“คีแกน-เชียเรอร์” ดับเบิลทีมแค่ในฝัน?

แม้จะประเดิมงานชิ้นแรกได้ไม่สวยหรูสมกับที่บรรดาทูน อาร์มี่ รอคอยการกลับคืนสู่เหย้าอีกครั้งของฮีโร่อย่าง เควิน คีแกน ที่หาญกล้าขันอาสาพา นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ทีมต้องคำสาปแห่งศึกพรีเมียร์ชิป อังกฤษ ผ่านพ้นวิกฤตในฤดูกาลนี้ด้วยการเสมอกับ โบลตัน วันเดอเรอร์ส ไปแบบไร้สกอร์ 0-0 แต่ก็ยังพออนุโลมได้ว่าการเดินย้ำรอยตนเองเข้าสู่ถิ่นเซนต์ เจมส์ ปาร์ค เป็นหนที่สองนั้นไม่ได้เอื้อด้วยปัจจัยความพร้อมเหมือนเมื่อครั้งเคยพา “ทูนอาร์มี่” เถลิงตำแหน่งรองแชมป์พรีเมียร์ชิปในฤดูกาล 1995-96

เส้นทาง “Return of the KKING” ในหนนี้ต้องยอมรับว่า นิวคาสเซิล กำลังเต็มไปด้วยปัญหาไม่ว่าจะเป็นเรื่องตัวผู้เล่นที่บาดเจ็บ บางรายติดโทษแบน และยังมีส่วนหนึ่งต้องกลับไปรับใช้ชาติในศึกแอฟริกันเนชันส์ คัพ เหลือนักเตะชุดใหญ่ให้ใช้งานในเกมสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเพียง 12 ราย ขณะเดียวกัน “คิงเคฟ” ห่างหายไปจากสมรภูมิลูกหนังนานถึง 3 ปีอาจต้องเคาะสนิมริมสนามสักระยะรวมไปถึงทีมงานชุดปัจจุบันซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นบุคลากรของ แซม อัลลาไดซ์ ผู้จัดการทีมคนก่อนแทบทั้งสิ้น

ถึงแม้ว่าหนึ่งในทีมงานที่เหลืออยู่จะมีชื่อของ เทอร์รี่ แม็คเดอร์ม็อตต์ ซึ่งถือเป็นสตาฟฟ์คู่บุญมาตั้งแต่สมัยคุมทีมช่วงแรกในปี 1992-1997 ทว่า “คิงเคฟ” ยังคงไม่พอใจเพียงเท่านี้ ด้วยความที่เป็นคนในที่ผูกพันกับสาลิกาดงอย่างลึกซึ้งทั้งในฐานะนักเตะและกุนซือ ทำให้เขาพยายามเสาะแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดมามอบให้กับสโมสร พร้อมทั้งสร้างศรัทธาจากบรรดาสาวกไปในตัว ด้วยการติดต่อทาบทามหนึ่งในขวัญใจตลอดกาลของชาวจอร์ดี้อย่าง “อลัน เชียเรอร์” มาเป็นมือขวา

ก่อนหน้านี้ในช่วงระหว่างสรรหาผู้จัดการทีม “ฮอตชอต” เป็นตัวเก็งหนึ่งรายที่ได้รับการจับตาแต่ข้อแม้ของประธานสโมสรที่ต้องการคนมีประสบการณ์และทำฟุตบอลให้ดูสนุกชื่อของ “เชียร์เรอร์” ก็มีอันตกไป ทว่าโอกาสของขวัญใจ “ทูนอาร์มี่” ยังไม่ปิดเสียทีเดียวเมื่อ “คิงเคฟ”เข้ามารั้งตำแหน่งนายใหญ่ก็มีกระแสความเป็นไปได้ในการผนึกกำลังร่วมกันของทั้งคู่ เนื่องมาจากสไตล์การทำทีมแบบเน้นเกมรุกดุดันตามแบบฉบับที่แฟนบอลชื่นชอบ

