xs
xsm
sm
md
lg

ถึงเวลา "ปิดบัญชีแค้น" พงษ์ศักดิ์เล็ก กระทิงแดงยิม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นับตั้งแต่สูญเสียเข็มขัดแชมป์โลกรุ่นฟลายเวต สภามวยโลก WBC ให้กับ ไนโตะ ไดสุเกะ ผู้ท้าชิงชาวญี่ปุ่นจากการชกป้องกันตำแหน่งไฟต์ที่ 18 ชื่อของ “เจ้ากร” พงษ์ศักดิ์เล็ก กระทิงแดงยิม ในฐานะฮีโร่ของคนไทยทั้งประเทศก็แทบเลือนหายไปจากความทรงจำว่าครั้งหนึ่งเคยมีนักมวยรุ่นเล็กที่ได้รับการบรรจุชื่อเข้าสู่หอเกียรติยศสภามวยโลก

หลังจากเสือเจ็บหลบเลียบาดแผลและซุ่มฟิตซ้อมจนมั่นใจในการกลับขึ้นสังเวียนอีกครั้งวันเสาร์ที่ 8 มีนาคม ณ สังเวียนเรียวโกกุ โกคุกิคัง กรุงโตเกียวเจ้ากรวางเดิมพันอีกครั้งเพื่อกระชากเข็มขัดแชมป์โลกที่เขาเคยเป็นเจ้าของมานานถึง 17 ไฟต์คืนจากคู่ปรับตลอดกาล ไนโตะ ไดสุเกะ

ย้อนภาพกลับไปในวันที่ความหวังบนเส้นทางสู่นักชกระดับตำนานยังเรืองรอง “เจ้ากร” ขึ้นเวทีเพื่อป้องกันตำแหน่งครั้งที่ 18 เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 50 ด้วยสภาพที่ทีมงานรอบข้างสู้ไม่ค่อยสบายใจนักและดูเหมือนว่าท่วงท่าและลีลาของเจ้ากรบนเวทีในวันนั้นจะยิ่งตอกย้ำความกังวลใจเข้าไปอีก เมื่อสิ้นเสียงระฆังยกที่ 12 กรรมการชูมือให้ ไดสุเกะ เป็นฝ่ายชนะคะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์ในวินาทีนั้นเจ้ากรไม่เพียงแค่เสียเข็มขัดแชมป์โลก แต่ยังสูญเสียโอกาสที่จะทำลายสถิติอันอยู่ยงคงกระพันธ์ของยอดนักชกในอดีต ไม่ว่าจะเป็นชัยชนะ 25 ไฟต์ของ โจ หลุยส์ ตำนานชาวอเมริกันผู้ล่วงลับ หรือแม้แต่ เขาทราย แกแล็คซี่ ฮีโร่ของคนไทยทั้งประเทศ ที่เคยรักษาเข็มขัดแชมป์ให้อยู่ในแผ่นดินไทยเอาไว้ได้ 19 ครั้ง

ยิ่งไปกว่านั้น จากที่เคยครองตำแหน่งขวัญใจของคนทั่วทั้งแผ่นดินสยาม พงษ์ศักดิ์เล็ก กลับถูกแฟนมวยจำนวนหนึ่งตำหนิอย่างรุนแรง ไม่ใช่เพราะความพ่ายแพ้ต่อคู่แข่งชาวยุ่น แต่เป็นเพราะฟอร์มการชกที่ไม่ดุดันเหมือนการป้องกันแชมป์ที่ผ่านมา 17 ไฟต์ก่อนหน้านี้

แต่ในวันที่ “เจ้ากร” พาสภาพร่างกายที่บอบช้ำกลับมาถึงเมืองไทยเขารู้ดีว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนในวงการนั้นเป็นในทิศทางที่ไม่ดีนัก แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ “อดีตแชมป์โลก” น้ำตาคลอและจดจำไม่ลืม คือเสียงปรบมือให้กำลังใจจากคนไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิ มันคือน้ำเลี้ยงหัวใจที่เจ้าตัวไม่คาดคิดและถึงกับอึ้งไปพักใหญ่ เวลานั้นเขาตอบแทนได้เพียงยกมือขึ้นมาไว้ และให้คำมั่นสัญญาว่าจะกลับไปเอาศักดิ์ศรีที่อยู่บนเข็มขัดเส้นดังกล่าวกลับคืนมาให้แฟนมวยชาวไทยให้ได้

