ขณะที่หลายทีมในศึกเอฟวันกำลังขะมักเขม้นกับการเปิดตัวรถแข่งตัวใหม่ และนักขับทั้งหลายต่างกำลังทำการบ้าน ด้วยการลงทดสอบรถเพื่อความพร้อมที่สุดก่อนที่ฤดูกาลแข่งขันรถสูตรหนึ่งประจำปี 2008 จะเปิดฉากขึ้น แต่สิ่งที่น่าติดตามสำหรับแฟนกีฬาความเร็วทางเรียบ นอกเหนือจากการเตรียมความพร้อมของแต่ละทีม คงหนีไม่พ้นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นมากมายในฤดูกาลนี้
1. รถแข่งปราศจากแทรคชันคอนโทล
หลังสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ(เอฟไอเอ)ประกาศว่า ห้ามมีการติดตั้งระบบแทรคชันคอนโทรล(TC) ในรถแข่งทุกคันอย่างเด็ดขาดตั้งแต่ฤดูกาล 2008 เป็นต้นไป ทำเอานักซิ่งชั้นนำแต่ละคนต้องปาดเหงื่อไปตามๆกัน เนื่องจากหมายความว่าพวกเขาจะไม่สามารถเดินคันเร่งออกจากโค้งในแบบทันทีทันใดเหมือนที่ผ่านมาได้อีกแล้ว
แม้จากการเปิดตัวรถแข่งคันใหม่ ทุกค่ายแก้ปัญหาด้วยการเพิ่มระยะห่างระหว่างล้อหน้ากับล้อหลังให้มากขึ้น เพื่อช่วยในการถ่ายน้ำหนักของรถเวลาเข้าโค้ง แต่ก็เป็นการทดแทนการหายไปของแทรคชันคอนโทลได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น น่าสนใจว่า หากนักขับจอมบู๊แต่ละคน ยังคงขับแบบไม่ระมัดระวัง โอกาสที่จะเห็นรถแต่ละคันหมุนไม่เป็นท่าก็คงจะมีให้เห็นกันชินตา ซึ่งจะทำให้อุบัติเหตุในสนามแข่งเพิ่มขึ้นตามมาอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน
2. ครั้งแรกยามค่ำคืนใน“สิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์"
อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญในฤดูกาลนี้ ทุกสายตาจับจ้องไปที่การแข่งขันรายการน้องใหม่บนดินแดนประเทศเพื่อนบ้านอย่าง“สิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์" ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 26-28 กันยายนนี้ ณ ใจกลางเมืองสิงคโปร์ซิตี้ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่ศึกความเร็วทางเรียบชิงแชมป์โลกต้องมาขับเคี่ยวกันในเวลากลางคืน
ถนนเชิงเขารอบอ่าวมาริน่า ยามค่ำคืน จะเป็นสังเวียนที่นักขับระดับพระกาฬใช้เป็นที่ประลองความเร็วภายใต้รถที่มีพลังม้าร่วม 900 แรง กว่า 20 คันน่าติดตามว่า การดวลคันเร่งท่ามกลางแสงสปอร์ตไลท์ หากมีฝนตกลงมาระหว่างแข่งขัน ประกอบกับตัวรถที่ไร้แทรคชันคอนโทรล โฉมหน้าของ “สิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์" จะออกมาเป็นเช่นไร
3.ยูโรเปี้ยน กรังด์ปรีซ์ บนดินแดนกระทิงดุ
เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ที่ศึกยูโรเปี้ยน กรังด์ปรีซ์ ได้กลับมาแข่งขันกันบนดินแดนกระทิงดุอีกครั้ง หลังจากใช้บริการสนามเนินแบร์กริง ในประเทศเยอรมันมาตั้งแต่ปี 1998 โดยในปีนี้จะเป็นคิวของ สนามบาเลนเซีย เซอร์กิต ประเทศสเปน
