xs
xsm
sm
md
lg

‘ทักษิณ’ เท่านั้นแก้มัด ‘เพื่อไทย-ก้าวไกล’ ได้ นักธุรกิจเชื่อ ‘เศรษฐา’ ไม่รับนั่งนายกฯ ข้ามขั้ว!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก ชี้ ‘ทักษิณ’ ตัวต้นเรื่องมัด ‘เพื่อไทย-ก้าวไกล’ ทั้งๆ ที่รู้ว่าไปกันไม่รอด ถึงวันนี้ต้องยอมเจ็บแต่จบ ยอมถูกด้อมส้มถล่มเพื่อหาทางออกให้บ้านเมือง แยกไปเป็นฝ่ายค้าน หรือสลาย MOU 8 พรรค เพื่อเป็นเอกเทศ หากก้าวไกลใช้เกมยื้อตั้งรัฐบาลออกไป 10 เดือนรอ ส.ว.หมดอำนาจ ถามนักกฎหมายที่เชียร์ให้ยื้อต้องรับผิดชอบ แนะข้อกฎหมายให้ด้วยติง รธน.เลื่อนได้หรือไม่ ขณะที่นักธุรกิจยอมรับรัฐบาลข้ามขั้วตั้งได้รวดเร็วแต่มีความเสี่ยง เรียกม็อบเต็มถนน ศก.พังเพราะไทยเหลือรายได้จากท่องเที่ยวเป็นหลัก ใครจะอยากมาประเทศไทย ระบุ ‘เศรษฐา’
เป็นนายกฯ ที่นักธุรกิจเชียร์มั่นใจจะกอบกู้เศรษฐกิจได้ แต่จะกล้ารับเป็นนายกฯ รัฐบาลข้ามขั้วหรือ? เพราะต้องไม่ลืมบทเรียนครั้ง ‘สมชาย วงศ์สวัสดิ์’ ต้องปีนกำแพงหนีม็อบล้อมสภา


สถานการณ์บ้านเมืองที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ยังมีประตูทางออกจริงหรือไม่? และจำเป็นอย่างไรที่จะต้องยื้อเลือกนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง ส.ว.หมดอายุ โดยมีปลายทางอีก 10 เดือนตามที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวเกี่ยวกับประเด็นจัดตั้งรัฐบาล

“ถ้า 8 พรรคจับมือกันแน่น พยายามจัดตั้งรัฐบาลไปเรื่อยๆ จะกี่ครั้งก็สู้ต่อไม่มีท้อ ถ้ามันต้องพยายามไปเรื่อยๆ อีก 10 เดือน ก็ไม่หวั่นไหว ความมุ่งมั่นแบบนี้ที่มาพร้อมกับแรงหนุนของประชาชน จะเหนี่ยวนำให้เกิดการจัดตั้งรัฐบาลได้ก่อน 10 เดือนอย่างแน่นอน

ณ ปลายทางอีก 10 เดือนข้างหน้า เราสามารถจัดตั้งรัฐบาล โดยไม่ต้องมี ส.ว. อยู่ในสมการ ถ้าอีก 10 เดือน แล้วยังต้องลุ้นก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ได้แน่ๆ จะไปกังวลทำไม ก็พยายามจัดตั้งรัฐบาลไปเรื่อยๆ เวลาที่ผ่านไป เราเดินเข้าใกล้เส้นชัยอยู่ทุกวัน ส่วนเขามีแต่จะนับถอยหลังถึงวันสูญอำนาจ

ผมไม่ได้บอกให้รออีก 10 เดือน แต่ต้องพยายามไปเรื่อยๆ ตลอด 10 เดือน ถ้า 8 พรรคมุ่งมั่นตรงกัน ยิ่งนับถอยหลังคนที่รู้สึกกดดัน คือ ฝ่ายที่ขวางการจัดตั้งรัฐบาล เพราะเวลาที่จะขวางได้มันเหลือน้อยลงเรื่อยๆ สุดท้ายจะนำมาซึ่งการประนีประนอม และจัดตั้งรัฐบาลได้ก่อน 10 เดือน”

ดังนั้น การยื้อเวลาออกไปอีก 10 เดือนด้วยการกอดคอกัน 8 พรรคของฝ่ายที่เรียกตัวเองว่าประชาธิปไตยเพื่อเล่นเกมบีบ ส.ว. หรือผู้มีอำนาจนั้น หากจะมองในมุมของนักธุรกิจ หรือนักกฎหมายแล้วจะเกิดวิกฤตต่างๆ ตามมาอย่างไร โดยเฉพาะอย่านำประเทศไปเป็นเดิมพันและอย่าทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ ทั้งที่ข้อเท็จจริงวิกฤตครั้งนี้มีทางออกเพียงแต่ว่า ‘ทักษิณ-เพื่อไทย’ จะยอมเจ็บแต่จบหรือไม่!






รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการด้านกฎหมาย บอกว่า การเลื่อนออกไป 10 เดือนนั้นต้องไปดูว่ารัฐธรรมนูญมีบอกไว้หรือไม่ว่าเลื่อนได้หรือไม่ได้ ซึ่งหากรัฐธรรมนูญไม่มี หรือมีการนำข้อบังคับมาใช้ ก็แปลว่าข้อบังคับใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญอีกใช่หรือไม่

“ที่นำข้อบังคับมาใช้ โดยบอกว่าเสนอคุณพิธา ซ้ำไม่ได้แล้ว พวกคุณก็บอกว่าไม่ได้ ขัดรัฐธรรมนูญ แต่นำข้อบังคับมาใช้เลื่อนโหวตนายกฯ ได้ แบบนี้ยืนอยู่บนหลักการไหน คุณจึงต้องไปหาก่อนว่า รัฐธรรมนูญให้เลื่อนได้อย่างไร ผ่องถ่ายไปที่กฎหมายหรือผ่องถ่ายไปที่ข้อบังคับอย่างไร ไม่ใช่คิดว่าแค่คุณอยากเสนอเท่านั้น เพราะเป็นเรื่องของรัฐสภา”

เมื่อเป็นเรื่องของรัฐสภา ก็ต้องดูว่าพรรคอื่นๆ เห็นอย่างไร หรือ ส.ว.เห็นด้วยหรือไม่อย่างไร รวมทั้งประชาชนที่ไม่ใช่ 14 ล้านเสียงที่เลือกพรรคก้าวไกล หรือคนที่ประกอบอาชีพต่างๆ ก็ต้องรอใช่หรือไม่ ซึ่งสุดท้ายจะต้องให้ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รักษาการยาวๆ กันไป ทั้งที่ไม่มีอำนาจเต็ม การจัดสรรงบประมาณในหมวดการลงทุนของกระทรวงต่างๆ ก็จะมีปัญหา และถ้าต้องมีปฏิสัมพันธ์กับต่างประเทศจะให้รัฐบาลรักษาการทำกันอย่างไร

“ไม่ใช่คิดอยากให้เลื่อนก็เลื่อนเพราะพรรคฉันเป็นใหญ่ที่สุด ทุกคนต้องทำตาม ซึ่งไม่ใช่แก้ความวิบัติด้วยความวิบัติเพิ่ม ขอพูดตรงๆ คุณทักษิณ หาเรื่องเอง ให้เพื่อไทยไปจับกับก้าวไกล ทั้งๆ ที่รู้ว่าไปกันไม่รอด และก็รู้ว่าระบบรัฐสภา พรรคอันดับ 2 ไม่จำเป็นต้องไปจับกับพรรคอันดับ 1 และตอนนี้รู้ซึ้งแล้วใช่มั้ยถ้าคุณแยกจากก้าวไกล แปลว่าเพื่อไทยทรยศประชาชน สารพัดจะโจมตี”

สำหรับทางออกที่ดีที่สุดในขณะนี้จะอยู่ที่พรรคเพื่อไทยว่าจะกล้าตัดสินใจเลือกยอมที่จะเจ็บ และจบ ยอมที่จะถูกโจมตี ยอมที่จะเผชิญม็อบ และบอกก้าวไกลไปตรงๆ เลยว่า ไปด้วยกันไม่ได้แล้ว และให้อนาคตเป็นตัวตัดสิน

“อยู่ที่เพื่อไทยไม่ต้องไปรอ 10 เดือน ส่วนพวกที่เชียร์ให้ยื้อเวลาออกไป 10 เดือนต้องหาข้อกฎหมายให้ก้าวไกลด้วย โดยเฉพาะนักกฎหมายควรจะคิดให้หนัก”

แต่การจะแก้ปัญหาตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยก็เป็นเรื่องที่ลำบาก และไม่ใช่ทางออกที่ดี รัฐบาลรอดยาก เสนอนโยบายอะไรเข้าสภาจะถูกคว่ำ แล้วจะทำไปทำไม


รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวว่า หรือเพื่อไทยจะเลือกประกาศถอยตัวเองไปเป็นฝ่ายค้าน ปล่อยให้ก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลเอง ดูสิว่าก้าวไกลจะจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ หรือถ้าจะเลื่อนไป 10 เดือน เพื่อไทยต้องปลดล็อกที่ทำ MOU กันไว้ ทุกพรรคจะเป็นเอกเทศ

“คนเลือกเพื่อไทยมา 10 ล้านเสียง เขาก็ไม่ได้คิดว่าเพื่อไทยต้องรวมกับก้าวไกล เพราะก้าวไกลเองก็เป็นคู่แข่งกับเพื่อไทยมาตลอดอยู่แล้ว อย่ามาเล่นละครใส่กัน”

รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการด้านกฎหมาย

ทักษิณ ชินวัตร
ดังนั้น การถอยไปเป็นฝ่ายค้านหรือการสลาย MOU ไปแล้ว พรรคเพื่อไทยจะไปจับกับใครก็ได้ ทุกพรรคต่างเป็นอิสระ ไม่ต้องติดกับก้าวไกล พรรคต่างๆ จะมีสถานะดังนี้

1.ทุกพรรคมาจากการเลือกตั้งทั้งสิ้น

2.จะเป็นพรรคในฝ่ายอนุรักษนิยม หรือเสรีนิยมก็เรียกกันไป

3.ทุกพรรคจะเป็นอิสระต่อกัน แต่ละพรรคไปตามวิถีทางของพรรคตัวเอง

4.ใช้ธรรมเนียมในระบบรัฐสภา หากพรรคที่ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 1 จัดไม่ได้ ก็ต้องเป็นพรรคอันดับ 2 ถ้า 2 ไม่ได้ก็เป็นอันดับ 3 หรือ 4, 5 ต่อไป

“สิ่งที่ผมอยากจะบอก คุณจะได้เสียงแค่ไหนก็แล้วแต่ แต่อย่าลืมว่ายังมีสิ่งที่คนจำนวนหนึ่ง เขาหวงแหน แม้เขาเหลือคนหยิบมือ เขาก็สู้ยิบตา เพื่อรักษาสถาบันหลักของบ้านเมืองคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์กันไว้ และที่สำคัญคือ การรักษาศีลธรรมอันดีของบ้านเมือง วันนี้พวกคุณทั้งหลาย คุณไปไม่รอดนะ จะพาคนฆ่ากันตาย ไม่ว่าคนจะน้อย จะมาก ฆ่ากันตายแน่นอน คุณจะให้ประเทศชาตินองเลือดหรือ”

รศ.ดร.เจษฎ์ ย้ำว่า เรื่องการเลื่อนออกไปอีก 10 เดือนนั้นไม่ใช่เรื่องของรัฐสภา แต่เป็นเรื่องของคนไทยทั้งแผ่นดิน ซึ่งไม่ใช่แค่ 14 ล้านเสียงที่เลือกก้าวไกล แต่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องพาประเทศไทยผ่านไปให้ได้เพราะความขัดแย้งครั้งนี้มีทางออกแน่นอนอยู่ที่ว่าเพื่อไทยและ 8 พันธมิตรจะสลาย MOU ที่ผูกมัดกันไว้หรือไม่เป็นสำคัญ!

ด้านนายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ในฐานะนักธุรกิจ บอกว่าจริงๆ ที่กำหนดไทม์ไลน์ว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้าปฏิบัติหน้าที่จะอยู่ในช่วงกลางเดือนสิงหาคมนี้ แต่เมื่อการเปิดสภาและมีการโหวตเลือกนายกฯ ที่มีการเสนอ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกฯ เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ผลโหวต ส.ส.ชี้ชัดไม่เอาพรรคก้าวไกล ตามด้วยเรื่องการเสนอญัตติซ้ำในชื่อนายพิธา ไม่ได้ จนถึงต้องให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งแทน โดยเพื่อไทยได้ไปหารือเพื่อขอเสียงสนับสนุนจากพรรคขั้วรัฐบาลเดิม 5 พรรคต่างก็ปฏิเสธต้องไม่มีพรรคก้าวไกลจึงจะโหวตหนุนนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย

“ส่วนตัวคิดว่าถ้าเพื่อไทยจะข้ามขั้วต้องคิดให้หนัก ก่อนหน้านี้แคนดิเดตนายกฯ ทั้งคุณเศรษฐา ทวีสิน และคุณอุ๊งอิ๊ง รวมทั้งหมอชลน่าน หัวหน้าพรรคบอกไม่ข้ามขั้ว ไม่เอา 2 ลุง ถ้าจะข้ามขั้วแบบนี้ด้อมส้มลงถนนแน่นอน”

อิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
โดยนักธุรกิจมีการคุยกันถ้าข้ามขั้วแบบนี้เพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จแน่นอน และม็อบจะลงถนนทันที สิ่งที่จะเกิดขึ้นทันทีเช่นกันคือ เศรษฐกิจจะเดินอย่างไร โดยเฉพาะการท่องเที่ยวซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศในเวลานี้ บรรดานักท่องเที่ยวต่างชาติจะกล้ามาเที่ยวประเทศไทยกันหรือ และอย่านำประเทศไปเดิมพัน?

