บาร์นสลีย์ สร้างปาฏิหาริย์ในศึกเอฟเอ คัพ อีกครั้ง เมื่อเปิดบ้านเฉือนชนะ เชลซี แชมป์เก่าปีที่แล้วอย่างเหลือเชื่อ 1-0 จากการโหม่งทำประตูชัยของ คาโยเด โอเดจายี ในครึ่งหลัง ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ
ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม 2551
บาร์นสลีย์ 1 – 0 เชลซี
คู่ที่ 2 ของฟุตบอลถ้วยอันเก่าแก่ของเมืองผู้ดีประจำวันเสาร์ บาร์นสลีย์ ทีมระดับเดอะ แชมเปียนชิป ลงเล่นในสนามโอคเวลล์ กราวนด์ ของตัวเองต้อนรับ เชลซี ทีมหัวตารางของพรีเมียร์ลีก นัดนี้ ไซมอน ดาวีย์ ส่ง คาโยเด โอเดจายี ที่ยิงไม่ได้มานานถึง 29 นัด ลงเป็นหัวหอกตัวเป้าโดยที่ ไบรอัน ฮาวเวิร์ด กัปตันทีมผู้ทำประตูเขี่ย ลิเวอร์พูล ตกรอบเป็นคีย์แมนในแดนกลาง ส่วนทีมเยือนให้ ฟลอรองต์ มาลูดา ลงสนาม ส่วน นิโกลาส์ อเนลกา ทำหน้าที่ล่าตาข่าย
เปิดฉากมาได้ 2 นาทีเศษ เจ้าตูบเป็นฝ่ายสร้างโอกาสเข้าทำได้ก่อน โดย จามาล แคมป์เบลล์-ไรซ์ ไหลทะลุเข้าเขตโทษให้ ไบรอัน ฮาวเวิร์ด ครองบอลหลอกล่อหนึ่งทีก่อนยิงด้วยขวา บอลไปแฉลบ มิชาเอล เอสเซียง ที่ตามมาบล็อกออกหลังไป
จากนั้นก็ถึงทีของสิงโตน้ำเงินครามบ้าง ในนาทีที่ 15 ฟลอรองต์ มาลูด้า เปิดลูกเตะมุมจากด้านซ้ายเข้ามาถูกกองหลัง บาร์นสลีย์ โหม่งเคลียร์มาเข้าทาง โจ โคล ที่รออยู่จัดการหวดด้วยขวา บอลไปแฉลบ โอเดจายี่ เฉี่ยวเสาออกหลัง
เชลซี เกือบเสียท่าในนาทีที่ 22 เมื่อ โอเดจายี หัวหอกเจ้าถิ่นถูกกองหลังทีมเยือนรุมเข้ามาแย่งบอลก่อนที่จะไปแฉลบ จอห์น เทอร์รี กระดอนเข้าหา คาร์โล คูดิชินี ซึ่งนายด่านอิตาเลียนไม่กล้าใช้มือรับ แต่ไปพักบอลด้วยขาจนถูก โอเดจายี เข้ามาบีบ ทว่าลูกหลุดกรอบออกหลังไป เชลซี จึงรอดพ้นจากการเสียประตูอย่างหวุดหวิด
เจ้าตูบยังต่อกรกับสิงห์บลูส์ได้ดี นาทีที่ 37 อิสต์วาน เฟเรนซี ได้บอลจากการวางยาวขึ้นมาจากกลางสนามหลุดเข้าไปซัดในเขตโทษ บอลพุ่งผ่านการป้องกันของ คูดิชินี ไปแล้ว แต่ยังไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย ก่อนที่ โอเดจายี จะได้บอลจาก ไบรอัน ฮาวเวิร์ด หลุดเข้าไปยิงมุมแคบ ทว่ายังติดเซฟของ คูดิชินี อีก จบ 45 นาทีแรกจึงยังเสมอกันอยู่ที่ 0-0
กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งหลังเป็น เชลซี ที่เดินหน้าบุกหวังทำประตูลดความกดดัน นาทีที่ 48 มิชาเอล เอสเซียง จ่ายบอลเข้าเขตโทษให้ อเนลกา หักคืนกลับมาให้ โจ โคล หาจังหวะยิงด้วยซ้าย บอลไปแฉลบ โรเบิร์ต คอซลัค ที่สไลด์ดักทางออกหลังไป
จากนั้นนาทีที่ 57 ทีมเยือนน่าจะได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ขึ้นเกมมาทางขวาแล้วเปิดโด่งเลยมาถึงเสาสอง จอห์น เทอร์รี ดันสูงขึ้นมาโขกชงกลับมาให้ อเนลกา พักบอลลงแล้วซัดด้วยขวาแบบเน้น ทว่าถูก บ็อบบี ฮาสเซลล์ พุ่งเข้ามาขวางทำให้ลูกแฉลบข้ามคานออกไป
