xs
xsm
sm
md
lg

จีนฮึดเรียกเก็บภาษีคนรวยเพิ่ม หวังอุดช่องโหว่โครงสร้างภาษี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


วอลล์สตรีท เจอร์นัล – ปัญหายุ่งยากของรัฐบาลจีนในการเรียกเก็บภาษีเงินได้จากบุคคลธรรมดา กำลังถูกอำพรางด้วยรายได้ที่พุ่งพรวดจากการจัดเก็บภาษีโดยรวมของรัฐบาลจีน โดยปัญหาดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อคำสัญญาของรัฐบาลที่เคยกล่าวไว้ว่าจะขยายโครงการด้านสุขภาพและสังคมให้แก่ประชาชน

ภาษีเงินได้ก้อนโตที่รัฐบาลกลางเก็บได้ในหลายปีที่ผ่านได้ ได้กลายเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ และเสริมส่วนที่ขาดแคลนให้แก่ประเทศจีน โดยเงินภาษีที่จัดเก็บมาได้ส่วนใหญ่มาจากบริษัทขนาดใหญ่ โดยปีที่แล้วภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นเกือบ 30% เนื่องจากตลาดหุ้นเฟื่องฟู

แม้ว่าตัวเลขการจัดเก็บจะดูดี แต่โครงสร้างภาษีของจีนที่ง่อนแง่นกำลังเป็นปัญหาท้าทายของรัฐบาลมังกร เพราะเมื่อใดที่ผลกำไรของบริษัทลดลงและตลาดหุ้นชะลอตัว รายได้จากการจัดเก็บภาษีย่อมลดลงตามกัน ขณะเดียวกัน โครงการริเริ่มใหม่ๆ ที่ประธานาธิบดีหูจิ่นเทาได้สัญญาไว้เมื่อ 1- 2 ปีที่แล้วจำเป็นต้องใช้เงินงบประมาณจำนวนมหาศาล ดังนั้นรัฐบาลมังกรจึงพยายามหาวิธีจัดเก็บภาษีจากบุคคลธรรมดาเพิ่มมากขึ้นเพื่อสร้างสมดุล

แม้ว่าประเทศจีนจะมีค่าใช้จ่ายมหาศาลรออยู่ แต่เช่นเดียวกับประเทศที่กำลังพัฒนาหลายประเทศ จีนจัดเก็บภาษีรายได้ประเภทบุคคลธรรมดาได้เพียงน้อยนิดเท่านั้น คิดเป็นสัดส่วน 6.5% ของเงินภาษีที่จัดเก็บได้ทั้งหมดของประเทศ เพราะชาวจีนส่วนใหญ่ไม่เคยยื่นเรื่องเสียภาษี เมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกาแล้ว รัฐบาลอเมริกันสามารถเก็บภาษีเงินได้ประเภทบุคคลธรรมดาได้มากถึง 45% ในปีบัญชีที่ผ่านมาซึ่งสิ้นสุดเมื่อเดือนกันยายนปี 2007

ด้านโธมัส เบิร์น รองประธานอาวุโสและนักวิเคราะห์เครดิตจาก มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส แนะนำเช่นกันว่า รายได้ของคนเมืองแดนมังกรค่อนข้างสูง และเป็นที่ที่รัฐบาลจีนสมควรให้ความสนใจ

ขณะเดียวกัน การขยายรายได้จากการจัดเก็บภาษียังเป็นเรื่องซับซ้อนทางเทคนิคและเรื่องอ่อนไหวทางการเมือง เพราะรายรับของรัฐบาลส่วนใหญ่มาจากรัฐวิสาหกิจมาเป็นระยะเวลานาน โดยที่ประชาชนจีนทั่วไปรู้สึกว่าพวกเขามีส่วนเกี่ยวพันโดยตรงในระบบการเงินของรัฐบาลเพียงเล็กน้อย แต่ภาษีเงินได้จะเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้

