การดิ้นเฮือกสุดท้ายเพื่อปกป้องพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ของบรรดาศิษยานุศิษย์ ดึงเบื้องสูง แอบอ้างเอกสาร และล่ารายชื่อถวายฎีกา ซึ่งเฟซบุ๊กวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559 ของหลวงปู่พุทธอิสระ ระบุว่ามีการยกเลิกเอกสารที่นำมาเผยแพร่ตั้งแต่ปี 2542 ล่าสุดเดินหน้าใช้ “ปฏิบัติการโลกล้อมประเทศ” นำแถลงการณ์และจดหมายจากเครือข่ายในต่างประเทศ กดดันไม่ให้รัฐบาล คสช. ดำเนินคดีกับธัมมชโย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน จากคดีอาญา ให้กลายเป็นเรื่องที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
ความชัดเจนตั้งแต่ที่ดีเอสไอจะปิด DMC TV โดยวันที่ 7 ธันวาคม 2559 “ดีเอสไอ” ส่งหนังสือถึง กสทช. ขอให้พิจารณาระงับการออกอากาศของสถานีโทรทัศน์วัดพระธรรมกาย “DMC TV” เพื่อสกัดไม่ให้วัดพระธรรมกายใช้เป็นเครื่องมือในการนำเสนอเนื้อหาไม่เหมาะสม โดยเฉพาะการปลุกปั่นมวลชนต่อต้านอำนาจรัฐ ระดมคนให้มาเป็นโล่มนุษย์เพื่อปกป้อง “พระธัมมชโย” ไม่ให้ถูกจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
หลังช่อง DMC TV ถูกปิด แม้จอดำสนิท แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อวัดพระธรรมกายโดยเบ็ดเสร็จ เพราะยังคงเดินหน้าท้าทายต่อไป โดยวันที่ 8 ธันวาคม DMC TV ได้หันไปใช้วิธีไลฟ์สด ผ่านเฟซบุ๊กและยูทูป ที่ กสทช.ไร้อำนาจปิด นอกจากนั้น เหตุการณ์นี้ยังนำไปสู่การเคลื่อนไหว โดยหันมาใช้สื่อออนไลน์ที่เป็นเครื่องมือสื่ออันทรงพลัง สามารถใช้ในการติดต่อสื่อสารกันได้แบบตัวต่อตัว
นับตั้งแต่กองพลจักรพรรดิ หัตถ์สวรรค์ ปัญญาเทวดา กองทัพนักเผยแผ่โซเชียลของวัดพระธรรมกาย เริ่มปฏิบัติภารกิจ วาทกรรมดรามา ในลักษณะที่ว่าถูกกล่าวหา ไม่ได้รับความเป็นธรรม ผ่านสื่อออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊กและไลน์ ก็มีข้อความโต้ตอบออกมาอย่างต่อเนื่องลักษณะที่ว่า
“DMC เป็นทีวีผ่านดาวเทียมช่องแรกของไทย เสนอข้อมูลธรรมะและข่าวพระพุทธศาสนา วันนี้ถูกสั่งปิด…เพื่อเปิดทางจับพระชรา อาพาธ!”
อีกทั้งในรูปแบบการออกแถลงการณ์ ขอคัดค้านการปิดสถานีวิทยุโทรทัศน์ DMC ยืนยันว่าเป็นช่องธรรมะ ที่ไม่มีการยุยงสร้างความปั่นป่วน และเรียกร้องความเป็นธรรมว่า การกล่าวหาลอยๆ จะนำมาสู่ความเสื่อมเสียชื่อเสียงของสถานีฯ รวมไปถึงการระดมคนเข้าวัด ร่วมสวดมนต์ให้แน่นวัด 11 ล้านจบ ดังที่ พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ออกมากล่าวว่า “หลังข่าวจะปิดช่อง DMC คนหลั่งไหลเข้าวัดไม่ขาดสาย”
นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง โดยเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี อาศัยอำนาจตามความในข้อ 39 แห่งกฎ มส. ยกให้พระเทพญาณมหามุนี (พระธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เป็นเจ้าอาวาสกิตติมศักดิ์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป มีคำสั่งเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม และตั้งพระวิเทศภาวนาจารย์ (สมบุญ สมฺมาปุญฺโญ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มีผลตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคมเป็นต้นไป
ซึ่งในกรณีนี้ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีพระธัมมชโย ออกมาชี้แจงว่า การมอบให้พระรูปอื่นปฏิบัติหน้าที่แทนไม่เป็นเหตุให้พ้นจากความผิดในรูปคดี และตำแหน่งกิตติมศักดิ์ก็ไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย
ดึงเบื้องสูงเผยแพร่เอกสาร-ถวายฎีกา
ไม่เพียงเท่านั้นเมื่อใกล้ถึงเส้นตายในวันที่ 10 ธันวาคม ที่ผ่านมา วัดพระธรรมกาย ได้เผยแพร่เอกสารที่พยายามดึง สถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยอ้างอิงถึงมูลนิธิศึกษาธรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมว่าเป็นผู้ดำเนินการ DMC TV เครือข่ายโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม จนกระทั่งนำไปสู่การยื่นฎีกาในนามของคณะศิษยานุศิษย์ (8 ธ.ค. 59)
ขณะที่หลวงปู่เคยนำเอกสารการตั้งมูลนิธิศึกษาธรรมฯ ที่วัดพระธรรมกายแอบอ้างนั้น มาเปิดเผยแล้วเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559 เฟซบุ๊กของหลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) ได้มีการแฉถึงข้อเท็จจริงว่า(https://www.facebook.com/buddha.isara/posts/10153904493898446)
“มูลนิธิสังกัดธรรมกาย ใช้ชื่อ ‘มูลนิธิศึกษาธรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม’ ขยายอาณาจักรด้วยการขอเช่าที่ป่าตั้งศูนย์ปฏิบัติธรรมที่เชียงใหม่ แต่เกิดปัญหาชาวบ้านโวยมีการไล่ซื้อที่จากลูกศิษย์ ‘ธัมมชโย’ ในเขตป่าสงวน เดิมแม้จะเคยอยู่ในพระราชูปถัมภ์ แต่กองกิจการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ได้ทำหนังสือด่วน ถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย ยกเลิกการพระราชทานพระราชานุญาตให้อยู่ในพระราชูปถัมภ์ ตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2542
และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน กองกิจการในพระองค์ฯ มิได้รับรายงานผลการดำเนินงานของมูลนิธิฯ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างภายในพื้นที่รับผิดชอบของมูลนิธิฯ แต่ประการใด การดำเนินการต่าง ๆ หรือการเปลี่ยนแปลงสิ่งใด ๆ ในพื้นที่ความรับผิดชอบของมูลนิธิฯ อาจส่งผลให้เกิดความเสื่อมเสียพระเกียรติยศ ตามมาในภายหลังได้ เพื่อเป็นการป้องกันสิ่งต่าง ๆ ที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียพระเกียรติยศได้นั้น กองกิจการในพระองค์ฯ จึงขอยกเลิก การให้มูลนิธิศึกษาธรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมอยู่ในพระราชูปถัมภ์ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”
ปฏิบัติการ “โลกล้อมประเทศ”
แม้ว่าที่ผ่านมาดีเอสไอมีการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย และการขอหมายค้นที่ถูกต้อง แต่เป็นที่ทราบกันดีว่า ไม่ได้รับความร่วมมือจากพระธัมมชโย นอกจากออกมายืนยันว่าไม่มีความผิด
กระทั่งสถานการณ์หลังเส้นตาย วัดพระธรรมกาย ยังออกมาเคลื่อนไหวโดยการหาแนวร่วมจากนานาประเทศ เช่นเดียวกับที่นายทักษิณ ชินวัตร เคยนำมาใช้ ด้วยการกล่าวอ้างจดหมายและแถลงการณ์ เพื่อกดดันรัฐบาล คสช.ให้ยุติการใช้ความรุนแรงต่อพระธัมมชโย
นับตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค. 2559 มีการแถลงข่าวของเครือข่ายคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายทั่วโลกโดยระบุว่า สถานการณ์ส่อว่าจะบังเกิดเหตุรุนแรง ระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับสถาบันพระพุทธศาสนา อันเนื่องมาจากการดำเนินการโดยไม่เป็นธรรม รวมทั้งยังมีการเผยแพร่แถลงการณ์จากประเทศต่าง ๆ
