xs
xsm
sm
md
lg

“ลูกอาร์ท” โดนแล้ว 4 คดี โทษติดคุกนะจ๊ะ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

“องอาจ ธรรมนิทา” โฆษกหน้าใสวัดพระธรรมกายทุ่มสุดตัวปกป้องพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย แถลงแต่ละครั้งแขวะฝ่ายตรงข้าม แถมระยะหลังมีกึ่งขู่ “อย่าให้ลูกศิษย์ตกใจ” หรือ “ไม่ยืนยันควบคุมลูกศิษย์ได้หากเจ้าหน้าที่บุก” ส่งผล DSI ฟ้อง 2 คดี หลวงปู่พุทธอิสระฟ้องอีก 1 คดี ล่าสุดวิฑูรย์ ชลายนนาวิน ฟ้องอีกราย นักกฎหมายชี้หมิ่นประมาทไม่เท่าไหร่ แต่ยุยงปลุกปั่นโทษหนัก

สำหรับศิษย์วัดพระธรรมกาย คงไม่มีใครไม่รู้จักโฆษกของวัดบุคลิกดีอย่างลูกอาร์ทหรือนายองอาจ ธรรมนิทา แต่สำหรับคนนอกวัดหรือคนที่ไม่ได้ศรัทธาในวัดพระธรรมกายแล้ว น่าจะเริ่มสะดุดตากับโฆษกรายนี้จากวันที่ 22 พฤษภาคม 2559 ซึ่งเป็นวันที่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมดีเอ็มซี ทีวี เครือข่ายวัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี ได้ถ่ายทอดสดแถลงการณ์คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย หลังจากที่พระธัมมชโยไม่ได้เดินทางไปมอบตัวตามที่นัดหมาย

การถ่ายทอดสดมีนายองอาจเป็นผู้ชี้แจงกับสื่อมวลชนและเข้าไปพบพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาในคดีฟอกเงินและรับของโจร นอนอยู่บนเตียง โดยระบุว่ามีอาการอาพาธ และได้เปิดผ้าห่มโชว์แผลที่บริเวณขา เป็นการถ่ายทอดสดต่อเนื่องไม่มีการตัดต่อ เพื่อแสดงให้เห็นว่าพระธัมมชโยอยู่ในอาการอาพาธจริง

พร้อมด้วยการชี้แจงข้อครหาต่าง ๆ เช่น วัดพระธรรมกายไม่มีนโยบายจะใช้พลังมวลชนมาต่อต้านกระบวนการทางกฎหมาย ดังจะเห็นได้จากขณะที่มีการออกหมายจับ มีผู้นำอุบาสิกาแก้วจำนวน 50,000 กว่าคนมาปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดพระธรรมกาย ทุกคนก็สวดมนต์นั่งสมาธิตามปกติ เมื่อเสร็จงานวันวิสาขบูชา ต่างก็เดินทางกลับภูมิลำเนาตามกำหนดการ

ในวันดังกล่าวทำให้ภาพของนายองอาจ ธรรมนิทา โดดเด่นติดตาคนทั่วไปทันทีด้วยความฉะฉานและดำเนินรายการด้วยความชัดเจน

20 ปีในวัดพระธรรมกาย

องอาจ หรือ “อาร์ท” เกิดเดือนมิถุนายน ปี 2524 จบการศึกษาจากโรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จบปริญญาตรีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และคณะนิเทศศาสตร์ (วิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

อาร์ทเข้าไปคลุกคลีที่วัดพระธรรมกายตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 3 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 20 ปี ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้ดำเนินรายการในสถานีโทรทัศน์ DMC ของวัดพระธรรมกายและโฆษกวัดพระธรรมกาย

“พระเดชพระคุณหลวงพ่อ” กลายเป็นคำที่ติดหูคนไทย เมื่ออาร์ทกล่าวถึงพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโยทุกครั้ง และเมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อของพวกเขาถูกดำเนินคดีร่วมกันฟอกเงินและรับของโจรจากกรณีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เขาจึงได้รับหน้าที่ให้เป็นผู้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนทุกครั้ง

ภายใต้สถานการณ์ที่รุมเร้าพระธัมมชโยถูกออกหมายจับ จนมีการเข้าไปตรวจค้นวัดพระธรรมกายเมื่อ 16 มิถุนายน 2559 เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้ประสานกับทางพระของวัดพระธรรมกาย จะเข้าไปตรวจค้นตามหมายค้น ซึ่งทางวัดยินยอมให้ตรวจค้น แต่ทางวัดกลับระดมลูกศิษย์จำนวนมากมานั่งขวางทางในการปฏิบัติหน้าที่ โดยอ้างว่ามาสวดมนต์ จนเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปตรวจค้นได้
นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย แถลงข่าวเมื่อ 22 มิถุนายน 2559
ถูกฟ้องหมิ่น 2 คดี

