xs
xsm
sm
md
lg

DSI-ตร.ถกจับธัมมี่ สั่งรื้อสิ่งกีดขวางสะพาน จับตาดีเดย์บุกธรรมกาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ตำรวจนัดถกดีเอสไอ วางแผนดำเนินการจับ"ธัมมชโย" อีกรอบวันนี้ สนง.ธนารักษ์ปทุมธานี นำป้ายติดสะพานวัดพระธรรมกาย สั่งนำสิ่งกีดขวางออก เพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์ได้ ด้านคณะศิษย์ธรรมกาย ดิ้นขอพึ่งพระบารมี ร.10 คลี่คลายสถานการณ์ นิด้าโพล เผย 48.8% จี้ "ธัมมชโย" มอบตัวพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ขณะที่ 23.3% เชียร์ ดีเอสไอ-ตร. บุกจับกุม

จากกรณีที่มีรายงานข่าวว่า วันนี้ (12ธ.ค.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. จะเรียกประชุมวางแผนร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เจ้าหน้าที่ทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ บช.ภ.1 เพื่อสนธิกำลังเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย จับกุมตัวพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย หลังถูกแจ้งข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร คดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนียน คลองจั่น มูลค่าประมาณ 1,400 ล้านบาท และคดีรุกป่า ในช่วงเช้าวันที่ 13 ธ.ค. นั้น

วานนี้ (11ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 (รรท.ผบก.ส.4) กล่าวถึงความคืบหน้าการวางแผนดำเนินการกับ พระธัมมชโย ว่า ในวันนี้(12 ธ.ค.) เวลา 10.00 น. จะมีการประชุมร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เกี่ยวกับการวางแผนดำเนินการที่ดีเอสไอ อีกครั้ง

ส่วนในวันที่ 13 ธ.ค. จะมีปฏิบัติการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย เพื่อจับกุมพระธัมมชโย ตามกระแสข่าวจริงหรือไม่นั้น พล.ต.ต.ชยพล กล่าวว่า ยังไม่รู้ ไม่รู้ว่าผู้สื่อข่าวเอาข่าวมาจากไหน โดยวันที่12 ธ.ค. เจ้าหน้าที่จะประชุมวางแผนกันอีกครั้ง เมื่อถามถึงกระแสข่าวเรื่องการขอหมายค้นวัดพระธรรมกายเอาไว้แล้ว รรท.ผบก.ส.4 กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถามทาง ดีเอสไอ

**สั่งรื้อถอนสิ่งกีดขวางสะพาน

วันเดียวกันนี้ นายชูชาติ ศุภวรรธนางกูร อดีตผู้อำนวยการโครงการชลประทานปทุมธานี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้นำป้ายบังคับเงื่อนไงของชลประทานว่า สะพานดังกล่าวให้ประชาชนใช้ประโยชน์ได้ เพื่อให้วัดพระธรรมกาย ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่กีดขวางทางสาธารณะ และก่อสร้างสะพานโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงมีการก่อสร้างสะพานที่อนุญาตแล้ว แต่ทำผิดเงื่อนไข ปิดกั้นสะพาน ไม่ให้เป็นสาธารณะประโยชน์ และมีการแจ้งความดำเนินคดีกับวัดพระธรรมกาย รวม 6 รายการ ประกอบด้วย การก่อสร้างสะพานโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 3 สะพาน บริเวณถนนจุดเชื่อมต่อมอเตอร์เวย์ คลองสี่ มุ่งเข้าวัดพระธรรมกาย และการก่อสร้างสะพานที่อนุญาตแล้ว แต่ทำผิดเงื่อนไข ปิดกั้นสะพานไม่ให้เป็นสาธารณะประโยชน์ จำนวน 3 สะพาน บริเวณสะพานเลียบคลองชลประทาน ส่งน้ำที่ 8 ซ้าย หรือเรียกว่า คลองแอล ระหว่างคลองสาม และคลองสี่

นายชูชาติ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ของจังหวัดปทุมธานี ได้ติดป้ายบังคับเงื่อนไงของชลประทานว่า สะพานดังกล่าวให้ประชาชนใช้ประโยชน์ได้ ที่สะพานข้ามคลองชลประทาน เนื่องจากเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ได้ประชุมส่วนราชการจังหวัดปทุมธานี พร้อมดำเนินการสั่งการให้ แจ้งความร้องทุกข์ ที่ สภ. คลองหลวง และติดป้ายบังคับเงื่อนไงของชลประทานว่า สะพานดังกล่าวให้ประชาชนใช้ประโยชน์ได้

