xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลเร่งใช้จ่ายงบกระตุ้นลงทุน ไตรมาสแรกขาดดุล 1.15 แสนล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คลังเผยฐานะการคลังประจำเดือนธันวาคม 50 พบขาดดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 จำนวน 5 พันล้านบาท ส่งผลให้ไตรมาสแรกของปีงบประมาณขาดดุลไปแล้ว 1.15 แสนล้านบาท ชี้ รัฐบาลเร่งการใช้จ่ายด้านการลงทุนของภาครัฐเพิ่มขึ้น 176.7% หวังใช้การลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจให้โต 5% ตามเป้าที่วางไว้ พร้อมจี้ให้เร่งตั้งรัฐบาลใหม่ สานต่อโครงการขนาดใหญ่

นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ได้แถลงฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสด ในเดือนธันวาคม 2550 ซึ่งขาดดุลเงินสดต่อเนื่องเป็นเดือนที่สามจำนวน 5,031 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2551 รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวมทั้งสิ้น 115,646 ล้านบาท สูงกว่าการขาดดุลช่วงเดียวกันปีที่แล้วถึง 83.9%

โดยเป็นการขาดดุลเงินงบประมาณ 64,008 ล้านบาท และการขาดดุลเงินนอกงบประมาณ 51,638 ล้านบาท การขาดดุลเงินสดที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงไตรมาสแรกดังกล่าวเป็นผลมาจากการเร่งการใช้จ่ายด้านการลงทุนของรัฐบาลที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วถึง 176.7% ทั้งนี้ การขาดดุลดังกล่าวเป็นไปตามเป้าหมายของการดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุลของรัฐบาล ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตในระดับ 5.0% ในปี 2551 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

ฐานะการคลังเดือนธันวาคม 2550 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง 95,921 ล้านบาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 0.8% เนื่องจากการลดลงของภาษีสรรพสามิตรถยนต์ และรายได้นำส่งคลังของรัฐวิสาหกิจ ส่วนภาษีที่สำคัญที่สามารถจัดเก็บได้เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูง ได้แก่ ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ภาษียาสูบ ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณในเดือนธันวาคม 2550 รัฐบาลมีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 110,867 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 11.8% การเบิกจ่ายที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นมากคือรายจ่ายลงทุน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 4,188 ล้านบาท หรือ 76.5% โดยสาเหตุส่วนหนึ่งเนื่องจากพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2550 มีผลบังคับใช้ล่าช้า ขณะที่รายจ่ายประจำขยายตัว 13.6% ส่วนรายจ่ายจากงบประมาณปีก่อนลดลง 18.9%

ทั้งนี้ จากรายได้นำส่งคลังและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลข้างต้น ส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณในเดือนธันวาคม 2550 ขาดดุล 14,946 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณซึ่งเกินดุล 9,915 ล้านบาท ทำให้ดุลเงินสดขาดดุล 5,031 ล้านบาท โดยรัฐบาลกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลด้วยการออกพันธบัตรจำนวน 17,500 ล้านบาท

ขณะที่ฐานะการคลังในช่วงไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2551 (ตุลาคม-ธันวาคม 2550) รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 329,266 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 8.0% โดยรายได้จัดเก็บที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ด้านรายจ่ายรัฐบาล การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลมีจำนวนทั้งสิ้น 393,274 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 31.0% โดยแบ่งออกเป็นรายจ่ายจากงบประมาณปีปัจจุบัน 357,895 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเบิกจ่าย 21.6% ของวงเงินงบประมาณ (1,660,000 ล้านบาท) ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วมีอัตราการเบิกจ่าย 16.5% ของวงเงินงบประมาณ (1,566,200 ล้านบาท) และรายจ่ายจากงบประมาณปีก่อน 35,379 ล้านบาท

ส่วนดุลการคลังรัฐบาลตามกระแสเงินสด การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลที่ขยายตัวในอัตราที่สูงถึง 31.0% ขณะที่รายได้นำส่งคลังขยายตัว 8.0% ส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณขาดดุล 64,008 ล้านบาท และเมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่ขาดดุลจำนวน 51,638 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักจากการไถ่ถอนตั๋วเงินคลังสุทธิจำนวน 33,000 ล้านบาท และการจ่ายเงินจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 10,060 ล้านบาท ทำให้ดุลการคลัง (ดุลเงินสด) ของรัฐบาลขาดดุล 115,646 ล้านบาท ทั้งนี้ รัฐบาลชดเชยการขาดดุลดังกล่าวโดยการออกพันธบัตร 42,500 ล้านบาท และใช้เงินคงคลัง 73,146 ล้านบาท

“รัฐบาลได้พยายามใช้นโยบายการคลัง เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีนี้ คาดว่า ไม่มีอุปสรรค ทั้งการหารายได้และการเร่งรัดการเบิกจ่ายให้ได้ร้อยละ 94 ของเงินงบประมาณ ซึ่งก็จะเน้นงบการลงทุนเป็นหลักโดยหวังส่งต่อถึงรัฐบาลชุดใหม่ ให้เร่งดำเนินโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ เพื่อให้เม็ดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจซึ่งหากมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่โดยเร็วก็เป็นเรื่องที่ดี ซึ่งทางกระทรวงการคลังได้เตรียมข้อมูลไว้หมดแล้ว รอเพียงนโยบายจากรัฐบาลใหม่” นายสมชัยกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น