“ม็อบน่าจะเยอะและแรง เพราะไม่ใช่แค่บนถนนเท่านั้น จะมีสารพัดรูปแบบ ม็อบในโซเชียลและจะมีอื่นๆ ตามมาอีก เพราะ 27 ล้านเสียงแสดงให้เห็นว่าเขาเลือกฝ่ายนี้มาเป็นรัฐบาลแล้ว การฝืนด้วยวิธีการใช้อำนาจ ส.ว.มาจัดการนั้นจึงต้องคิดอย่างระมัดระวัง”

นายอิศเรศ ระบุว่า อยากให้ผู้เกี่ยวข้องพิจารณาอย่างมีสติ สมมติว่าเราเป็นมะเร็ง ซึ่งมะเร็งตัวนี้ ถ้าถึงมือหมอเร็วก็ดี เปรียบให้เห็นว่าหมอคือรัฐบาล แต่เมื่อทีมผู้ช่วยหมอมีปัญหาทะเลาะกันมาก่อน จะมาเป็นทีมผ่าตัดด้วยกัน โอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนได้มั้ย เพราะบริเวณหน้าโรงพยาบาลมีม็อบประท้วงอยู่เต็มไปหมด

“ระหว่างผ่า มีความเสี่ยงหรือไม่ เพราะทีมผ่าตัดก็ไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว ข้างนอกม็อบขู่ตัดไฟ คนไข้จะตายหรือไม่ ในทางกลับกันถ้าคนไข้รออีก 10 เดือน แต่ระหว่างนั้นอาการมันจะทรงๆ อาจจะทรุด แต่ไม่ตาย ปล่อยให้รัฐบาลลุงตู่รักษาการไป ก็ให้ขับเคลื่อนไปแบบนี้ เพราะรัฐธรรมนูญมัน dead lock ส.ว. ใช้สิทธิจนเกินเหตุ เมื่อคุณเล่นเกมมากไป คุณก็รอไปก็แล้วกัน 10 เดือน คุณก็หมดอำนาจแล้ว นี่คือการบลัฟกันนั่นเอง”

นายอิศเรศ ย้ำว่า ในความเห็นส่วนตัวเชื่อว่า รอไปก่อนน่าจะดีกว่าการตั้งรัฐบาลข้ามขั้วซึ่งจะพังทันที แต่ถ้าประคองไปก่อนหวังจะมีปาฏิหาริย์ เพราะผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเริ่มออกมาให้สติกันมากขึ้น

“เราต้องตั้งสติ เวลานี้เราเหลือท่องเที่ยวเพียงตัวเดียว ถ้าม็อบลงถนน นักท่องเที่ยวจะมาเมืองไทยกันหรือ และจังหวัดที่ก้าวไกลได้ ส.ส.แบบเหมามาเลยก็เป็นจังหวัดท่องเที่ยวทั้งนั้น กทม.ได้ 32 จาก 33 เขต ภูเก็ต ชลบุรี พัทยา เชียงใหม่ และอีกหลายจังหวัดนะ”

อีกทั้งจังหวัดสำคัญที่เป็นเมืองท่องเที่ยวพรรคก้าวไกลไปกวาดมาหมด ซึ่งถ้าเราประเมินกันให้ดี ควรที่จะเสี่ยงตั้งรัฐบาลข้ามขั้วหรือไม่? อีกทั้งม็อบเสื้อส้มเป็นม็อบประชาชน เป็นกลุ่มชนชั้นกลาง คือถ้าม็อบที่ชนชั้นกลางร่วมด้วย จึงน่าเป็นห่วง ซึ่งเราเคยเห็นม็อบชนชั้นกลางที่ย่านสีลมกันมาแล้ว

