เผยยอดฐานะการคลังเดือนมกราคมขาดดุลเงินสด 34,621 ล้าน ระบุจากการเร่งใช้จ่ายด้านการลงทุนที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น เป็นไปตามเป้าหมายการดำเนินนโยบายขาดดุลของรัฐบาล และการนำส่งรายได้ที่ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดขาดดุลเงินสด 4 เดือนรวม 1.5 แสนล้าน
นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลังในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังได้แถลงฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสด ในเดือนมกราคม 2551 ซึ่งขาดดุลเงินสดต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่จำนวน 34,621 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวมทั้งสิ้น 150,267 ล้านบาท สูงกว่าการขาดดุลช่วงเดียวกันปีที่แล้วถึง 185 % โดยเป็นการขาดดุลเงินงบประมาณ 121,390 ล้านบาท และการขาดดุลเงินนอกงบประมาณ 28,877 ล้านบาท การขาดดุลเงินสดที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงสี่เดือนแรกดังกล่าวเป็นผลมาจากการเร่งการใช้จ่ายด้านการลงทุนของรัฐบาลที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วถึง 237.3 % ทั้งนี้ การขาดดุลดังกล่าวเป็นไปตามเป้าหมายของการดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุลของรัฐบาล โดยรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลด้วยการออกพันธบัตร 16,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง 100,715 ล้านบาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 6,320 ล้านบาท หรือ 5.9 % เนื่องจากในเดือนนี้มีการจัดสรรเงินให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตาม พระราชบัญญัติกำหนดแผนฯงวดที่ 1 จำนวน 10,015 ล้านบาท นอกจากนี้การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ และรายได้นำส่งคลังของรัฐวิสาหกิจยังต่ำกว่าปีที่แล้ว ขณะที่รัฐบาลมีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 158,402 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 63.2 %
สำหรับในช่วง 4 เดือนแรกปีงบประมาณ 2551 มีรายได้นำส่งคลัง รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 430,286 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 4.5 %โดยรายได้จัดเก็บที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่สำคัญ ได้แก่ ภาษียาสูบ ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม ขณะที่การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลมี ทั้งสิ้น 551,676 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 38.9 % โดยแบ่งออกเป็นรายจ่ายจากงบประมาณปีปัจจุบัน 504,812 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเบิกจ่าย 30.4 % ของวงเงินงบประมาณ 1,660,000 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่มีอัตราการเบิกจ่าย 22 %ของวงเงินงบประมาณ และรายจ่ายจากงบประมาณปีก่อน 46,864 ล้านบาท
นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลังในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังได้แถลงฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสด ในเดือนมกราคม 2551 ซึ่งขาดดุลเงินสดต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่จำนวน 34,621 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวมทั้งสิ้น 150,267 ล้านบาท สูงกว่าการขาดดุลช่วงเดียวกันปีที่แล้วถึง 185 % โดยเป็นการขาดดุลเงินงบประมาณ 121,390 ล้านบาท และการขาดดุลเงินนอกงบประมาณ 28,877 ล้านบาท การขาดดุลเงินสดที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงสี่เดือนแรกดังกล่าวเป็นผลมาจากการเร่งการใช้จ่ายด้านการลงทุนของรัฐบาลที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วถึง 237.3 % ทั้งนี้ การขาดดุลดังกล่าวเป็นไปตามเป้าหมายของการดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุลของรัฐบาล โดยรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลด้วยการออกพันธบัตร 16,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง 100,715 ล้านบาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 6,320 ล้านบาท หรือ 5.9 % เนื่องจากในเดือนนี้มีการจัดสรรเงินให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตาม พระราชบัญญัติกำหนดแผนฯงวดที่ 1 จำนวน 10,015 ล้านบาท นอกจากนี้การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ และรายได้นำส่งคลังของรัฐวิสาหกิจยังต่ำกว่าปีที่แล้ว ขณะที่รัฐบาลมีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 158,402 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 63.2 %
สำหรับในช่วง 4 เดือนแรกปีงบประมาณ 2551 มีรายได้นำส่งคลัง รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 430,286 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 4.5 %โดยรายได้จัดเก็บที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่สำคัญ ได้แก่ ภาษียาสูบ ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม ขณะที่การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลมี ทั้งสิ้น 551,676 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 38.9 % โดยแบ่งออกเป็นรายจ่ายจากงบประมาณปีปัจจุบัน 504,812 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเบิกจ่าย 30.4 % ของวงเงินงบประมาณ 1,660,000 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่มีอัตราการเบิกจ่าย 22 %ของวงเงินงบประมาณ และรายจ่ายจากงบประมาณปีก่อน 46,864 ล้านบาท
