เท็ดดี้ เชอริงแฮม กองหน้ารุ่นลายครามของ โคลเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศยุติอาชีพการค้าแข้งหลังจบฤดูกาลนี้ หลังจากที่โลดแล่นอยู่ในวงการฟุตบอลมานานถึง 26 ปี
อดีตดาวยิงทีมชาติอังกฤษซึ่งกำลังจะมีอายุครบ 42 ปี ในวันที่ 2 เมษายนที่จะถึงนี้ ปัจจุบันค้าแข้งให้กับ โคลเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับรองสุดท้ายของศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิป ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงการตัดสินใจแขวนสตั๊ด เมื่อวันเสาร์ที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา
ซึ่ง “น้าหมี” แถลงว่า “หลังจากที่ผมสนุกสนานกับการเป็นนักฟุตบอลอาชีพมาอย่างยาวนาน บัดนี้มันถึงเวลาแล้วที่ผมจะตัดสินใจว่านี่คือฤดูกาลสุดท้ายในอาชีพของผม ผมมีช่วงเวลาอันน่าอัศจรรย์นับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งผมต้องขอขอบคุณทุกๆ คนที่ให้การสนับสนุนผมเป็นอย่างดีตลอดเวลาที่ผ่านมา”
“ความจริงพ่อผมต้องการเห็นผมทำลายสถิติค้าแข้งของ เซอร์ สแตนลีย์ แม็ทธิวส์ ที่เลิกเล่นเมื่ออายุ 50 ปี แต่ฤดูกาลนี้คงถึงเวลาอันควรแล้วที่จะยุติอาชีพของผม ผมยังไม่ตัดสินใจในตอนนี้ว่าจะหันไปจับงานผู้จัดการทีมหรือไม่ แต่ฟุตบอลเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมาโดยตลอด และผมหวังว่าจะได้กลับคืนสู่วงการนี้อีกครั้งในอนาคต ทว่าเวลานี้หน้าที่ของผมคือช่วยให้ โคลเชสเตอร์ อยู่รอดใน เดอะ แชมเปี้ยนชิป ให้ได้”
สำหรับ เชอริงแฮม เริ่มต้นค้าแข้งให้กับ มิลล์วอลล์ ในปี 1982 จากนั้น ไบรอัน คลัฟ กุนซือระดับปรมาจารย์ก็ดึงตัวไปยัง น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ในปี 1991 ก่อนที่จะย้ายสู่ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ในปีถัดมาแล้วจึงโยกไปเข้าสังกัด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 1997 ก่อนจะมีส่วนในความสำเร็จของ “ปิศาจแดง” ในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 1999
ในปี 2001 “น้าหมี” ย้ายกลับ สเปอร์ส เป็นหนที่ 2 ก่อนจะเปลี่ยนสโมสรอีกครั้งในปี 2003 ด้วยการย้ายซบ ปอร์ทสมัธ ตามด้วย เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในปีต่อมา ก่อนถูกขุนค้อนปล่อยฟรีในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาแล้วจึงลงเอยที่ โคลเชสเตอร์ โดยสามารถพังประตูตลอดอาชีพนักฟุตบอลไปถึง 361 ลูกด้วยกัน
อดีตดาวยิงทีมชาติอังกฤษซึ่งกำลังจะมีอายุครบ 42 ปี ในวันที่ 2 เมษายนที่จะถึงนี้ ปัจจุบันค้าแข้งให้กับ โคลเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับรองสุดท้ายของศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิป ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงการตัดสินใจแขวนสตั๊ด เมื่อวันเสาร์ที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา
ซึ่ง “น้าหมี” แถลงว่า “หลังจากที่ผมสนุกสนานกับการเป็นนักฟุตบอลอาชีพมาอย่างยาวนาน บัดนี้มันถึงเวลาแล้วที่ผมจะตัดสินใจว่านี่คือฤดูกาลสุดท้ายในอาชีพของผม ผมมีช่วงเวลาอันน่าอัศจรรย์นับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งผมต้องขอขอบคุณทุกๆ คนที่ให้การสนับสนุนผมเป็นอย่างดีตลอดเวลาที่ผ่านมา”
“ความจริงพ่อผมต้องการเห็นผมทำลายสถิติค้าแข้งของ เซอร์ สแตนลีย์ แม็ทธิวส์ ที่เลิกเล่นเมื่ออายุ 50 ปี แต่ฤดูกาลนี้คงถึงเวลาอันควรแล้วที่จะยุติอาชีพของผม ผมยังไม่ตัดสินใจในตอนนี้ว่าจะหันไปจับงานผู้จัดการทีมหรือไม่ แต่ฟุตบอลเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมาโดยตลอด และผมหวังว่าจะได้กลับคืนสู่วงการนี้อีกครั้งในอนาคต ทว่าเวลานี้หน้าที่ของผมคือช่วยให้ โคลเชสเตอร์ อยู่รอดใน เดอะ แชมเปี้ยนชิป ให้ได้”
สำหรับ เชอริงแฮม เริ่มต้นค้าแข้งให้กับ มิลล์วอลล์ ในปี 1982 จากนั้น ไบรอัน คลัฟ กุนซือระดับปรมาจารย์ก็ดึงตัวไปยัง น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ในปี 1991 ก่อนที่จะย้ายสู่ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ในปีถัดมาแล้วจึงโยกไปเข้าสังกัด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 1997 ก่อนจะมีส่วนในความสำเร็จของ “ปิศาจแดง” ในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 1999
ในปี 2001 “น้าหมี” ย้ายกลับ สเปอร์ส เป็นหนที่ 2 ก่อนจะเปลี่ยนสโมสรอีกครั้งในปี 2003 ด้วยการย้ายซบ ปอร์ทสมัธ ตามด้วย เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในปีต่อมา ก่อนถูกขุนค้อนปล่อยฟรีในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาแล้วจึงลงเอยที่ โคลเชสเตอร์ โดยสามารถพังประตูตลอดอาชีพนักฟุตบอลไปถึง 361 ลูกด้วยกัน
