เชลซี บุกไปเฉือนชนะ วีแกน แอธเลติก แบบหวุดหวิด 2-1 ในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 4 เมื่อวันเสาร์ที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา โดยที่ นิโกลาส์ อเนลกา ดาวยิงค่าตัวแพงชาวฝรั่งเศสสามารถเบิกสกอร์แรกในสีเสื้อสิงห์บลูส์ได้ในนัดนี้ด้วย
ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 4 วันเสาร์ที่ 26 มกราคม 2551
วีแกน แอธเลติก 1 – 2 เชลซี
ศึกลูกหนังอันเก่าแก่ของอังกฤษ รอบ 4 คู่สุดท้ายประจำคืนวันเสาร์ วีแกน แอธเลติก ลงเล่นในถิ่น เจเจบี สเตเดียม ของตัวเองรับมือ เชลซี นัดนี้ สตีฟ บรูซ ยังยึดตัวผู้เล่นจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเกือบทั้งหมด มีเพียง ไรอัน เทย์เลอร์ เท่านั้นที่ได้รับโอกาสลงเล่นแทน เดนนี่ ลันด์ซาท ที่ย้ายกลับฮอลแลนด์ไปอยู่กับ เฟเยนูร์ด ร็อตเตอร์ดัม
ส่วน อัฟราม แกรนท์ มีการปรับทัพในแผงกลางพอสมควรโดยไม่มีชื่อของ มิชาเอล บัลลัค จอมทัพทีมชาติเยอรมนี ทำให้ สตีฟ ซิดเวลล์ ถูกส่งลงสนาม ขณะเดียวกัน ฟลอรองต์ มาลูดา ก็ถูกถอยต่ำลงมาเป็นมิดฟิลด์ตัวรุก พร้อมทั้งให้ โจ โคล กับ ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ เลื้อยทางกราบขนาบข้าง นิโกลาส์ อเนลกา ที่รับบทกองหน้าตัวเป้า
เปิดฉากมาได้เพียง 50 วินาที อาคันตุกะจากลอนดอนก็หาโอกาสทักทายได้ก่อนจากการต่อบอลอันไหลลื่นจากกลางสนามเริ่มที่ มาลูด้า จนถึง ซิดเวลล์ สุดท้ายเป็น โจ โคล ที่โยกหาช่องสับไกด้วยขวา แต่บอลโค้งไม่พอจึงเฉี่ยวเสาออกไป
เดอะ ลาติกส์ พยายามตั้งเกมสู้กับ สิงห์บลูส์ นาทีที่ 26 เฮสกีย์ ฉกบอลมาได้ก่อนจ่ายทะลุช่องให้ เบนท์ หลุดเข้าไปในเขตโทษแล้วกำลังจะง้างเท้ายิง ทว่า เวย์น บริดจ์ ยังถอยกลับมาจิ้มทิ้งออกหลังได้ทันเวลา จากนั้น 4 นาที ไรอัน เทย์เลอร์ กระดกบอลให้ เบนท์ แตะหาช่องซัดจากนอกกรอบ แต่ลูกโด่งข้ามคานออกไปพอสมควร
ผ่านมาถึงนาทีที่ 43 เชลซี ได้ลุ้นเจาะตาข่ายอีกครั้งหนึ่งด้วยลูกวางยาวลอยมาถึงหน้าเขตโทษ อเนลก้า โหม่งตั้งคืนกลับมาให้ โจ โคล เข้ามาใส่ด้วยขวา แต่ยิงบดเกินไปลูกจึงพุ่งเรียดหลุดเสาซ้ายมือ จบครึ่งแรกยังเสมอกันอยู่ที่ 0-0
เข้าสู่ครึ่งหลังในนาทีที่ 55 สิงห์บลูส์ก็เป็นฝ่ายทำให้สกอร์บอร์ดได้ทำงาน เมื่อ จูเลียโน เบลเลตติ วางบอลยาวแถวเส้นครึ่งสนามข้ามแผงหลัง วีแกน ให้ อเนลกา อาศัยความเร็วพุ่งเข้าแหย่เท้าจิ้มบอลสวนตัว คริส เคิร์กแลนด์ ที่พยายามออกมารับบอลเข้าซองตุงตาข่าย เป็นประตูขึ้นนำ 1-0 ของทีมเยือนและเป็นลูกแรกในสีเสื้อ เชลซี ของ “นิโก้” ด้วย