แม้ว่าภาพภายนอกโอกาสที่ทั้งอดีตขวัญใจชาวจอร์ดี้จะกลับมาร่วมงานกันน่าจะมีเกิน 80 เปอร์เซ็นต์แต่ข่าวทางด้านลึกเปิดเผยว่าความสัมพันธ์ระหว่าง คีแกน กับ เชียเรอร์ เกิดรอยร้าวเล็กๆ ขึ้นนับตั้งแต่ที่ “คิงเคฟ” ไม่มาร่วมงานในเกมเทสติโมเนียลแมตช์ของดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของสาลิกาดงในเดือนพฤษภาคม ปี 2006 ทั้งที่เพื่อนร่วมทีมที่เคยร่วมงานกันมาในยุคของ คีแกน อย่าง เลส เฟอร์ดินานด์, โรเบิร์ต ลี และ สตีฟ วัตสัน ต่างมาเป็นสักขีพยานพร้อมร่วมลงเตะกันถ้วนหน้า ซึ่งภายหลัง คีแกนให้เหตุผลอยู่ในช่วงพักผ่อนกับครอบครัวที่ประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ และยินดีปรับความเข้าใจถ้า เชียเรอร์ รู้สึกขุ่นข้องหมองใจ

ล่าสุด เชียเรอร์ ก็ออกมาเปิดเผยผ่านสำนักข่าวบีบีซีก่อนเดินทางไปทำงานสาธารณกุศลในอูกันดา ตามโครงการ Sport Relief ว่า “ผมได้รับการติดต่อจาก เควิน เข้ามาจริงซึ่งเขาพร้อมที่จะพูดคุยกับถึงเรื่องหน้าที่ในสโมสรนิวคาสเซิล แต่ผมจะกลับมาเจรจากับเขาอีกทีในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เพื่อดูว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย”

หากพลิกหน้าประวัติศาสตร์ถิ่นเซนต์เจมส์ปาร์คดูจะพบว่าการผนึกกำลังกันระหว่างดูโอ “คีแกน-เชียเรอร์” เคยสร้างความประทับใจให้กับบรรดาทูน อาร์มี่ ชนิดไม่รู้ลืมมาแล้วในปี 1996 ซึ่งฝ่ายแรกเป็นเจ้านาย ส่วนรายหลังเป็นลูกทีม โดยมีผลงานระดับมาสเตอร์พีซอย่างการไล่ต้อน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนหมดสภาพ 5-0 รวมไปถึงการถลุง ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ อย่างขาดลอย 7-1 เป็นเครื่องยืนยัน ก่อนที่คิงเคฟจะไขก๊อกอำลาทีมในเวลาต่อมา

ขณะที่ในนามทีมชาติซึ่ง “เคเค” ได้รับโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตให้เป็นแม่ทัพของทีมสิงโตคำรามจนสามารถผลักดันขุนพลทรีไลออนส์เข้าร่วมฟาดแข้งในศึกยูโร 2000 รอบสุดท้ายได้สำเร็จ และร่วมมือกันปราบอริตลอดกาลอย่าง เยอรมนี ลงได้ 1-0 โดยที่ เชียเรอร์ เป็นผู้โขกประตูชัย แต่กระนั้นจุดต่ำสุดของทั้งคู่ในทีมสิงโตคำรามกลับเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในนัดถัดมา เมื่ออังกฤษพ่ายให้กับ โรมาเนีย 2-3 ก่อนกระเด็นตกรอบแรกไปอย่างเจ็บปวด ซึ่งนัดนี้ถือเป็นเกมสุดท้ายในนามทีมชาติของยอดดาวยิงชาวจอร์ดี้ด้วย

แม้เสียงเรียกร้องจากเซนต์ เจมส์ ปาร์ค จะดังกึกก้องให้ทั้งคู่กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งในการพาทีมก้าวไปสู่ความสำเร็จที่รอคอยมาอย่างยาวนาน แต่ที่สุดแล้วบทสรุปของเสือสองตัวจะลงเอยด้วยการอยู่ถ้ำเดียวกันได้หรือไม่ คงต้องรอให้ คีแกน และ เชียเรอร์ เป็นผู้ให้คำตอบด้วยตัวเอง