มูลนิธิ NIRVANA PEACE แห่งบังกลาเทศร้องขอนายกรัฐมนตรีอย่าให้เกิดความรุนแรงกรณีหลวงพ่อธัมมชโย โดยมีจดหมายจากสมัชชาสงฆ์เถรวาทโลก ถึง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้ยุติการใช้กำลัง และความรุนแรงต่อพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) และวัดพระธรรมกาย ในการนี้พระศาสนรักขิตตะ มหาเถโร เจ้าอาวาสวัดปันชารี สันติปูร์ อรัญญกุฎิ ประเทศบังกลาเทศ สมาชิกสมัชชาสงฆ์เถรวาทโลก ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีไทย ขอให้ยุติความรุนแรงต่อพระเทพญาณมหามุนี วัดพระธรรมกาย
วันที่ 12 ธ.ค. 2559 จดหมายจากชุมชนชาวพุทธ ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เรียกร้องให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรมตำรวจ และสำนักงานอัยการสูงสุด และกองกำลังติดอาวุธ ยุติการใช้ความรุนแรงต่อหลวงพ่อธัมมชโย
จดหมายจากสหพันธ์องค์กรชาวพุทธออสเตรเลียร้องนายกรัฐมนตรีอย่าให้เกิดความรุนแรงกรณีหลวงพ่อธัมมชโย
จดหมายจากองค์กรพุทธเกาหลีร้องนายกรัฐมนตรีอย่าให้เกิดความรุนแรงกรณีหลวงพ่อธัมมชโย
จดหมายจากองค์กรพุทธประเทศอินเดียร้องนายกรัฐมนตรีอย่าให้เกิดความรุนแรงกรณีหลวงพ่อธัมมชโย “ในนามตัวแทนขององค์กรพุทธประเทศอินเดีย อาตมารู้สึกกังวลและเจ็บปวดที่ได้รู้ว่าวัดพระธรรมกายซึ่งเป็นวัดในสถาบันพระพุทธศาสนาในประเทศ รวมถึงหลวงพ่อธัมมชโย ถูกกล่าวหาโดยกลุ่มคนผู้บริหารประเทศไทยในหลาย ๆ คดี ซึ่งล้วนแล้วแต่บิดเบือนจากความเป็นจริง เต็มไปด้วยอคติและความแค้นส่วนบุคคล เป็นไปเพื่อทำลายพระพุทธศาสนาและวัดพระธรรมกาย”
ศิษยานุศิษย์พา “ธัมมชโย” หลบออกนอกประเทศ
ดูเหมือนว่าแผนการดึงนานาประเทศเข้ามาเป็นแนวร่วมนั้น เป็นการเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการประชุมวางแผนจับพระธัมมชโย เตรียมพร้อมกำลังตำรวจ 15 กองร้อยกว่า 2,000 นายไว้แล้ว พร้อมทั้งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเฝ้าประตูทางเข้า-ออกของวัด เพื่อดูแลความปลอดภัย และป้องกันการแทรกแซง ก่อสถานการณ์ของมือที่ 3
ขณะเดียวกันในวันที่ 13 ธ.ค. ทางดีเอสไอ และตำรวจ ได้ส่งกำลังไปสังเกตการณ์ตามจุดต่าง ๆ บริเวณวัดพระธรรมกาย และตำรวจได้มีการตรวจรถทุกคันที่มีการขนคนเข้ามาในวัดธรรมกาย เพื่อป้องกันมือที่ 3 เข้ามาสร้างสถานการณ์ โดยทางดีเอสไอและตำรวจได้สั่งกำชับเจ้าหน้าที่เลี่ยงการปะทะเพราะไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง ส่วนบรรดาศิษย์วัดก็มีการขนเก้าอี้สีแดงมาไว้ที่ประตูหก เพื่อให้พระของวัดพระธรรมกาย นั่งเรียงแถวตากแดดเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ดี หากเจ้าหน้าที่บุกเข้าไปจับตัวพระธัมมชโยจริง ก็ยังไม่แน่ชัดว่า ดีเอสไอจะคว้าน้ำเหลวหรือไม่ เพราะข้อมูลเชิงลับแจ้งว่า พระธัมมชโย ไม่ได้จำวัดอยู่ที่วัดพระธรรมกายแล้วตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา รวมทั้งเมื่อวันที่ 30 พ.ย. 59 พระมหานพพร ปุญฺญชโย ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักสื่อสารฯ วัดพระธรรมกาย ก็ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อ โดยไม่ยืนยันว่าพระธัมมชโยยังอยู่ที่วัด โดยอ้างว่าไม่ได้ไปกราบนมัสการนานแล้ว
ดังนั้น ทางดีเอสไอและตำรวจ จึงมีการประสานกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อตรวจสอบหลักฐานว่า ศิษยานุศิษย์ได้นำพระธัมมชโย หนีออกนอกประเทศ โดยขึ้นเครื่องต่อไปยังประเทศอื่น ที่วัดพระธรรมกายมีเครือข่ายใน 30 ประเทศ 80 วัดทั่วโลก โดยเฉพาะเส้นทางจากวัดพระธรรมกายเพื่อเชื่อมต่อไปยังบริเวณตะเข็บชายแดนเพื่อเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้านใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็จะถึงจุดหมายได้เช่นกัน