หลังจากเสียประตู เดอะ ลาติกส์ ก็เกือบทวงคืนได้ทันควันจากการสับไกของ เฮสกีย์ ในนาทีที่ 57 แต่ยังไม่ผ่านการป้องกันของ ปีเตอร์ เช็ก ล่วงมาถึงนาทีที่ 78 เชลซี น่าจะได้ประตูที่สองเป็นอย่างยิ่งจากจังหวะที่ โจ โคล กระชากหนี เควิน คิลบาน ทางด้านขวาก่อนตักโด่งมาถึงเสาสองให้ มาลูด้า วอลเลย์ด้วยขวาจ่อๆ ที่ระยะ 7 หลา แต่กลับซัดข้ามคานอย่างไม่น่าเชื่อ
กระนั้น สิงห์บลูส์ ก็สามารถขึ้นนำเป็น 2-0 จนได้นาทีที่ 82 จากลูกสาดยาวจากแดนหลัง อเนลกา อาศัยชั้นเชิงเบียดจน คิลบาน เสียหลักก่อนพาบอลเข้าเขตโทษด้านซ้ายแล้วจ่ายออกมุมกว้างให้ ไรท์-ฟิลลิปส์ วิ่งเข้ามาแปลอดขา เคิร์กแลนด์ เข้าไปสัมผัสตาข่าย อย่างไรก็ตาม วีแกน ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เมื่อไล่ขึ้นมาเป็น 1-2 ในนาทีที่ 88 จากลูกวอลเลย์นอกเขตโทษอันเหนือชั้นของ อองตวน ซิเบียร์สกี กองหน้าตัวสำรองที่พุ่งเสียบใต้คานชนิด ปีเตอร์ เช็ก หมดสิทธิ์เซฟ
เจ้าบ้านเกือบตีเสมอได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้ายจากลูกฮาล์ฟวอลเลย์มุมแคบของ มาร์คัส เบนท์ ทว่าบอลพุ่งชนคานออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย หมดเวลา 90 นาที เชลซี จึงเป็นฝ่ายบุกมาเฉือนชนะ วีแกน ถึงถิ่น 2-1 ลอยลำเข้าสู่รอบ 5 ของศึกเอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
วีแกน แอธเลติก – คริส เคิร์กแลนด์, มาริโอ เมลชอต, ไตตัส บรัมเบิล, พอล ชาร์เนอร์, เควิน คิลบาน, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ไมเคิล บราวน์, วิลสัน ปาลาซิออส, ไรอัน เทย์เลอร์, มาร์คัส เบนท์, เอมิล เฮสกีย์
เชลซี – ปีเตอร์ เช็ก, จูเลียโน่ เบลเลตติ, ริคาร์โด คาร์วัลโญ, อเล็กซ์, เวย์น บริดจ์, โคลด มาเกเลเล่, สตีฟ ซิดเวลล์, ฟลอรองต์ มาลูดา, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, โจ โคล, นิโกลาส์ อเนลกา
ผลฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 4
แมนสฟิลด์ ทาวน์ แพ้ มิดเดิลสโบรช์ 0-2
อาร์เซนอล ชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 3-0
บาร์เน็ต แพ้ บริสตอล โรเวอร์ส 0-1
โคเวนทรี ซิตี ชนะ มิลล์วอลล์ 2-1
ดาร์บี เคาน์ตี แพ้ เปรสตัน นอร์ธ เอนด์ 1-4
ลิเวอร์พูล ชนะ ฮาแวนต์ แอนด์ วอเตอร์ลูวิลล์ 5-2
โอลด์แฮม แอธเลติก แพ้ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ 0-1
ปีเตอร์โบโร ยูไนเต็ด แพ้ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน 0-3
ปอร์ทสมัธ ชนะ พลีมัธ อาร์ไกล์ 2-1
