึ่ง อินเตอร์ฯ โหมอีกครั้ง ดักลาส ไมคอน ลากผ่านไปสุดเส้นหลังก่อนปาดให้ ครูซ ไขว้ยิงแต่ เรนา ยังไวทายาทล้มตัวรับไว้ได้ จบ 45 นาทีแรกสกอร์ยังตรึงอยู่ที่ 0-0
เปิดฉากครึ่งหลัง “งูใหญ่” ลงมารุกเร้าใส่ทีมเยือนแต่ผ่านไปแค่สี่นาทีทีมกลับเหลือผู้เล่นแค่ 10 คนในสนามเมื่อ นิโกลาส บูร์ดิสโซ ไปเสียบสกัดโฉงฉ่างใส่ ลูคัส เลวา บริเวณกลางสนามทำให้โดนใบเหลือง-แดงจากผู้ตัดสินจากนอร์เวย์ แต่นาทีที่ 56 มาร์ติน สเคอร์เทล เกือบมอบของขวัญให้เจ้าบ้านเมื่อจ่ายบอลพลาดโดน อิบราฮิมโมวิช ฉกไปยิงเฉียดเสาไปพลาดโอกาสทองไปอย่างน่าเสียดาย หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ลิเวอร์พูล ได้โอกาสบ้างจากฟรีคิกของ สตีเวน เจอร์ราร์ด แต่ เซเซาร์ เหินปัดบอลข้ามคานออกไป
ถึงนาทีที่ 63 แฟนๆ เจ้าถิ่นต้องเงียบกริบเมื่อ ออเรลิโอ ขึ้นมาฉกการทำเกมของ อินเตอร์ฯ ก่อนเปิดเร็วให้ ตอร์เรส จับบอลหนึ่งจังหวะก่อนหมุนตัวยิงบอลผ่านมือ เซซาร์ เข้าไปเสียบเสาอย่างสวยงามช่วยให้ทีมเยือนออกนำ 1-0 เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย “หงส์แดง” ปักหลักเน้นเกมรับอย่างเหนียวแน่ทำให้ อินเตอร์ฯ ได้ลุ้นบ้างจากการเติมขึ้นมายิงของ ไมคอน แต่บอลก็ยังหลุดกรอบ ครบ 90 นาที “งูใหญ่” ตีไข่ไม่แตกทำให้ ลิเวอร์พูล ชนะไปด้วยสกอร์รวมสองนัด 3-0 เดินตามเพื่อนร่วมเกาะอังกฤษอย่าง อาร์เซนอล , แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเชลซี เข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไป
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
อินเตอร์ : ฮูลิโอ เซซาร์ , ดักลาส ไมคอน , นิโกลาส บูร์ดิสโซ , เนลสัน ริวาส , คริสเตียน คิวู , ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ , ปาทริค วิเอรา , เอสเตบาน กัมบิอาสโซ , เดยัน สแตนโควิช , ฮูลิโอ ครูซ , ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช
ลิเวอร์พูล : โฮเซ เรนา , เจมี คาร์ราเกอร์ , มาร์ติน สเคอร์เทล , ซามี ฮูเปีย , ฟาบิโอ ออเรลิโอ , ฮาเวียร์ มาสเชราโน , ลูคัส เลวา , เดิร์ก เคาท์ , สตีเวน เจอร์ราร์ด , ไรอัน บาเบล , เฟอร์นานโด ตอร์เรส
ศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง
อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี) 0-1 ลิเวอร์พูล (อังกฤษ)
(รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เข้ารอบด้วยประตูรวม 3-0)
“งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน เพิ่งฉลองก่อตั้งสโมสรครบรอบ 100 ปีกันไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่ง โรแบร์โต มันชินี หวังลูกทีมมีลูกฮึดเป็นของขวัญใจ มัสซิโม โมรัตติ ประธานสโมสรแต่เกมนี้เจ้าถิ่นขาดนักเตะตัวหลักหลายคนโดยเฉพาะเกมรับแต่ก็ได้ คริสเตียน คิวู กลับมาค้ำยัน ด้าน ราฟาเอล เบนิเตซ วางหมาก 4-2-3-1 ในการพา “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล มาเยือนอิตาลี แม้ไม่มี ชาบี อลอนโซ ลงสนามเนื่องจากเฝ้าภรรยาท้องแก่อยู่ที่อังกฤษ แต่ก็ได้ ฮาเวียร์ มาสเชราโน มาตัดเกมในแดนกลาง