นอกจากนี้ กลุ่มข้าราชการตระหนักว่าการขยายเครือข่ายภาษีให้กว้างขึ้นย่อมเท่ากับเป็นการเพิ่มความรับผิดชอบของรัฐบาลอย่างเลี่ยงไม่ได้ จินตงเซิง นักวิจัยจากกรมสรรพากรจีนกล่าวว่า “ถ้าคุณเอาเงินของผู้เสียภาษีมาส่วนหนึ่ง พวกเขาต้องถามแน่นอนว่าคุณกำลังจะเอาเงินไปทำอะไร ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับรัฐบาล” จินกล่าวเสริมว่า การใช้จ่ายของรัฐบาลจะต้องเป็นประโยชน์และมีผลตอบแทนกลับสู่สังคม ซึ่งมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้ผู้เสียภาษีเต็มใจที่จะจ่ายภาษีให้รัฐ

ประเทศที่กำลังพัฒนาอื่นๆ ได้ปลุกปล้ำการจัดเก็บภาษีเงินได้และประสบความสำเร็จในระดับต่างๆ กัน เช่นในรัสเซีย หลังจากที่คนส่วนใหญ่หลบเลี่ยงการเสียภาษีจนทำให้การเงินของประเทศเข้าสู่วิกฤตในช่วงปี 90 ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินก็ประสบความสำเร็จในการจัดเก็บภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นถึง 13% ในปี 2001 ทั้งนี้ รายได้ที่พุ่งพรวดเกิดจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยภาษีเงินได้คิดเป็น 3.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศปี 2006

ส่วนอินเดียเช่นเดียวกับจีน จำนวนภาษีเงินได้ที่ได้จากบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจเฉลี่ย 8.6% ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา และความพยายามของรัฐบาลที่จะลดภาษีเพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย แต่ระบบภาษีประเภทบุคคลธรรมดายังคงยากที่จะแก้ไข โดยมีการคาดการณ์ว่าบุคคลธรรมดาที่เสียภาษีมีจำนวนน้อยกว่า 4% ของชาวอินเดียทั่วประเทศ

ไม่ว่าที่ไหนในเอเชีย การทุจริตในวงราชการเป็นอุปสรรคของการจัดเก็บภาษี อินโดนีเซียเป็นประเทศหนึ่งที่สัดส่วนการเรียกเก็บภาษีต่ำที่สุดในเอเชีย โดยมีประชาชนเพียง 3.5 ล้านคนเท่านั้นที่ลงทะเบียนเป็นผู้เสียภาษีเมื่อสิ้นปี 2006 จากจำนวนประชากรทั่วประเทศ 240 ล้านคน แต่ ศรีมัลยานิ อินทราวาตี รัฐมนตรีกระทรวงการคลังยังหวังว่าจะเพิ่มจำนวนดังกล่าวให้เป็น 6 ล้านคนก่อนสิ้นปีนี้

สำหรับฟิลิปปินส์ ประธานาธิบดีกลอเรีย มากาปากัล อาร์โรโย ได้เคลื่อนไหวเพื่อเพิ่มภาษีการค้าในปี 2005 เนื่องจากการจัดเก็บภาษีเงินได้ไม่มีประสิทธิภาพพอ แม้ว่าไม่เป็นที่พอใจของผู้ประกอบการ แต่นักวิเคราะห์เศรษฐกิจหลายคนเชื่อมั่นว่าระบบภาษีใหม่นี้จะช่วยฟื้นฟูความมั่นใจของนักลงทุนในฟิลิปปินส์

ด้านสถานการณ์การเงินของจีน แม้ในภาพรวมจะดีกว่าหลายประเทศในเอเชีย แต่ก็มีความท้าทายเมื่อจีนเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางเศรษฐกิจเมื่อเปลี่ยนจากเศรษฐกิจแบบวางแผน โดยไม่ได้จัดตั้งธรรมเนียมทั้งหมดตามระบบเศรษฐกิจแบบตลาด อีกทั้งการขาดแคลนการจดบันทึกทำให้ไม่ทราบแน่ชัดว่าจำนวนประชากรที่ต้องเสียภาษีมีเท่าไร และเนื่องจากธุรกิจจำนวนมากแม้แต่ที่มีขนาดใหญ่ ยังคงดำเนินธุรกิจด้วยเงินสดทั้งหมด ดังนั้นระบบธนาคารจึงใช้เป็นแหล่งข้อมูลได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ในปัจจุบันรายได้จากภาษีของจีนส่วนใหญ่มาจากภาษีมูลค่าเพิ่มโดยเรียกเก็บ 17% จากสินค้าส่วนใหญ่ และจากภาษีเงินได้นิติบุคคล ทั้งนี้จากการยกเครื่องระบบการเงินของประเทศจีนเมื่อปี 1994 รายได้จากเงินภาษีจะมาจากบริษัทและหน่วยงานต่างๆ มากกว่าบุคคลธรรมดา เพราะทางการสามารถติดตามรายงานทางการเงินของบริษัทได้ง่ายกว่าประชาชนที่มีอยู่ราว 1,300 ล้านคน