กระทั่งถึงนาทีที่ 66 บาร์นสลีย์ ก็สร้างความฮือฮาได้อีกครั้ง เมื่อเป็นฝ่ายทะลวงประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะที่ มาร์ติน เดวานีย์ โยนโค้งลึกไปที่หน้าปากประตู โอเดจายี เทกตัวขึ้นเบียดกับ คูดิชินี ซึ่งหัวหอกร่างใหญ่ชิงจังหวะได้เปรียบกว่าก่อนโหม่งบอลเข้าไปสัมผัสตาข่ายได้สำเร็จ
ทีมเยือนเริ่มอยู่เฉยไม่ได้ พยายามเปิดเกมรุกมากขึ้น นาทีที่ 76 ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ ได้บอลแถวเส้นเขตโทษก่อนจะม้วนหาจังหวะกดด้วยซ้าย แต่ลูกยังไม่เข้ากรอบ หลุดออกไปทางเสาแรก นาทีสุดท้าย เชลซี พาบอลเข้ามาชุลมุนในเขตโทษก่อนที่ อเนลกา จะคืนกลับมาให้ เทอร์รี่ ตะบันโด่งข้ามคาน จบเกม บาร์นสลีย์ สร้างปาฏิหาริย์เขี่ยแชมป์เก่าตกรอบด้วยชัยชนะ 1-0 ทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้อย่างพลิกความคาดหมาย
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
บาร์นสลีย์ – ลุค สตีล, สตีเฟน ฟอสเตอร์, โรเบิร์ต คอซลัค, บ็อบบี ฮาสเซลล์, มาร์เซียโน ฟาน โฮโมท, มาร์ติน เดวานีย์, จามาล แคมป์เบลล์-ไรซ์, ไบรอัน ฮาวเวิร์ด, คาโยเด โอเดจายี, อิสต์วาน เฟเรนซี, เดนนิส ซูซา
เชลซี – คาร์โล คูดิชินี, จูเลียโน เบลเล็ตติ, จอห์น เทอร์รี, ริคาร์โด คาร์วัลโญ, เวย์น บริดจ์, มิชาเอล เอสเซียง, มิชาเอล บัลลัค, ฟลอรองต์ มาลูดา, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, โจ โคล, นิโกลาส์ อเนลกา
ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม 2551
บาร์นสลีย์ 1 – 0 เชลซี
คู่ที่ 2 ของฟุตบอลถ้วยอันเก่าแก่ของเมืองผู้ดีประจำวันเสาร์ บาร์นสลีย์ ทีมระดับเดอะ แชมเปียนชิป ลงเล่นในสนามโอคเวลล์ กราวนด์ ของตัวเองต้อนรับ เชลซี ทีมหัวตารางของพรีเมียร์ลีก นัดนี้ ไซมอน ดาวีย์ ส่ง คาโยเด โอเดจายี ที่ยิงไม่ได้มานานถึง 29 นัด ลงเป็นหัวหอกตัวเป้าโดยที่ ไบรอัน ฮาวเวิร์ด กัปตันทีมผู้ทำประตูเขี่ย ลิเวอร์พูล ตกรอบเป็นคีย์แมนในแดนกลาง ส่วนทีมเยือนให้ ฟลอรองต์ มาลูดา ลงสนาม ส่วน นิโกลาส์ อเนลกา ทำหน้าที่ล่าตาข่าย
เปิดฉากมาได้ 2 นาทีเศษ เจ้าตูบเป็นฝ่ายสร้างโอกาสเข้าทำได้ก่อน โดย จามาล แคมป์เบลล์-ไรซ์ ไหลทะลุเข้าเขตโทษให้ ไบรอัน ฮาวเวิร์ด ครองบอลหลอกล่อหนึ่งทีก่อนยิงด้วยขวา บอลไปแฉลบ มิชาเอล เอสเซียง ที่ตามมาบล็อกออกหลังไป
จากนั้นก็ถึงทีของสิงโตน้ำเงินครามบ้าง ในนาทีที่ 15 ฟลอรองต์ มาลูด้า เปิดลูกเตะมุมจากด้านซ้ายเข้ามาถูกกองหลัง บาร์นสลีย์ โหม่งเคลียร์มาเข้าทาง โจ โคล ที่รออยู่จัดการหวดด้วยขวา บอลไปแฉลบ โอเดจายี่ เฉี่ยวเสาออกหลัง