เซาธ์แฮมป์ตัน ชนะ บิวรี 2-0
วัตฟอร์ด แพ้ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 1-4
วีแกน แอธเลติก แพ้ เชลซี 1-2
ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 4 วันเสาร์ที่ 26 มกราคม 2551
วีแกน แอธเลติก 1 – 2 เชลซี
ศึกลูกหนังอันเก่าแก่ของอังกฤษ รอบ 4 คู่สุดท้ายประจำคืนวันเสาร์ วีแกน แอธเลติก ลงเล่นในถิ่น เจเจบี สเตเดียม ของตัวเองรับมือ เชลซี นัดนี้ สตีฟ บรูซ ยังยึดตัวผู้เล่นจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเกือบทั้งหมด มีเพียง ไรอัน เทย์เลอร์ เท่านั้นที่ได้รับโอกาสลงเล่นแทน เดนนี่ ลันด์ซาท ที่ย้ายกลับฮอลแลนด์ไปอยู่กับ เฟเยนูร์ด ร็อตเตอร์ดัม
ส่วน อัฟราม แกรนท์ มีการปรับทัพในแผงกลางพอสมควรโดยไม่มีชื่อของ มิชาเอล บัลลัค จอมทัพทีมชาติเยอรมนี ทำให้ สตีฟ ซิดเวลล์ ถูกส่งลงสนาม ขณะเดียวกัน ฟลอรองต์ มาลูดา ก็ถูกถอยต่ำลงมาเป็นมิดฟิลด์ตัวรุก พร้อมทั้งให้ โจ โคล กับ ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ เลื้อยทางกราบขนาบข้าง นิโกลาส์ อเนลกา ที่รับบทกองหน้าตัวเป้า
เปิดฉากมาได้เพียง 50 วินาที อาคันตุกะจากลอนดอนก็หาโอกาสทักทายได้ก่อนจากการต่อบอลอันไหลลื่นจากกลางสนามเริ่มที่ มาลูด้า จนถึง ซิดเวลล์ สุดท้ายเป็น โจ โคล ที่โยกหาช่องสับไกด้วยขวา แต่บอลโค้งไม่พอจึงเฉี่ยวเสาออกไป
เดอะ ลาติกส์ พยายามตั้งเกมสู้กับ สิงห์บลูส์ นาทีที่ 26 เฮสกีย์ ฉกบอลมาได้ก่อนจ่ายทะลุช่องให้ เบนท์ หลุดเข้าไปในเขตโทษแล้วกำลังจะง้างเท้ายิง ทว่า เวย์น บริดจ์ ยังถอยกลับมาจิ้มทิ้งออกหลังได้ทันเวลา จากนั้น 4 นาที ไรอัน เทย์เลอร์ กระดกบอลให้ เบนท์ แตะหาช่องซัดจากนอกกรอบ แต่ลูกโด่งข้ามคานออกไปพอสมควร
ผ่านมาถึงนาทีที่ 43 เชลซี ได้ลุ้นเจาะตาข่ายอีกครั้งหนึ่งด้วยลูกวางยาวลอยมาถึงหน้าเขตโทษ อเนลก้า โหม่งตั้งคืนกลับมาให้ โจ โคล เข้ามาใส่ด้วยขวา แต่ยิงบดเกินไปลูกจึงพุ่งเรียดหลุดเสาซ้ายมือ จบครึ่งแรกยังเสมอกันอยู่ที่ 0-0
เข้าสู่ครึ่งหลังในนาทีที่ 55 สิงห์บลูส์ก็เป็นฝ่ายทำให้สกอร์บอร์ดได้ทำงาน เมื่อ จูเลียโน เบลเลตติ วางบอลยาวแถวเส้นครึ่งสนามข้ามแผงหลัง วีแกน ให้ อเนลกา อาศัยความเร็วพุ่งเข้าแหย่เท้าจิ้มบอลสวนตัว คริส เคิร์กแลนด์ ที่พยายามออกมารับบอลเข้าซองตุงตาข่าย เป็นประตูขึ้นนำ 1-0 ของทีมเยือนและเป็นลูกแรกในสีเสื้อ เชลซี ของ “นิโก้” ด้วย