เกือบ 8 เดือนที่พงษ์ศักดิ์เล็กเก็บตัวฟิตซ้อมอย่างมุ่งมั่น ตลอดเวลาเขาต้องเผชิญหน้ากับข่าวลือต่างๆที่เล็ดลอดออกมาจากค่าย “เพชรยินดี” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ “เสี่ยเน้า” วิรัตน์ วชิรรัตนวงศ์ แห่งค่ายเพชรยินดีบ๊อกซิ่ง อาจจะส่งเด็กในสังกัดอีก 2 รายอย่าง พนมรุ้งเล็ก หรือ ฉัตรชัย กระทิงแดงยิม ขึ้นชกชิงแชมป์แทน แต่ด้วยความมุ่งมั่น สุดท้าย “เสี่ยเน้า” ก็ต้องยอมให้กับนักชกหัวใจแกร่งรายนี้

นับจากนี้เหลือเวลาอีกไม่ถึง 24 ชั่วโมง “เจ้ากร” กำลังจะหวนขึ้นผืนผ้าใบอีกครั้ง แม้ว่าหนนี้จะไม่มีสถิติใดให้ทำลาย แต่เขารู้อยู่แก่ใจว่านี่คือไฟต์สำคัญในชีวิตเพราะมันคือการเรียกศักดิ์ศรีของตนเองในฐานะอดีตแชมป์โลกคืนมา รวมไปถึงการรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับคนไทย

แม้ว่า “พงษ์ศักดิ์เล็ก” จะถูกเสียงวิพากษ์วิจารณ์นอกสนามถึงช่วงวัยที่ใกล้จะหมดอายุการใช้งาน แต่เจ้าตัวไม่ได้ปล่อยให้เรื่องดังกล่าวมาบ่อนทำลายจิตใจ ถึงแม้เกจิริมสังเวียนมองอนาคตของ อดีตแชมป์โลกรายนี้ว่านี่อาจจะเป็นไฟต์สุดท้ายที่จะได้ขึ้นโชว์เพลงหมัดบนสังเวียนผ้าใบและถ้าผลการชกไม่ได้จบลงด้วยชัยชนะ อาจหมายถึงการปิดฉากอาชีพค้ากำปั้นที่ไม่สวยหรูนัก

ชีวิตที่ผ่านมาแล้วทุกรูปแบบ ในฐานะอดีตแชมป์โลกที่สามารถป้องกันเข็มขัดได้ถึง 17 ครั้งติดต่อกัน ประสบการณ์สอนให้เขารู้ว่าการเตรียมตัวที่ดีเท่านั้นจะทำให้เขาขึ้นสังเวียนด้วยความมั่นใจ และตลอดเวลาที่ผ่านมา “เจ้ากร” ผ่านการลงนวมไปกว่า 150 ยก ตลอด 2 เดือนของการเก็บตัวถึงเวลานี้เขามั่นใจอย่างเป็นที่สุดว่าแชมป์โลกรุ่นฟลายเวตสภามวยโลกต้องกลับมาอยู่บนแผ่นดินไทยได้อีกครั้ง

จะว่าไปแล้วการขึ้นเวทีฟาดกำปั้นในครั้งนี้ ไม่ได้มีแต่ นักชกชาวไทยเท่านั้นที่ต้องแบกความรับผิดชอบไว้บนสองบ่า “ไนโตะ ไดสุเกะ” ในฐานะเจ้าของเข็มขัดคนปัจจุบันมีสถานะไม่แตกต่างจาก “เจ้ากร” สักเท่าไรนักด้วยอายุปัจจุบันที่มากถึง 33 ปี หากพ่ายแพ้ก็คงกลับมาเอาดีบนถนนสายกำปั้นได้ยากและเจ้าตัวก็ออกมายอมรับเองว่า หากเสียแชมป์ให้พงษ์ศักดิ์เล็ก จะขอแขวนนวมแล้วเบนเข็มไปเข้าวงการบันเทิงเป็นดาราแทน กระนั้นแชมป์โลกชาวซามูไรยังเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเองว่ามีดีพอที่จะเอาชนะเจ้ากรได้อีกเป็นครั้งที่ 2

การพบกันระหว่าง “พงษ์ศักดิ์เล็ก” กับ “ไดสุเกะ” นั้นเปรียบไปก็เหมือนมวยที่รู้ทางกันเป็นอย่างดีเพราะต่างก็เคยแพ้ชนะกันมาแล้ว แต่ทั้งหมดคือการต่อสู้ในอดีต สำหรับนัดนี้ความสำคัญนั้นต่างกันลับกับ เพราะเดิมพันชัยชนะไม่ได้มีแต่เพียงเข็มขัดและตำแหน่งแชมป์โลกหากแต่หมายถึงการเรียก “ศรัทธา” คืนจากแฟนมวยที่ครั้งหนึ่งเคยยกให้เขาเป็น “ฮีโร่” ของคนไทยนั่นเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น