เชลซี เกือบเสียท่าในนาทีที่ 22 เมื่อ โอเดจายี หัวหอกเจ้าถิ่นถูกกองหลังทีมเยือนรุมเข้ามาแย่งบอลก่อนที่จะไปแฉลบ จอห์น เทอร์รี กระดอนเข้าหา คาร์โล คูดิชินี ซึ่งนายด่านอิตาเลียนไม่กล้าใช้มือรับ แต่ไปพักบอลด้วยขาจนถูก โอเดจายี เข้ามาบีบ ทว่าลูกหลุดกรอบออกหลังไป เชลซี จึงรอดพ้นจากการเสียประตูอย่างหวุดหวิด
เจ้าตูบยังต่อกรกับสิงห์บลูส์ได้ดี นาทีที่ 37 อิสต์วาน เฟเรนซี ได้บอลจากการวางยาวขึ้นมาจากกลางสนามหลุดเข้าไปซัดในเขตโทษ บอลพุ่งผ่านการป้องกันของ คูดิชินี ไปแล้ว แต่ยังไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย ก่อนที่ โอเดจายี จะได้บอลจาก ไบรอัน ฮาวเวิร์ด หลุดเข้าไปยิงมุมแคบ ทว่ายังติดเซฟของ คูดิชินี อีก จบ 45 นาทีแรกจึงยังเสมอกันอยู่ที่ 0-0
กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งหลังเป็น เชลซี ที่เดินหน้าบุกหวังทำประตูลดความกดดัน นาทีที่ 48 มิชาเอล เอสเซียง จ่ายบอลเข้าเขตโทษให้ อเนลกา หักคืนกลับมาให้ โจ โคล หาจังหวะยิงด้วยซ้าย บอลไปแฉลบ โรเบิร์ต คอซลัค ที่สไลด์ดักทางออกหลังไป
จากนั้นนาทีที่ 57 ทีมเยือนน่าจะได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ขึ้นเกมมาทางขวาแล้วเปิดโด่งเลยมาถึงเสาสอง จอห์น เทอร์รี ดันสูงขึ้นมาโขกชงกลับมาให้ อเนลกา พักบอลลงแล้วซัดด้วยขวาแบบเน้น ทว่าถูก บ็อบบี ฮาสเซลล์ พุ่งเข้ามาขวางทำให้ลูกแฉลบข้ามคานออกไป
กระทั่งถึงนาทีที่ 66 บาร์นสลีย์ ก็สร้างความฮือฮาได้อีกครั้ง เมื่อเป็นฝ่ายทะลวงประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะที่ มาร์ติน เดวานีย์ โยนโค้งลึกไปที่หน้าปากประตู โอเดจายี เทกตัวขึ้นเบียดกับ คูดิชินี ซึ่งหัวหอกร่างใหญ่ชิงจังหวะได้เปรียบกว่าก่อนโหม่งบอลเข้าไปสัมผัสตาข่ายได้สำเร็จ
ทีมเยือนเริ่มอยู่เฉยไม่ได้ พยายามเปิดเกมรุกมากขึ้น นาทีที่ 76 ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ ได้บอลแถวเส้นเขตโทษก่อนจะม้วนหาจังหวะกดด้วยซ้าย แต่ลูกยังไม่เข้ากรอบ หลุดออกไปทางเสาแรก นาทีสุดท้าย เชลซี พาบอลเข้ามาชุลมุนในเขตโทษก่อนที่ อเนลกา จะคืนกลับมาให้ เทอร์รี่ ตะบันโด่งข้ามคาน จบเกม บาร์นสลีย์ สร้างปาฏิหาริย์เขี่ยแชมป์เก่าตกรอบด้วยชัยชนะ 1-0 ทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้อย่างพลิกความคาดหมาย
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
บาร์นสลีย์ – ลุค สตีล, สตีเฟน ฟอสเตอร์, โรเบิร์ต คอซลัค, บ็อบบี ฮาสเซลล์, มาร์เซียโน ฟาน โฮโมท, มาร์ติน เดวานีย์, จามาล แคมป์เบลล์-ไรซ์, ไบรอัน ฮาวเวิร์ด, คาโยเด โอเดจายี, อิสต์วาน เฟเรนซี, เดนนิส ซูซา
เชลซี – คาร์โล คูดิชินี, จูเลียโน เบลเล็ตติ, จอห์น เทอร์รี, ริคาร์โด คาร์วัลโญ, เวย์น บริดจ์, มิชาเอล เอสเซียง, มิชาเอล บัลลัค, ฟลอรองต์ มาลูดา, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, โจ โคล, นิโกลาส์ อเนลกา