หลังจากนั้น 22 มิถุนายน นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์ อ่านแถลงการณ์ หนึ่งในนั้นได้ตั้งคำถามว่า การกระทำของดีเอสไอนี้ เป็น 2 มาตรฐานหรือไม่ มีใบสั่งหรือเปล่า ดีเอสไอ จะสร้างความเชื่อมั่นแก่สังคมและคณะศิษยานุศิษย์ ว่าดำเนินการทุกอย่างด้วยความเที่ยงธรรมตามกฎหมาย ไม่มีเอียง ไม่ 2 มาตรฐาน ได้อย่างไร ซึ่งในขณะนี้คณะศิษย์กำลังพิจารณากล่าวโทษผู้เกี่ยวข้อง ต่อหน่วยงานของรัฐต่อไป

หากการดำเนินการของดีเอสไอถูกมองว่า 2 มาตรฐาน เลือกปฏิบัติ มีวาระแฝงเร้น ก็ยากที่จะให้สังคมเชื่อมั่น ยอมรับคำเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพกฎหมายก็อาจกลายเป็นเรื่องตลก เพราะอาจถูกมองได้ว่าเป็นการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือเพื่อพิฆาตทำลายศัตรูทางการเมืองของผู้มีอำนาจเท่านั้น ความจำเป็นรีบด่วนที่สุดของกระบวนการยุติธรรมในวันนี้ ก็คือ ต้องปรับปรุงการดำเนินงานใหม่ ให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าไม่ลำเอียง 2 มาตรฐาน ไม่ตกเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจใช้ในการทำลายล้างทางการเมือง เมื่อนั้นกระบวนการยุติธรรมก็จะได้รับความเคารพและปฏิบัติตามจากประชาชนทั้งแผ่นดิน...

อีก 5 วันต่อมา 27 มิถุนายน 2559 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เข้าแจ้งความที่กองปราบปราม เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ในข้อหาหมิ่นประมาทและหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา โดยนำเอกสารหน้าเว็บไซต์ dmc.tv ของสถานีโทรทัศน์ดีเอ็มซี ในเครือข่ายวัดพระธรรมกาย พร้อมซีดีบันทึกภาพและเสียงการแถลงข่าวของช่องดังกล่าวมามอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อใช้เป็นหลักฐาน

เนื่องจากนายองอาจมีการพูดจาในเชิงลักษณะทำให้ทางดีเอสไอได้รับความเสื่อมเสียและเป็นที่เข้าใจผิดแก่ประชาชนผ่านการแถลงข่าวทางช่องดีเอ็มซี หรือช่องธรรมกายชาแนล เผยแพร่ออกอากาศไปเมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมาซึ่งมีผลกระทบต่อรูปคดีฟอกเงินและรับของโจรที่พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ตกเป็นผู้ต้องหา

ในคราวเดียวกันนี้ยังพาดพิงไปถึงพระพุทธอิสระ จนพระพุทธอิสระพร้อมทนายความได้แจ้งความกับทางตำรวจ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายองอาจ ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ใส่ร้ายพระพุทธอิสระ ว่า มีอภิสิทธิ์ในทางคดีกว่าผู้ต้องหาอื่นๆ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 และ 328

เป็นอันว่าการแถลงข่าวเมื่อ 22 มิถุนายน 2559 นายองอาจถูกแจ้งความถึง 2 คดี
นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย แถลงข่าวเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2559
ปฏิบัติการขู่เจ้าหน้าที่

จากนั้น 24 พฤศจิกายน 2559 นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ได้แถลงข่าวโดยยืนยัน พระธัมมชโยอาพาธจริง และยังอยู่ในวัดพระธรรมกาย ยังไม่เคยออกปฏิบัติศาสนกิจตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น

แต่หนึ่งในคำแถลงดังกล่าวที่ฮือฮาเป็นอย่างมากนั่นคือ “ถ้าดีเอสไอประสานมาทางวัด ก็จะให้ฝ่ายกฎหมายเป็นผู้พิจารณาว่าจะทำอย่างไร ส่วนจะมีการใช้กำแพงมนุษย์ขัดขวางหรือไม่นั้น ขออย่าใช้คำว่ากำแพงมนุษย์เลย เพราะที่วัดพระธรรมกาย มีแต่ผู้มาปฏิบัติธรรม ถ้าจะเรียกว่ากำแพงแห่งคุณธรรมก็ใช่ เรื่องที่จะขัดขวางไม่มี เว้นแต่จะมีคนมาเร้าให้เกิดความวุ่นวายขึ้นหรือไม่ อย่างคราวก่อน ทำยังกับที่นี่ไม่ใช่วัด มีการเตรียมกำลังเป็นพันคน พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ จะไม่ให้ลูกศิษย์วัดตกใจหรือ คนเราถ้าตกใจย่อมทำอะไรก็ได้ อย่าทำให้ลูกศิษย์วัดตกใจก็แล้วกัน”

