xs
xsm
sm
md
lg

‘สเกาท์’ ปีเตอร์ วิธ สัญญาณเตือนถึง “โค้ชหรั่ง”?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หลังจากที่ขุนพลนักเตะทีมชาติไทยบุกไปพ่ายทีมชาติญี่ปุ่นอย่างขาดลอย 1-4 ในศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดคำถามขึ้นมากมายเกี่ยวกับการทำการบ้านศึกษาข้อมูลคู่แข่งขันของเหล่าสตาฟฟ์โค้ชไทยที่มี "โค้ชหรั่ง" ชาญวิทย์ ผลชีวิน เป็นหัวหน้าทีมโดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานที่พ่ายถึง 1-4 ในสนามที่ไซตามะคล้ายจะประจานให้เห็นว่า ทีมไทยเตรียมความพร้อมมากน้อยเพียงใด ขณะที่ฟากญี่ปุ่นนั้นเดินทางมาศึกษาข้อมูลของนักเตะไทยทุกรายรวมไปถึงแผนการเล่นของไทยอย่างละเอียด แม้ในยามที่ขุนพลนักเตะไทยบินไปเก็บตัวที่ประเทศอังกฤษในแคมป์ของสโมสร"เรือใบสีฟ้า"แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก่อนเกมนัดแรก เหล่าสื่อมวลชนและสตาฟฟ์ญี่ปุ่นยังเดินทางตามไปเก็บข้อมูลถึงประเทศอังกฤษ

ทั้งนี้สองสัปดาห์หลังจากความพ่ายแพ้อันย่อยยับ ทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยนำโดย "บังยี"วรวีร์ มะกูดี พยายามจะแก้ไขข้อผิดพลาดด้วยการประสานให้ ปีเตอร์ วิธ อดีตหัวหน้าโค้ชทีมชาติไทยกลับเข้ามาทำหน้าที่ในทีมชาติไทยอีกครั้งในฐานะ "สเกาท์"หรือแมวมอง ซึ่งมีหน้าที่ศึกษาข้อมูลของนักเตะทีมชาติโอมานคู่แข่งร่วมกลุ่มของไทยในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ในเกมที่โอมานมีคิวอุ่นเครื่องในบ้านกับทีมชาติเยเมนในวันที่ 15 มีนาคม และเกมกับทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ในวันที่ 19 มีนาคม เพื่อที่จะช่วยทีมชาติไทยในการไปสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ให้ได้

โดยการแต่งตั้ง ปีเตอร์ วิธ ในครั้งนี้ แม้ว่าจะมีการยืนยันจาก ''บิ๊กโต้ง''กิตติรัตน์ ณ ระนอง ผู้จัดการทีมและ วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฯ ว่าอดีตกุนซือทีมชาติไทยชาวอังกฤษรายนี้จะเข้ามาทำหน้าที่เพียงระยะสั้นๆเพียงเท่านั้น แต่กระแสข่าวที่ว่า ปีเตอร์ วิธจะกลับมาคุมทัพทีมชาติไทยแทน"โค้ชหรั่ง"ชาญวิทย์ ผลชีวิน หัวหน้าโค้ชทีมชาติไทยชุดปัจจุบันกลับยังไม่หมดไปเสียทีเดียว

เหตุแห่งข่าวลือดังกล่าวน่าจะเกิดขึ้นเพราะผลงานในอดีตของ ปีเตอร์ วิธ กับฝีมือการคุมทัพทีมชาติไทยนั้นเป็นรูปธรรม และจับต้องได้มากกว่า "อาจารย์หรั่ง" เพราะวิธ เคยนำทีมไทยเข้าถึงรอบ 10 ทีมสุดท้ายในศึกฟุตบอลโลกปี 2002 รอบคัดเลือกรอบที่ 2 โซนเอเชียมาแล้ว อีกทั้งตลอดเวลา 4 ปี (2541-2545) ที่ วิธ เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย กุนซือเลือดผู้ดีรายนี้ได้ฝากผลงานในระดับเอเชียไว้ให้กับทีมชาติไทยไว้หลายรายการ

อาทิ เช่น แชมป์ไทเกอร์(อาเซียนคัพ) 2 ครั้งในปี 2543 และ 2545 รวมไปถึงการนำทีมไทยเข้ารอบ 4 ทีมสุดท้าย กีฬาเอเชียนเกมส์ได้ถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรก เมื่อปี 2541 ที่ประเทศไทย และครั้งที่ 2 ที่ปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ ในปี 2545 อีกทั้งในช่วงที่ วิธ คุมทีมนั้นทีมชาติไทยเคยขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 43 ของโลกในการจัดอันดับโลกของฟีฟ่ามาแล้ว ซึ่งเป็นอันดับที่สูงสุดในประวัติศาสตร์ทีมชาติไทยอีกด้วย

