ผู้จัดการรายวัน - คลังเผยรายได้รัฐบาลเดือนมกราคมต่ำกว่าประมาณการ 570 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากประชาชนชะลอซื้อรถยนต์หวังใช้สิทธิทางภาษีเป็นส่วนลดในการซื้อรถยนต์ E20
นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การจัดเก็บรายได้รัฐบาลประจำเดือนมกราคม 2551 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 96,423 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 570 ล้านบาท หรือ 0.6% ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 6.9% เนื่องจากการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่ำกว่าประมาณการ 2,371 ล้านบาท หรือ 9.9%
โดยสาเหตุหลักมาจากฐานภาษีที่จัดเก็บจากดอกเบี้ยที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการเพราะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ลดลง นอกจากนี้ภาษีสรรพสามิต รถยนต์ยังจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 1,860 ล้านบาท หรือ 34.5% เป็นผลกระทบเนื่องจากการที่ประชาชนชะลอการซื้อรถยนต์นั่งเพื่อรอรถยนต์นั่งใหม่ประเภท E20 ที่ราคาจะปรับลดลง นอกจากนี้รัฐวิสาหกิจและส่วนราชการอื่นยังนำส่งรายได้ต่ำกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ 1,487 และ 925 ล้านบาท หรือ 24.7% และ 20.2% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตามภาษีมูลค่าเพิ่ม อากรขาเข้า และภาษีน้ำมันฯ จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 3,146 1,028 และ 800 ล้านบาท หรือ 7.9% 14.5% และ 12.9% ตามลำดับ โดยในเดือนนี้ได้มีการจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ อปท. ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจฯ งวดแรกของปีงบประมาณ 2551 จำนวน 10,015 ล้านบาท
ในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 (ตุลาคม 2550 – มกราคม 2551) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 421,723 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 2,718 ล้านบาท หรือ 0.6% สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 4.4% เป็นผลจากการจัดเก็บภาษีของ 3 กรมในสังกัดกระทรวงการคลังจัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย
โดยผลการจัดเก็บรายได้แยกตามหน่วยงานจัดเก็บสรุปได้ ดังนี้ กรมสรรพากร จัดเก็บได้รวม 312,088 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 7,013 ล้านบาท คิดเป็น 2.3% สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 10.6% ภาษีที่เก็บได้สูงกว่าประมาณการที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้ปิโตรเลียม โดยจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 7,230 3,258 และ 1,353 ล้านบาท หรือ 11.5% 2.1% และ 135.3% ตามลำดับ
ส่วนภาษีเงินได้นิติบุคคลจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการเนื่องจากบริษัทต่างชาติส่งค่าบริการและจำหน่ายกำไรไปต่างประเทศมากขึ้นเพราะได้รับประโยชน์มากขึ้นจากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่า สำหรับภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการเป็นผลจากการบริโภคที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องประกอบกับราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนการนำเข้าสินค้าก็มีการขยายตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีธุรกิจเฉพาะจัดเก็บได้ต่ำกว่า ประมาณการ 3,158 และ 1,721 ล้านบาท หรือ 4.6% และ 12.6% ตามลำดับ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยทั้ง เงินฝากและเงินกู้อยู่ในระดับที่ต่ำเป็นปัจจัย หลัก
กรมสรรพสามิต จัดเก็บได้รวม 95,566 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 867 ล้านบาท หรือ 0.9% ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 4.3% แต่ถ้าหักรายได้จากภาษีกิจการโทรคมนาคมของปีที่แล้วออก จะทำให้ในปีนี้จัดเก็บได้สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 0.7% ทั้งนี้ ภาษีเกือบทุกประเภทจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการที่สำคัญได้แก่ ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 2,750 ล้านบาท หรือ 13.3% เนื่องจากในช่วงนี้ประชาชนได้ชะลอการซื้อรถยนต์นั่งใหม่เพื่อรอรถยนต์นั่งที่สามารถเติมน้ำมัน E20 ที่มีอัตราภาษีที่ลดลง ส่วนภาษีน้ำมันจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 2,324 ล้านบาท หรือ 0.1%
กรมศุลกากร จัดเก็บได้รวม 33,281 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ2,661 ล้านบาท คิดเป็น 8.7% สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 11.1% โดยอากรขาเข้าจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 2,377 ล้านบาท หรือ 7.9% เนื่องจากมูลค่านำเข้าทั้งในรูปดอลลาร์สหรัฐ และรูปเงินบาทยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องและสูงกว่าที่ประมาณการไว้ โดยในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2551 (ตุลาคม-ธันวาคม 2550) มูลค่านำเข้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐและเงินบาทสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วถึง 15.45% และ 12.9% ตามลำดับ
รัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้รวม 34,279 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 4,197 ล้านบาท คิดเป็น 10.9% แต่สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 2.8% เนื่องจากรัฐวิสาหกิจบางแห่งยังไม่ได้นำส่งรายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ด้านหน่วยงานอื่น นำส่งรายได้รวม 20,691 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 3,730 ล้านบาท คิดเป็น 15.3% ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 12.7% เป็นผลจากค่าภาคหลวงปิโตรเลียมจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
สำหรับการคาดการณ์รายได้รัฐบาลปีงบประมาณ 2551 จากผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 ที่ยังสูงกว่าเป้าหมาย 2,718 ล้านบาท และทิศทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะดีขึ้นภายหลังจากการตั้งรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว กระทรวงการคลังคาดว่าการจัดเก็บรายได้รัฐบาลปีงบประมาณ 2551 นี้ จะยังอยู่ในวิสัยที่น่าจะจัดเก็บได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ในเอกสารงบประมาณ 1.495 ล้านล้านบาท อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป เช่น ภาวะเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน ค่าเงินบาท และการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ เป็นต้น.
นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การจัดเก็บรายได้รัฐบาลประจำเดือนมกราคม 2551 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 96,423 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 570 ล้านบาท หรือ 0.6% ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 6.9% เนื่องจากการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่ำกว่าประมาณการ 2,371 ล้านบาท หรือ 9.9%
โดยสาเหตุหลักมาจากฐานภาษีที่จัดเก็บจากดอกเบี้ยที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการเพราะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ลดลง นอกจากนี้ภาษีสรรพสามิต รถยนต์ยังจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 1,860 ล้านบาท หรือ 34.5% เป็นผลกระทบเนื่องจากการที่ประชาชนชะลอการซื้อรถยนต์นั่งเพื่อรอรถยนต์นั่งใหม่ประเภท E20 ที่ราคาจะปรับลดลง นอกจากนี้รัฐวิสาหกิจและส่วนราชการอื่นยังนำส่งรายได้ต่ำกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ 1,487 และ 925 ล้านบาท หรือ 24.7% และ 20.2% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตามภาษีมูลค่าเพิ่ม อากรขาเข้า และภาษีน้ำมันฯ จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 3,146 1,028 และ 800 ล้านบาท หรือ 7.9% 14.5% และ 12.9% ตามลำดับ โดยในเดือนนี้ได้มีการจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ อปท. ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจฯ งวดแรกของปีงบประมาณ 2551 จำนวน 10,015 ล้านบาท
ในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 (ตุลาคม 2550 – มกราคม 2551) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 421,723 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 2,718 ล้านบาท หรือ 0.6% สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 4.4% เป็นผลจากการจัดเก็บภาษีของ 3 กรมในสังกัดกระทรวงการคลังจัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย
โดยผลการจัดเก็บรายได้แยกตามหน่วยงานจัดเก็บสรุปได้ ดังนี้ กรมสรรพากร จัดเก็บได้รวม 312,088 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 7,013 ล้านบาท คิดเป็น 2.3% สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 10.6% ภาษีที่เก็บได้สูงกว่าประมาณการที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้ปิโตรเลียม โดยจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 7,230 3,258 และ 1,353 ล้านบาท หรือ 11.5% 2.1% และ 135.3% ตามลำดับ
ส่วนภาษีเงินได้นิติบุคคลจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการเนื่องจากบริษัทต่างชาติส่งค่าบริการและจำหน่ายกำไรไปต่างประเทศมากขึ้นเพราะได้รับประโยชน์มากขึ้นจากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่า สำหรับภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการเป็นผลจากการบริโภคที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องประกอบกับราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนการนำเข้าสินค้าก็มีการขยายตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีธุรกิจเฉพาะจัดเก็บได้ต่ำกว่า ประมาณการ 3,158 และ 1,721 ล้านบาท หรือ 4.6% และ 12.6% ตามลำดับ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยทั้ง เงินฝากและเงินกู้อยู่ในระดับที่ต่ำเป็นปัจจัย หลัก
กรมสรรพสามิต จัดเก็บได้รวม 95,566 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 867 ล้านบาท หรือ 0.9% ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 4.3% แต่ถ้าหักรายได้จากภาษีกิจการโทรคมนาคมของปีที่แล้วออก จะทำให้ในปีนี้จัดเก็บได้สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 0.7% ทั้งนี้ ภาษีเกือบทุกประเภทจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการที่สำคัญได้แก่ ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 2,750 ล้านบาท หรือ 13.3% เนื่องจากในช่วงนี้ประชาชนได้ชะลอการซื้อรถยนต์นั่งใหม่เพื่อรอรถยนต์นั่งที่สามารถเติมน้ำมัน E20 ที่มีอัตราภาษีที่ลดลง ส่วนภาษีน้ำมันจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 2,324 ล้านบาท หรือ 0.1%
กรมศุลกากร จัดเก็บได้รวม 33,281 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ2,661 ล้านบาท คิดเป็น 8.7% สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 11.1% โดยอากรขาเข้าจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 2,377 ล้านบาท หรือ 7.9% เนื่องจากมูลค่านำเข้าทั้งในรูปดอลลาร์สหรัฐ และรูปเงินบาทยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องและสูงกว่าที่ประมาณการไว้ โดยในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2551 (ตุลาคม-ธันวาคม 2550) มูลค่านำเข้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐและเงินบาทสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วถึง 15.45% และ 12.9% ตามลำดับ
รัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้รวม 34,279 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 4,197 ล้านบาท คิดเป็น 10.9% แต่สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 2.8% เนื่องจากรัฐวิสาหกิจบางแห่งยังไม่ได้นำส่งรายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ด้านหน่วยงานอื่น นำส่งรายได้รวม 20,691 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 3,730 ล้านบาท คิดเป็น 15.3% ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 12.7% เป็นผลจากค่าภาคหลวงปิโตรเลียมจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
สำหรับการคาดการณ์รายได้รัฐบาลปีงบประมาณ 2551 จากผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 ที่ยังสูงกว่าเป้าหมาย 2,718 ล้านบาท และทิศทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะดีขึ้นภายหลังจากการตั้งรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว กระทรวงการคลังคาดว่าการจัดเก็บรายได้รัฐบาลปีงบประมาณ 2551 นี้ จะยังอยู่ในวิสัยที่น่าจะจัดเก็บได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ในเอกสารงบประมาณ 1.495 ล้านล้านบาท อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป เช่น ภาวะเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน ค่าเงินบาท และการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ เป็นต้น.