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เบอร์นี่ เอิกเคิลสโตน ตัดสินใจเซ็นสัญญากับสนามบาเลนเซียนี้ มาจากความเชื่อว่า ชื่อของเฟอร์นานโด อลอนโซ่ นักซิ่งชาวสเปนจะสามารถเรียกเรตติ้งจากแฟนความเร็วเจ้าถิ่นได้ นอกเหนือจากรายการ สแปนิช กรังด์ปรีซ์ ที่คาตาลุญญา การตัดสินใจของเจ้าพ่อฝ่ายจัดการแข่งขันชาวเมืองผู้ดีรายนี้จะเป็นไปตามเป้าหรือไม่ และกระแสของอลอนโซ่กับเรโนลต์จะเป็นอย่างไร ติดตามได้จากยอดผู้ชมในวันแข่งขันที่ 24 สิงหาคมนี้
4.การกลับมาของ เนลสัน ปิเก้ (จูเนียร์)
ชื่อของ"เนลซินโญ่"กำลังจะกลับคืนสู่วงการอีกครั้ง หลังจากเคยสร้างผลงานอันลื่อลั่นด้วยการคว้าแชมป์โลกได้ถึง 3 สมัย ในช่วงทศวรรษที่ 80 สำหรับทศวรรษใหม่นี้ จะเป็นหน้าที่ของ เนลสัน ปิเก้ จูเนียร์ หรือเนลซินโญ่ผู้ลูก ที่จะมารับหน้าที่สานต่อความยิ่งใหญ่ หลังได้ความไว้วางใจจากทีมเรโนลต์
ปิเก้ จูเนียร์ นั้นนับเป็นลูกชายอดีตแชมป์โลกรายล่าสุดที่เดินตามรอยเท้าบิดา เข้าสู่เส้นทางรถสูตรหนึ่ง ต่อจาก มิเชล อันเดรตติ(ลูกชาย มาริโอ อันเดรตติ),เดมอน ฮิลล์(ลูกชายเกรแฮม ฮิลล์),และนิโค รอสเบิร์ก(ลูกชายเกเก้ รอสเบิร์ก)น่าติดตามว่า ความกดดันอันหนักอึ้งจากการเป็นลูกชายอดีตแชมป์โลก บวกกับความคาดหวังจากต้นสังกัด จะทำให้เนลซินโญ่ แจ้งเกิดในปีแรก เฉกเช่น ลูอิส แฮมิลตัน ได้หรือไม่
5. การกลับมาของรอส บราวน์ กับฮอนด้า
ฮอนด้าล้มเหลวไม่เป็นท่าจากผลงานในปีที่ผ่านมา เมื่อรถแข่งทั้ง 2 คัน ต้องออกจากการแข่งขันสนามแล้วสนามเล่า และเก็บได้เพียง 6 คะแนนจากทั้งฤดูกาล ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วงปิดฤดูกาล ด้วยกัน เมื่อมีการประกาศแต่งตั้ง รอส บราวน์ อตีตผู้อำนวยการด้านเทคนิคของเฟอร์รารี่ เข้ามาเป็นผู้กุมชะตาของทีมในปีนี้ หนุ่มใหญ่วัย 54 ปี ถือเป็นบอสคู่บุญของ มิชาเอล ชูมัคเกอร์ หลังจากทำให้ชูมี่ คว้าแชมป์โลกมาตั้งแต่ สมัยยังซิ่งอยู่กับเบเนตองในปี 1994 และ1995 จากนั้นก็ย้ายร่วมสานต่อความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งกับในทีมม้าลำพอง ก่อนที่จะประกาศอำลาทีมในปีเดียวกับที่แชมป์โลก 7 สมัยประกาศแขวนพวงมาลัย
ถึงเวลานี้น่าติดตามว่า ฮอนด้าภายใต้การวางแผนของบราวน์ จะสามารถทำให้นักขับฝีมือดีอย่าง เจนสัน บัตตัน และรูเบน บาลิเคลโร่ กลับมายืนบนแป้นโพเดียมอีกครั้ง เหมือนในปี 2004 ได้หรือไม่
และทั้งหมดนี้คือ 5 มิติใหม่ที่น่าจับตามองสำหรับศึกเอฟวัน 2008 ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 16 มีนาคม ณ อัลเบิร์ต พาร์ค เซอร์กิต ประเทศออสเตรเลีย