หลังจากเสียประตู เดอะ ลาติกส์ ก็เกือบทวงคืนได้ทันควันจากการสับไกของ เฮสกีย์ ในนาทีที่ 57 แต่ยังไม่ผ่านการป้องกันของ ปีเตอร์ เช็ก ล่วงมาถึงนาทีที่ 78 เชลซี น่าจะได้ประตูที่สองเป็นอย่างยิ่งจากจังหวะที่ โจ โคล กระชากหนี เควิน คิลบาน ทางด้านขวาก่อนตักโด่งมาถึงเสาสองให้ มาลูด้า วอลเลย์ด้วยขวาจ่อๆ ที่ระยะ 7 หลา แต่กลับซัดข้ามคานอย่างไม่น่าเชื่อ
กระนั้น สิงห์บลูส์ ก็สามารถขึ้นนำเป็น 2-0 จนได้นาทีที่ 82 จากลูกสาดยาวจากแดนหลัง อเนลกา อาศัยชั้นเชิงเบียดจน คิลบาน เสียหลักก่อนพาบอลเข้าเขตโทษด้านซ้ายแล้วจ่ายออกมุมกว้างให้ ไรท์-ฟิลลิปส์ วิ่งเข้ามาแปลอดขา เคิร์กแลนด์ เข้าไปสัมผัสตาข่าย อย่างไรก็ตาม วีแกน ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เมื่อไล่ขึ้นมาเป็น 1-2 ในนาทีที่ 88 จากลูกวอลเลย์นอกเขตโทษอันเหนือชั้นของ อองตวน ซิเบียร์สกี กองหน้าตัวสำรองที่พุ่งเสียบใต้คานชนิด ปีเตอร์ เช็ก หมดสิทธิ์เซฟ
เจ้าบ้านเกือบตีเสมอได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้ายจากลูกฮาล์ฟวอลเลย์มุมแคบของ มาร์คัส เบนท์ ทว่าบอลพุ่งชนคานออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย หมดเวลา 90 นาที เชลซี จึงเป็นฝ่ายบุกมาเฉือนชนะ วีแกน ถึงถิ่น 2-1 ลอยลำเข้าสู่รอบ 5 ของศึกเอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
วีแกน แอธเลติก – คริส เคิร์กแลนด์, มาริโอ เมลชอต, ไตตัส บรัมเบิล, พอล ชาร์เนอร์, เควิน คิลบาน, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ไมเคิล บราวน์, วิลสัน ปาลาซิออส, ไรอัน เทย์เลอร์, มาร์คัส เบนท์, เอมิล เฮสกีย์
เชลซี – ปีเตอร์ เช็ก, จูเลียโน่ เบลเลตติ, ริคาร์โด คาร์วัลโญ, อเล็กซ์, เวย์น บริดจ์, โคลด มาเกเลเล่, สตีฟ ซิดเวลล์, ฟลอรองต์ มาลูดา, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, โจ โคล, นิโกลาส์ อเนลกา
ผลฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 4
แมนสฟิลด์ ทาวน์ แพ้ มิดเดิลสโบรช์ 0-2
อาร์เซนอล ชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 3-0
บาร์เน็ต แพ้ บริสตอล โรเวอร์ส 0-1
โคเวนทรี ซิตี ชนะ มิลล์วอลล์ 2-1
ดาร์บี เคาน์ตี แพ้ เปรสตัน นอร์ธ เอนด์ 1-4
ลิเวอร์พูล ชนะ ฮาแวนต์ แอนด์ วอเตอร์ลูวิลล์ 5-2
โอลด์แฮม แอธเลติก แพ้ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ 0-1
ปีเตอร์โบโร ยูไนเต็ด แพ้ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน 0-3
ปอร์ทสมัธ ชนะ พลีมัธ อาร์ไกล์ 2-1
เซาธ์แฮมป์ตัน ชนะ บิวรี 2-0
วัตฟอร์ด แพ้ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 1-4
วีแกน แอธเลติก แพ้ เชลซี 1-2