เริ่มเกมการแข่งขัน อินเตอร์ มิลาน ที่ต้องการถึงสามประตูในการพลิกสถานการณ์เข้าสู่รอบต่อไปเป็นฝ่ายเดินเกมบุกใส่ ลิเวอร์พูล และก็ได้ลุ้นในนาทีที่ 8 จากจังหวะยิงบริเวณกรอบโทษของ ฮูลิโอ ครูซ แต่ โฮเซ เรนา ยังพุ่งปัดบอลพ้นโคนเสาไปได้ ช่วง 20 นาทีแรกเป็น “งูใหญ่” ที่ขึงเกมบุกแต่ก็ยังหาโอกาสเจาะแผงหลัง “หงส์แดง” ไปซัดเหน่งๆ ไม่ได้ เดยัน สแตนโควิช ลองส่องฟรีคิกไกลแต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับผู้รักษาประตูทีมเยือน นาที่ 24 ลิเวอร์พูล สวนกลับได้ลุ้น ฟาบิโอ ออเรลิโอ สาดโด่งให้ ไรอัน บาเบล หลุดกับดักล้ำหน้าแต่ ฮูลิโอ เซซาร์ อ่านเกมออกๆ มาตัดบอลจากกรอบโทษได้ค่อนข้างนิ่งทีเดียว
อีกสามนาทีถัดมา “หงส์แดง” พลาดโอกาสทองในการได้อเวย์โกลเมื่อ เอสตาบาน กัมบิอาสโซ ทำเสียบอลในเขตโทษก่อนตัวเอง เฟอร์นานโด ตอร์เรส ฉกไปแตะหลบ เนลสัน ริวาส ก่อนยิงมุมแคบแต่ เซซาร์ ยังใช้ตัวปิดมุมไว้ได้ดี เกมสนุกขึ้นเป็นลำดับเจ้าถิ่นได้โอกาสบ้างเมื่อถึงครึ่งชั่วโมงพอดี ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช ไหลให้ ครูซ ได้แปบอลผ่านเสาสองไปอย่างหวุดหวิด ท้ายครึ่ง อินเตอร์ฯ โหมอีกครั้ง ดักลาส ไมคอน ลากผ่านไปสุดเส้นหลังก่อนปาดให้ ครูซ ไขว้ยิงแต่ เรนา ยังไวทายาทล้มตัวรับไว้ได้ จบ 45 นาทีแรกสกอร์ยังตรึงอยู่ที่ 0-0
เปิดฉากครึ่งหลัง “งูใหญ่” ลงมารุกเร้าใส่ทีมเยือนแต่ผ่านไปแค่สี่นาทีทีมกลับเหลือผู้เล่นแค่ 10 คนในสนามเมื่อ นิโกลาส บูร์ดิสโซ ไปเสียบสกัดโฉงฉ่างใส่ ลูคัส เลวา บริเวณกลางสนามทำให้โดนใบเหลือง-แดงจากผู้ตัดสินจากนอร์เวย์ แต่นาทีที่ 56 มาร์ติน สเคอร์เทล เกือบมอบของขวัญให้เจ้าบ้านเมื่อจ่ายบอลพลาดโดน อิบราฮิมโมวิช ฉกไปยิงเฉียดเสาไปพลาดโอกาสทองไปอย่างน่าเสียดาย หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ลิเวอร์พูล ได้โอกาสบ้างจากฟรีคิกของ สตีเวน เจอร์ราร์ด แต่ เซเซาร์ เหินปัดบอลข้ามคานออกไป
ถึงนาทีที่ 63 แฟนๆ เจ้าถิ่นต้องเงียบกริบเมื่อ ออเรลิโอ ขึ้นมาฉกการทำเกมของ อินเตอร์ฯ ก่อนเปิดเร็วให้ ตอร์เรส จับบอลหนึ่งจังหวะก่อนหมุนตัวยิงบอลผ่านมือ เซซาร์ เข้าไปเสียบเสาอย่างสวยงามช่วยให้ทีมเยือนออกนำ 1-0 เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย “หงส์แดง” ปักหลักเน้นเกมรับอย่างเหนียวแน่ทำให้ อินเตอร์ฯ ได้ลุ้นบ้างจากการเติมขึ้นมายิงของ ไมคอน แต่บอลก็ยังหลุดกรอบ ครบ 90 นาที “งูใหญ่” ตีไข่ไม่แตกทำให้ ลิเวอร์พูล ชนะไปด้วยสกอร์รวมสองนัด 3-0 เดินตามเพื่อนร่วมเกาะอังกฤษอย่าง อาร์เซนอล , แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเชลซี เข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไป
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
อินเตอร์ : ฮูลิโอ เซซาร์ , ดักลาส ไมคอน , นิโกลาส บูร์ดิสโซ , เนลสัน ริวาส , คริสเตียน คิวู , ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ , ปาทริค วิเอรา , เอสเตบาน กัมบิอาสโซ , เดยัน สแตนโควิช , ฮูลิโอ ครูซ , ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช
ลิเวอร์พูล : โฮเซ เรนา , เจมี คาร์ราเกอร์ , มาร์ติน สเคอร์เทล , ซามี ฮูเปีย , ฟาบิโอ ออเรลิโอ , ฮาเวียร์ มาสเชราโน , ลูคัส เลวา , เดิร์ก เคาท์ , สตีเวน เจอร์ราร์ด , ไรอัน บาเบล , เฟอร์นานโด ตอร์เรส