ในขณะที่ผลงานของ"โค้ชหรั่ง"ที่เข้ามาคุมทีมตั้งแต่ปี 2547 นั้นยังไม่มีอะไรที่โดดเด่นชัดเจน นอกจากรูปแบบการเล่นที่หลากหลาย โดยผลงานที่ดีที่สุดของ อาจารย์หรั่ง คือการนำทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 23 ปี คว้าเหรียญทองกีฬาซีเกมส์ที่ประเทศฟิลิปปินส์ในปี 2548 ต่อด้วยการพาทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 15 เมื่อปี 2549 ที่กรุงโดฮาประเทศกาตาร์ ในขณะแชมป์มาตรฐานที่ไทยต้องได้อย่าง อาเซียน คัพ เมื่อต้นปี 2550 นั้น อาจารย์หรั่งทำทีมได้เพียงแค่รองแชมป์เท่านั้น ขณะที่ผลงานในรายการใหญ่อย่างศึกเอเชียนคัพซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพเมื่อปีที่ผ่านมานั้น แม้ว่าจะทำผลงานในสนามได้ดี แต่ว่าสุดท้ายแล้วทีมชาติไทยก็ตกรอบแรกตามเคย และปัจจุบันของทีมชาติไทยนั้นอยู่ในอันดับที่ 92 ของโลก

เมื่อสอบถามไปยังนักเตะที่เคยร่วมงานกับ ปีเตอร์ วิธ อย่าง ตะวัน ศรีปาน กัปตันทีมชาติไทยคนปัจจุบัน ได้กล่าวเปรียบเทียบถึงจุดเด่นในการคุมทีมของโค้ชทั้งสองรายไว้ว่า"สำหรับการทำทีมของโค้ชหรั่งนั้นมีจุดเด่นอยู่ที่รูปแบบการเล่นที่หลากหลาย สามารถบุกเจาะทำประตูได้ในหลายทาง ทำให้นักเตะมีอิสระในความคิด และการเล่น ส่วน ปีเตอร์วิธ นั้นมีจุดเด่นอยู่ที่มีจิตวิทยาในการกระตุ้นลูกทีมค่อนข้างสูง ซึ่งมันทำให้ลูกทีมมีจิตใจฮึกเหิมก่อนลงสู่สนาม อีกทั้งวิธยังอ่าน และปรับเกมได้ดีอีกด้วย"

ทางด้าน "โค้ชหรั่ง" ชาญวิทย์ ผลชีวิน ได้กล่าวถึงการแต่งตั้ง ปีเตอร์ วิธ ให้เข้ามาทำหน้าที่เพื่อช่วยทีมชาติอีกแรงว่า "ผมไม่รู้สึกกดดันใดๆเลยในการแต่งตั้งปีเตอร์ วิธ เข้ามาทำหน้าที่เป็นสเกาท์ของทีมชาติไทย เพราะหน้าที่ของผม คือหัวหน้าโค้ช ส่วนวิธ คือ สเกาท์ ผมเองกลับคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีมากที่ได้คนที่มีฝีมือ มีคุณภาพมาช่วยกันพาทีมชาติไทยไปฟุตบอลโลก"

สำหรับการแต่งตั้งปีเตอร์ วิธ เข้ามาทำหน้าที่สเกาท์ของทีมชาติในเวลานี้อาจไม่ได้สร้างความกดดันให้กับโค้ชหรั่งในการคุมทีมแต่อย่างใด แต่ด้วยผลงานในอดีตเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ประกอบกับการที่ทีมชาติไทยต้องการกำลังใจและแรงกระตุ้นเพื่อให้ไปถึงฟุตบอลโลก 2010 รอบสุดท้ายให้ได้ การแต่งตั้งวิธเข้ามาอาจเป็นการส่งสัญญาณเตือนบางอย่างให้โค้ชหรั่งว่าต้องเร่งทำผลงานในนัดต่อๆไปให้ดี มิเช่นนั้นคนที่ทำหน้าที่สเกาท์จากอังกฤษรายนี้อาจจะหวนกลับมาคุมทีมชาติไทยลุยศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกในนัดที่เหลืออยู่ก็เป็นได้

ผลงานเด่นของปีเตอร์ วิธ (2541-2545)
-พาทีมชาติไทยเข้าถึงรอบ 10 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก 2002 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย
-แชมป์ไทเกอร์คัพ(อาเซียนคัพ) 2 สมัย 2543, 2545
-พาทีมชาติไทยเข้าถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายเอเชียนเกมส์ 2 ครั้ง ปี 2541, 2545
- ในช่วงที่คุมทีมทำอันดับโลกของทีมชาติไทยขึ้นไปถึงอันดับที่ 43 ของโลก

ผลงานเด่นของ"โค้ชหรั่ง" ชาญวิทย์ ผลชีวิน (2547-ปัจจุบัน)
-พาทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 23 ปีเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเอเชียนส์เกมส์ 2549
-แชมป์ซีเกมส์(ชุดยู 23) 1 สมัย 2548
-รองแชมป์อาเซียนคัพ 2550



กำลังโหลดความคิดเห็น