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ คือ 1. สะพานที่ทางวัดธรรมกายได้ขออนุญาต และได้มีการก่อสร้างแล้ว ได้มีการใช้ประโยชน์ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง 2. สะพานที่ได้รับอนุญาตแล้ว และมีการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่เงื่อนไขการใช้สะพานยังผิดวัตถุประสงค์ เนื่องจากการขออนุญาตการก่อสร้างสะพาน ผู้ขออนุญาตจะต้องยกเป็นของสาธารณประโยชน์ ให้กับธนารักษ์ และประชาชนทั่วไปสามารถใช้ได้ แต่ปรากฏว่ามีบางสะพานที่ถูกปิดกั้นการสัญจร และในส่วนสุดท้ายคือ สะพานที่อยู่ในระหว่างการขออนุญาต แต่ได้ดำเนินการก่อสร้างแล้ว

ซึ่งเมื่อวานนี้ ทางสำนักงานธนารักษ์ พื้นที่ปทุมธานีโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ ได้นำป้ายผ้าใบมาติดที่สะพานข้ามคลองสาม ทั้ง 2 แห่งนั้นเพื่อให้ทางวัดพระธรรมกายรู้ว่า สะพานทั้ง 2 แห่งนี้ ซึ่งทางวัดพระธรรมกายได้ขอก่อสร้างให้เป็นสาธารณะประโยชน์ ไม่สามารถนำสิ่งของมาตั้งขวางไว้ได้ และห้ามนำรั้วมาปิดไว้เช่นนี้ และมีบางสะพานได้รับอนุญาตแล้ว ยังไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่จะให้สะพานเป็นทางสาธารณะ ดังนั้นทางสำนักงานธนารักษ์ พื้นที่ปทุมธานี โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ ก็ได้นำป้ายซึ่งบอกว่าเป็นสะพานสาธารณะประโยชน์ ให้ผู้ปฏิบัติตามเป็นให้เป็นทางสาธารณะ ไม่ใช่มาปิดกั้นแบบนี้

** ศิษย์ธรรมกายดิ้นขอพึ่งพระบารมี ร.10

เมื่อเวลา 15.00 น. วานนี้ (11 ธ.ค.) นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ได้แถลงข่าว แสดงท่าทีและจุดยืนของเครือข่ายคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายทั่วโลกต่อสื่อมวลชน ที่จุดแถลงข่าวบริเวณพื้นที่ต้อนรับสื่อมวลชน อาคาร information หน้ามหาวิหารรูปหล่อทองคำ พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร )วัดพระธรรมกาย

นายองอาจ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ส่อว่าจะบังเกิดเหตุรุนแรง ระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐ กับสถาบันพระพุทธศาสนา อันเนื่องมาจากการดำเนินการโดยไม่เป็นธรรม ดังนี้

1. การดำเนินการของพนักงานสอบสวนในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น และคดีอื่นที่เกี่ยวโยงกัน มีความไม่เป็นธรรมหลายประการ อาทิ มีการแจ้งความดำเนินคดี และพนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหาคณะศิษยานุศิษย์ ที่ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อเยียวยาแก่สหกรณ์ฯคลองจั่น ว่ามีความผิดข้อหาเรี่ยไร ทั้งที่เงินนั้นก็เป็นเงินของศิษยานุศิษย์ที่เสียสละมาเยียวยาแก่สหกรณ์ฯ ตามข้อตกลงในศาล และศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องทั้งวัดพระธรรมกาย และพระเทพญาณมหามุนี อีกทั้งสหกรณ์ฯ มีหนังสือขอบคุณแก่คณะศิษยานุศิษย์ แต่คณะศิษยานุศิษย์กลับถูกดำเนินคดีตกเป็นผู้ต้องหา แสดงถึงเจตนาในการหาเรื่องกลั่นแกล้ง ไม่เป็นธรรม

2. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) ได้ดำเนินคดี พระเทพญาณมหามุนี ข้อหาบุกรุกป่า และข้อหาก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างทับลำรางสาธารณะ ที่สวนป่าหิมวันต์ อ.ภูเรือ จ.เลย และที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมเวิลด์ พีซ จ.นครราชสีมา โดยอ้างอิงความเห็นของ นายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศของศาล ทั้งที่ นายวิฑูรย์ ซึ่งเคยเป็นอดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้ และถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เพราะทำความผิดฐานวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศบิดเบือนความจริง สร้างความเสียหายต่อราชการหลายกรรม หลายวาระ และสำนักงานศาลยุติธรรม ไม่ต่อทะเบียนการเป็นผู้เชี่ยวชาญฯของศาล นายวิฑูรย์ฯ จึงมิได้เป็นผู้เชี่ยวชาญฯของศาลแล้ว ซึ่งทางวัดพระธรรมกาย ได้ขอให้ผู้เชี่ยวชาญฯของศาลที่แท้จริง วิเคราะห์ตรวจสอบด้วยแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ ของกรมแผนที่ทหาร ปรากฏผลการตรวจสอบว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่ได้อยู่ในเขตป่า และไม่มีลำรางสาธารณะแต่อย่างใด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส. กลับเลือกที่จะเชื่อผลการวิเคราะห์ฯของ นายวิฑูรย์ และไปขอออกหมายจับพระเทพญาณมหามุนี

3. กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ได้ขอให้ กสทช. สั่งหยุดการออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม DMC โดยไม่มีการไต่สวน ทั้งที่เนื้อหามีแต่การสวดมนต์ นั่งสมาธิ สอนธรรมะให้ประชาชนเป็นคนดี

4. พฤติกรรมดังกล่าวข้างต้นของดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส. โดยการนำของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ทำให้คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย พิจารณาแล้วเห็นว่าพระเทพญาณมหามุนี และวัดพระธรรมกาย ถูกกลั่นแกล้งดำเนินคดีโดยไม่เป็นธรรม

5. ขณะนี้มีข่าวปรากฏในสื่อมวลชนว่า ทางดีเอสไอ และตำรวจ ได้สนธิกำลังกับทหารและฝ่ายปกครอง รวมกว่า 3,000 คน พร้อมด้วยเฮลิคอปเตอร์ สุนัขตำรวจ รถคลื่นเสียงแรงสูงทำลายแก้วหู รถฉีดน้ำความดันสูง หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด เตรียมบุกเข้าวัดพระธรรมกาย ต่อเนื่องเป็นเวลา 4 วัน โดยได้ประสานสั่งการให้โรงพยาบาลใกล้เคียงทุกแห่งเตรียมแพทย์พยาบาลไว้ให้พร้อม ส่อให้เห็นว่า จะใช้ความรุนแรงเข้าปราบปรามจับกุมคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่มาสวดมนต์นั่งสมาธิอยู่ในวัดจำนวนหลายหมื่นคนด้วยความเป็นห่วงพระเทพญาณมหามุนี ซึ่งจะทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก จะกลายเป็นข่าวอื้อฉาว สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ประเทศชาติในสายตาชาวโลกอย่างยิ่ง และจะเป็นบาดแผลความขัดแย้งอย่างลึกซึ้ง ระหว่างสถาบันชาติ กับสถาบันพระพุทธศาสนาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนใน ประวัติศาสตร์ชาติไทย

6. ทำไมเจ้าหน้าที่ต้องยกกำลังกันหลายพันคนราวกับจะทำสงคราม เพียงเพื่อจะจับกุมพระภิกษุชรา ที่อาพาธหนัก และทำความดีมาทั้งชีวิต เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ได้ไม่เท่าเสีย เหมือนขี่ช้างจับตั๊กแตน หรือไม่ ทั้งที่ไม่ใช่คดีร้ายแรง แต่เวลาพระใน 4 จังหวัดภาคใต้ถูกฆ่า วัดถูกเผา เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และตำรวจ เคยทุ่มเทกำลัง 3,000 นาย เพื่อเข้าคลี่คลายคดี หรือไม่
7. ในช่วงเวลานี้เป็นห้วงเวลาพิเศษที่ชาวไทยทั้งประเทศรวมถึงคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ได้ร่วมใจกันจัดพิธีบำเพ็ญกุศลเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นประจำทุกวัน ยิ่งกว่านั้นยังเป็นโอกาสมหามงคลอันประเสริฐ ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้เสด็จขึ้นครองราชย์ เป็นมิ่งขวัญของประชาชนชาวไทย ควรจะเป็นห้วงเวลาที่ชาวไทยทุกคนได้สมานฉันท์เป็นหนึ่งเดียวกัน รักษาสังคมบ้านเมืองที่สงบสันติสุขเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เสริมพระบรมเดชานุภาพของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยให้ปรากฏแก่ชาวโลก ไม่ควรที่จะมีเหตุการณ์รุนแรงใดๆเกิดขึ้น

8. คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายนับล้านคน คณะสงฆ์ และชาวพุทธทั่วโลก ได้จับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด องค์กรพุทธนานาชาติจำนวนมากได้ทำหนังสือทักท้วงไปยัง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ขอให้ระงับยับยั้งการใช้ความรุนแรงต่อพระสงฆ์ ชาวพุทธ และวัดในพระพุทธศาสนา

9. เรื่องที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ความรู้สึกของประชาชนหมู่ใหญ่หลายล้านคน โดยเฉพาะเป็นเรื่องความเชื่อศรัทธาทางศาสนา เป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง ขอให้เจ้าหน้าที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการแสดงออก อย่าให้มีลักษณะข่มขู่คุกคาม แต่แสดงให้เห็นถึงความเป็นกลาง ยุติธรรมอย่างแท้จริง จนได้รับความเชื่อถือจากประชาชน ปัญหาก็จะสามารถคลี่คลายไปได้ด้วยดีในที่สุด แม้จะต้องใช้เวลาบ้าง แต่ก็เป็นทางออกที่ส่งผลดีที่สุดสำหรับประเทศชาติ และพระพุทธศาสนา

สุดท้าย นายองอาจ ชูพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พร้อมกล่าวว่า เวลานี้เหลือที่พึ่งสุดท้ายหนึ่งเดียวที่จะพึ่งได้ คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ จึงจำต้องขอพระบรมราชานุญาต กราบบังคมทูลถวายฎีการ้องทุกข์ต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร อันเปรียบประดุจพระบิดาของประชาชนชาวไทยทั้งชาติ เพื่อขอพึ่งพระบารมี ให้ยุติการดำเนินคดีที่มิชอบ และมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ความรุนแรงทำร้าย ทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตาย ต่อประชาชนผู้เป็นพสกนิกรของพระองค์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิง และคนชรา

** นิด้าโพลจี้"ธัมมชโย"มอบตัว

ด้าน“นิด้าโพล”ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “กรณีการดำเนินคดีพระธัมมชโย”ระหว่างวันที่ 6-7 ธ.ค.ที่ผ่านมา จากประชาชนทั่วประเทศ รวม 1,250 ตัวอย่าง เกี่ยวกับการดำเนินคดีพระธัมมชโย พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 48.88 ระบุว่า พระธัมมชโย ควรมอบตัวด้วยตนเอง เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธ์ รองลงมา ร้อยละ 23.12 เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และตำรวจ ควรรีบบุกจับกุมพระธัมมชโยโดยเร็ว เพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ร้อยละ 16.80 คสช. ควรใช้อำนาจตาม มาตรา 44 ปรับเปลี่ยนผู้บริหารวัดพระธรรมกาย และผู้บริหารของมูลนิธิที่อิงวัดพระธรรมกาย ร้อยละ 5.68 เจ้าหน้าที่รัฐควรมีมาตรการกดดันให้พระธัมมชโยมอบตัว เช่น ตัดน้ำ ตัดไฟ หรือระบบสื่อสารของวัดพระธรรมกาย ร้อยละ 1.52 อื่นๆ ได้แก่ การจับกุมเป็นไปได้ยาก ยืดเยื้อมานานพอสมควร, กฎหมายไม่หนักแน่นพอ, ควรใช้วิธีการที่เหมาะสม เช่น การเจรจา, ขณะที่บางส่วนเห็นแย้งว่าไม่ให้ดำเนินการใดๆ เนื่องจากเห็นว่าพระธัมมชโยไม่ได้กระทำความผิดใดๆ และร้อยละ 4.00 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ

เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถนำตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดีภายใน 3 เดือน ตามที่รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวไว้ พบว่า ประชาชน ร้อยละ 14.40 มั่นใจมาก ร้อยละ 16.40 ค่อนข้างมั่นใจ ร้อยละ 2.08 มั่นใจครึ่งหนึ่ง ไม่มั่นใจครึ่งหนึ่ง ร้อยละ 36.08 ไม่ค่อยมั่นใจ ร้อยละ 28.00 ไม่มั่นใจเลย และร้อยละ 3.04 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ
กำลังโหลดความคิดเห็น