วอลล์สตรีท เจอร์นัลยังชี้ว่า การขยายการจัดเก็บภาษีเงินได้ไม่ใช่เกิดขึ้นเพราะแรงกดดันที่ต้องเพิ่มเงินทุนในคลัง แต่รัฐบาลจีนกำลังใช้การจัดเก็บภาษีเงินได้เป็นวิธีแสดงถึงความห่วงใยต่อความไม่เท่าเทียมกันในสังคมที่กำลังขยายตัว โดยล่าสุดเมื่อปลายเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ทางการจีนประกาศว่าจีนเตรียมปรับปรุงกฎระเบียบสำหรับผู้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้ จากเดิมระบุรายได้ขั้นต่ำที่ต้องเสียภาษีอยู่ที่ 1,600 หยวน ต่อเดือน ปรับเป็นขั้นต่ำ 2,000 หยวน โดยทางการระบุว่าเพื่อบรรเทาความเหลื่อมล้ำทางรายได้ระหว่างประชาชนในเมืองและชนบท

เซี่ยซี่ว์เหริน รัฐมนตรีคลังของจีน คาดการณ์ว่าหลังที่ที่นำระเบียบใหม่นี้มาใช้ จะทำให้ผู้มีรายได้ถึง 70% ไม่ต้องเสียภาษี จากปัจจุบันมีผู้มีรายได้ไม่ต้องเสียภาษีอยู่ที่ 50% นั่นหมายความว่ารายได้ของรัฐจะลดลงราว 30,000 ล้านหยวน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารัฐบาลจะยกเว้นภาษีให้แก่คนจำนวนมากขึ้นแต่ก็จะหันมาเข้มงวดกับกลุ่มผู้ที่มีรายได้สูง จางปิน ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีจากสถาบันการเงินและเศรษฐกิจการค้าในปักกิ่งแสดงความเห็นว่า “การเพิ่มรายได้จากการจัดเก็บภาษีจะไม่เกิดจากการปรับอัตราภาษีให้สูงขึ้น แต่จะมาจากแหล่งรายได้หลากหลายของกลุ่มคนรวย” ทั้งนี้ คนทำงานระดับผู้บริหารอยู่ในกลุ่มที่ต้องเสียภาษีอยู่แล้วเพราะพวกเขามีเงินเดือน และเป็นคนรวยจริงๆ ที่มีสินทรัพย์มากมาย

เมื่อปีที่แล้ว ระหว่างกระบวนการปรับปรุงระเบียบการเสียภาษีใหม่ นับเป็นครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่สรรพากรได้เรียกร้องให้ผู้เสียภาษีบางกลุ่มยื่นแบบเสียภาษีเงินได้เพิ่มเติม โดยมีเป้าหมายหลักที่กลุ่มผู้มีรายได้มาจากการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหรือสินทรัพย์อื่นๆ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีรายได้มากกว่า 120,000 หยวนต่อปีหรือราว 6 เท่าของรายได้เฉลี่ยของคนเมือง สำหรับผลตอบรับมีเพียง 1.63 ล้านคนเท่านั้นที่ส่งแบบฟอร์มกลับมาเมื่อปีที่แล้ว แม้ไม่รู้แน่ชัดว่าคนกลุ่มนี้มีจำนวนเท่าไรแต่เชื่อได้ว่าเป็นเศษส่วนเพียงเล็กน้อยจากทั้งหมดเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น