ในช่วงเวลาที่ขุนพลนักเตะทีมชาติไทยกำลังอยู่ระหว่างการฝึกฝนเพื่อผ่านด่านทดสอบอันหฤโหดเนื่องมาจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นเกือบติดลบระหว่างทำการฝึกซ้อมเก็บตัวอยู่ที่สโมสร "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี ทีมลูกหนังดังแห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต้องยอมรับว่ากระแสความคลั่งไคล้ในเกมลูกหนังทีมชาติของแฟนลูกหนังชาวไทยดูเหมือนจะเริ่มถูกปลุกให้กลับคืนมาอีกครั้ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไปเก็บตัวถึงดินแดนผู้ดีในครั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนที่นักเตะทีมชาติไทยจะกระโจนเข้าร่วมชิงชัยในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ของกลุ่มบี ที่มีทีมร่วมสายประกอบด้วย ไทย, ญี่ปุ่น , โอมาน และ บาห์เรน
ทีมฟุตบอลจากสยามประเทศ มีโปรแกรมต้องยกพลไปเยือนทีมชาติญี่ปุ่น เต็งหนึ่งของกลุ่มในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2551 อันถือเป็นภาระหนักอึ้งที่เหล่าบรรดาสตาฟฟ์โค้ช และนักเตะไทยจะต้องแบกไว้บนบ่าเพื่อรักษาอย่างน้อย 1 คะแนนกลับมาบ้านให้ได้ และเป็นการรักษาโอกาสเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้ายโซนเอเชียไว้อีกด้วย
โดย "บิ๊กโต้ง" กิตติรัตน์ ณ ระนอง ผู้จัดการทีม และ "โค้ชหรั่ง" ชาญวิทย์ ผลชีวิน หัวหน้าสตาฟฟ์โค้ชทีมชาติไทย รวมถึง "ฟีฟ่ายี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ต่างก็แสดงความหวังว่าการเอื้อเฟื้อให้ที่เก็บตัวฝึกซ้อมของสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี ระหว่างวันที่ 12-26 มกราคม 2551 จะส่งผลดีต่อทีมชาติไทย ซึ่งผลดีที่ว่าจะเกิดกับทีมชาติไทยนั้น คนดังในวงการลูกหนังไทยอย่าง "ซิโก" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตหัวหอกจอมตีลังกาที่วันนี้ผันตัวไปทำงานธุรกิจส่วนตัวเชื่อว่าเป็นเรื่องของสภาพจิตใจมากกว่า
"การไปเก็บตัวที่อังกฤษมันส่งผลดีกับทีมชาติไทยอยู่แล้ว อย่างที่เราทราบกันดีว่าไปโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะเรื่องของสภาพจิตใจที่นักเตะไทยได้ไปลงเตะอุ่นเครื่องกับผู้เล่นของทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ย่อมส่งผลต่อสภาพจิตใจที่ดีขึ้น ว่าเราได้เตะกับนักเตะดังๆ หลายคนมาแล้ว แน่นอนว่าความคึกคัก รวมถึงความมั่นใจก็ย่อมเกิดขึ้น" ซิโก เผย
ขณะเดียวกัน "ซิโก" ยังได้กล่าวต่อไปถึงการได้เก็บตัวที่ดินแดนผู้ดีต่อไปอีกว่า "อย่างที่ทราบดีว่าสภาพอากาศที่ญี่ปุ่นค่อนข้างหนาวเย็น การที่เราไปเก็บตัวในสภาพอากาศหนาวเย็นย่อมเป็นสิ่งที่สร้างความคุ้นเคยให้กับผู้เล่น"
อย่างไรก็ตาม "เสือเตี้ย" สะสม พบประเสริฐ อดีตดาวเตะทีมชาติไทยอีกรายหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันทำหน้าที่บรรยายฟุตบอลไทยแลนด์ลีกที่มีโอกาสได้ชมเกมการเล่นของทีมชาติไทยมาตลอดมองว่าการไปเก็บตัวที่ประเทศอังกฤษอาจไม่ใช่หนทางสู่ฟุตบอลโลก 2010 อย่างแท้จริง
โดย "เสือเตี้ย" กล่าวว่า "ผมเชื่อว่าทีมชาติไทยได้บางสิ่งบางอย่างกับการไปอังกฤษ แต่ถามว่ามันจะดีขึ้นเลยหรือเปล่า ผมกล้าบอกเลยว่าคงไม่ถึงขนาดนั้น การไปอังกฤษแค่ 15 วันแล้วจะบอกว่าทีมชาติไทยพร้อมแล้วสำหรับฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกมันก็เป็นเรื่องที่พูดยาก คือถ้าไปซ้อมอยู่ที่อังกฤษ 1 ปี แล้วมาบอกว่าทีมชาติไทยจะเก่งขึ้น อันนี้ผมเชื่อ"
"แต่ไม่ใช่ว่าผมไม่เห็นด้วย มันก็เป็นเรื่องที่ดีที่มีคนใจดีให้โอกาสทีมชาติไทยไปฝึกซ้อมถึงประเทศอังกฤษ แต่ทีมชาติไทยชุดนี้ยังมีจุดอ่อนมากมายการไปอังกฤษมันไม่ใช่ยาวิเศษที่มันจะรักษาหายขาด อย่างจุดอ่อนที่ผมเห็นได้ชัดคือกองหลังของเรามีช่องให้เขาบุกให้เขาเจาะอยู่ได้ตลอดเวลาที่ลงสนาม แถมยังมีปัญหาที่ตัวผู้รักษาประตูที่มักจะตัดสินใจผิดพลาดในจังหวะการตัดบอลกลางอากาศมันทำให้ทีมตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่เสมอ"
"ผมเชื่อว่า คุณชาญวิทย์ ก็น่าจะมองเห็นปัญหาต่างๆ ของทีมชาติไทย เพียงแต่จะมีวิธีแก้ไขอย่างไร ไปอังกฤษแล้วมันแก้ไขได้จริงหรือเปล่า แล้วเรื่องการปรับตัวกับสภาพอากาศ ต้องเข้าใจว่านักฟุตบอลเขาเป็นนักกีฬา ต้องเป็นมืออาชีพ อยู่ที่ไหนก็ต้องเล่นได้เหมือนกัน"
สำหรับการไปเก็บตัวถึงเมืองผู้ดีของนักเตะทีมชาติไทยนั้น อาจจะส่งผลดีต่อทีมก็จริง แต่คงต้องรอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเมื่อถึงเวลาเผชิญหน้ากับญี่ปุ่นในวันที่ 6 กุมภาพันธ์นั้นนักเตะไทยจะดีขึ้นมากพอจะขอแบ่งแต้มกับคู่แข่งถึงแดนปลาดิบหรือไม่ ?