ทอม ฮิกส์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ออกมายืนยันว่า จะไม่มีการเจรจากับกลุ่มทุนดูไบ อินเตอร์เนชันแนล แคปิตอล (DIC) ในการขอซื้อหุ้นสโมสรลิเวอร์พูลอีกต่อไป และขอบริหารยอดทีมแห่งเมอร์ซีย์ไซด์ในระยะยาว
ดีไอซี แสดงความประสงค์ที่จะเทกโอเวอร์ “หงส์แดง” มาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถรุกคืบได้มากเท่าที่ควร เนื่องจาก ทอม ฮิกส์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกันไม่คิดปล่อยหุ้นที่มีอยู่ในมือจำนวน 50 เปอร์เซ็นต์ออกไป ทำให้กลุ่มทุนจากอาหรับหันไปต่อรองกับ ยิลเล็ตต์ หนึ่งในเจ้าของร่วมแทน
จนกระทั่งวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม ที่ผ่านมา กลุ่มทุนจากอาหรับออกมาแถลงว่าใกล้ที่จะตกลงกับ ยิลเลตต์ ได้แล้ว โดยกล่าวว่า “ดูไบ อินเตอร์เนชันแนล แคปิตอล ขอยืนยันว่า การเจรจากับเจ้าของร่วมสโมสรลิเวอร์พูลคืบหน้าไปมากแล้ว แม้ว่าจะยังไม่มีการตกลงในเรื่องของมูลค่าการซื้อขายหรือจำนวนหุ้นใดๆ ก็ตาม”
ซึ่งในทีแรกเป็นที่คาดว่า ยิลเลตต์ ซึ่งถือหุ้นหงส์แดงอยู่ 50 เปอร์เซ็นต์เช่นเดียวกับ ฮิกส์ จะยอมขายหุ้นให้ ดีไอซี จำนวน 49 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 1 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือจะปล่อยให้กับ ฮิกส์ เพื่อให้มหาเศรษฐีจากเท็กซัสยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดในทีมต่อไป
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ฮิกส์ ออกมายืนยันผ่านทางเว็บไซต์ของสโมสรว่าจะไม่ถกรายละเอียดใดๆ กับทาง ดีไอซีอีก “ผมตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เจรจากับ ดีไอซี อีกต่อไปแล้ว แม้พวกเขาจะแสดงเป้าหมายในการเข้ามาลงทุนในสโมสรอย่างชัดเจน แต่ผมเองก็เชื่อมั่นในประสบการณ์ 13 ปีที่ผมประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าของทีมกีฬาระดับอาชีพเช่นกัน”
“แม้ว่าในปีที่ผ่านมาสถานการณ์ในสโมสรลิเวอร์พูลจะไม่สู้ดีนักจากกระแสต่อต้านที่ก่อตัวขึ้น แต่นั่นเป็นเพราะแฟนบอลของเราต่างก็มีความปรารถนาอันแรงกล้าและจงรักภักดีต่อสโมสรอย่างสุดหัวใจ ดังนั้นเป้าหมายของผมก็คือการเป็นเจ้าของทีมที่บริหารโครงสร้างและการจัดการภายในให้ดียิ่งขึ้นในระยะยาว”