ที่สำคัญอยากให้นึกถึงสมัยที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี คนที่ 26 ที่ถูกม็อบล้อมสภาต้องปีนรั้วเข้าไปพระที่นั่งวิมานเมฆ ก่อนที่จะมีเฮลิคอปเตอร์ของตำรวจบินมารับนายสมชาย ไปส่งกองบัญชาการกองทัพไทย

“อย่าข้ามขั้วกันเลย รอไปหน่อยดีมั้ย ส.ว.ถอยหน่อยได้มั้ย และ ม.112 ก้าวไกล ลดเพดานลงมาได้หรือไม่ อะไรที่เป็นการเสี่ยงกับการไปละเมิดสถาบัน และพรรคการเมืองที่ไม่ใช่พรรค 2 ลุง คือพลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ ช่วงลดเงื่อนไขลงมา ประเทศจะมีทางออก ไม่ต้องไป dead lock ขนาดนั้น เพราะ ส.ว.มีตัวตึงกี่คนเอง เบื้องหลังเป็นใครก็รู้อยู่แล้ว”

เศรษฐา ทวีสิน
สำหรับแคนดิเดตนายกฯ ที่มีการเสนอชื่อกันนั้นนักธุรกิจพูดคุยกันก็ให้คะแนนไปที่นายเศรษฐา ทวีสิน จากพรรคเพื่อไทย เพราะนายเศรษฐา เป็นคนมีต้นทุน มีประสบการณ์ มีความรู้ ความสามารถในด้านการบริหารด้านเศรษฐกิจอยู่แล้ว และมาจากพรรคการเมืองได้เสียงเป็นอันดับที่ 2 ถ้าเข้ามาแล้วแก้ปัญหาเร่งด่วนด้านเศรษฐกิจได้จะโด่งดังเป็นที่ยอมรับ แต่ถ้าแก้ไม่ได้นายเศรษฐาก็ดับทันทีเช่นกัน

“เชื่อว่าถ้าข้ามขั้วแล้วให้คุณเศรษฐาขึ้นเป็นนายกฯ ผมว่าคุณเศรษฐา จะยอมหรือ ถ้าต้องมาเผชิญกับม็อบประท้วงมากมาย ส่วนคุณอุ๊งอิ๊ง ทางครอบครัวก็ต้อง Save ไม่ให้เป็นอยู่แล้ว จริงๆ ถ้าสถานการณ์แบบนี้คนของเพื่อไทยที่เหมาะคือหมอมิ้ง (นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช) จะดีที่สุด ส่วนคุณอนุทิน พรรคอันดับ 3 เชื่อว่านายทักษิณ คงไม่เลือกเพราะไม่มีอำนาจ เป็นแค่หุ่นเชิดในพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น”

นายอิศเรศ ยอมรับว่า นายพิธา เป็นคนเก่ง แต่ด้วยสถานการณ์ต่างๆ จึงเชื่อว่ารอได้เพราะเวลานี้การแก้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจต้องมาก่อน เรื่องของสังคม และการศึกษายังพอมีเวลา และหากดูนโยบายของเพื่อไทยจะเห็นว่ามาถูกทาง จะมีการอัดฉีดเม็ดเงินให้เกิดการหมุนเวียน เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยับขึ้นมาได้ ซึ่งต้องยอมรับเพื่อไทยมีกลยุทธ์ และวางแผนได้อย่างดี

"เพื่อไทยวางกลยุทธ์จากประสบการณ์ มีผู้เชี่ยวชาญ คนเก่งๆ ถ้าคุณเศรษฐา เป็นนายกฯ จะเห็นรอบข้างเก่งๆ ทั้งนั้น หมอมิ้ง พี่อ้วน ภูมิธรรม เวชยชัย กิตติรัตน์ ณ ระนอง ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร"

ส่วนพรรคก้าวไกล นโยบายทำแบบงานวิจัย จะต้องแก้ต้นเหตุ แก้โครงสร้าง ต้องโดนแรงต้านทั้งจากขั้วอำนาจและกลุ่นนายทุน ซึ่งก้าวไกลน่าจะไปทำในเรื่องของสังคมและการศึกษาน่าจะเหมาะและดี ส่วนคนที่จะเป็นนายกฯ ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจที่เหมาะในเวลานี้คือนายเศรษฐา และขอย้ำว่าไม่ได้บอกว่ายื้อไป 10 เดือนจะดีกว่า แต่ต้องรอจังหวะที่เหมาะสมและอย่าไปตั้งรัฐบาลข้ามขั้วเด็ดขาด!!

ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่

Facebook :https://m.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/?locale2=th_TH



กำลังโหลดความคิดเห็น