ล่าสุดเมื่อ 11 ธันวาคม 2559 โฆษกวัดพระธรรมกายได้ออกมาแถลงอีกครั้ง หลังจากที่มีกระแสข่าวว่าทางกรมสอบสวนคดีพิเศษจะเข้าดำเนินการจับกุมพระธัมมชโย หลังจากที่อัยการสั่งฟ้องพระธัมมชโย โดยกล่าวหา กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ขอให้ กสทช. สั่งหยุดการออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม DMC โดยไม่มีการไต่สวน ทั้งที่เนื้อหามีแต่การสวดมนต์ นั่งสมาธิ สอนธรรมะให้ประชาชนเป็นคนดี

พร้อมทั้งกล่าวว่า ขณะนี้มีข่าวปรากฏในสื่อมวลชน ว่า ทางดีเอสไอและตำรวจได้สนธิกำลังกับทหารและฝ่ายปกครองรวมกว่า 3,000 คน พร้อมด้วยเฮลิคอปเตอร์ สุนัขตำรวจ รถคลื่นเสียงแรงสูง ทำลายแก้วหู รถฉีดน้ำความดันสูง หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด เตรียมบุกเข้าวัดพระธรรมกายต่อเนื่องเป็นเวลา 4 วัน โดยได้ประสานสั่งการให้โรงพยาบาลใกล้เคียงทุกแห่งเตรียมแพทย์พยาบาลไว้ให้พร้อม ส่อให้เห็นว่า จะใช้ความรุนแรงเข้าปราบปรามจับกุมคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่มาสวดมนต์นั่งสมาธิอยู่ในวัดจำนวนหลายหมื่นคนด้วยความเป็นห่วงพระเทพญาณมหามุนี ซึ่งจะทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก จะกลายเป็นข่าวอื้อฉาวสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ประเทศชาติในสายตาชาวโลกอย่างยิ่ง และจะเป็นบาดแผลความขัดแย้งอย่างลึกซึ้ง ระหว่างสถาบันชาติ กับสถาบันพระพุทธศาสนา อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย

คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายนับล้านคน คณะสงฆ์ และชาวพุทธทั่วโลก ได้จับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด องค์กรพุทธนานาชาติจำนวนมาก ได้ทำหนังสือทักท้วงไปยัง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ขอให้ระงับยับยั้งการใช้ความรุนแรงต่อพระสงฆ์ ชาวพุทธ และวัดในพระพุทธศาสนา

“ลูกศิษย์ทุกคนติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และไม่ยืนยันว่าจะสามารถจัดระเบียบ หรือควบคุมลูกศิษย์ได้ หากเจ้าหน้าที่บุกเข้ามาจริง เพราะในขณะนี้ในวัดมีลูกศิษย์จากทั่วประเทศเดินทางมาร่วมสวดมนต์จำนวนมาก”
นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย แถลงข่าวเมื่อ 11 ธันวาคม 2559
คดีงอกเรื่อยๆ

จึงเป็นเหตุให้กรมสอบสวนคดีพิเศษได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกศิษย์ยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย กับพวก ในข้อหากระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต โดยยุยงปลุกปั่นให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ที่กองปราบปรามอีกครั้งเมื่อ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา

ไม่ต้องกล่าวถึงการออกมาแถลงเมื่อครั้งโครงการเวิลด์พีซ วัลเลย์ ศูนย์ปฏิบัติธรรมของวัดพระธรรมกาย ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ที่อ้างอิงว่ามีเอกสารครบถ้วนแต่สุดท้ายก็ยอมคืนที่ดิน 140 ไร่ให้กับกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยเป็นการแอบคืนแบบเงียบ ๆ

ตามมาด้วยคดีล่าสุดที่เป็นผลจากการทำหน้าที่โฆษกของนายองอาจ ธรรมนิทา โดยเมื่อ 14 ธันวาคม 2559 นายวิฑูรย์ ชลายยนนาวิน ผู้เชี่ยวชาญของศาลยุติธรรม อดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้ อดีตรองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เข้าพบ พ.ต.ท.วิเชียร เหมือนสุวรรณ หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ให้ดำเนินคดีกับนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกศิษยานุศิษย์ วัดพระธรรมกาย ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามมาตรา 328

ซึ่งนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายได้แถลงข่าวกล่าวหาข้าพเจ้าในหนังสือพิมพ์ ว่า นายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน เป็นอดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้และถูกไล่ออกจากราชการเพราะกระทำความผิดฐานวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศบิดเบือนความจริง สร้างความเสียหายต่อทางราชการหลายกรรมหลายวาระ ซึ่งข้อความดังกล่าวอันก่อให้เกิดความเสียหายเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากบุคคลทั่วไปที่ได้อ่านและได้ฟังนายองอาจให้สัมภาษณ์

นับเป็นคดีที่ 4 ที่ผู้เสียหายอย่างกรมสอบสวนคดีพิเศษและพระพุทธอิสระได้เข้าแจ้งความต่อนายองอาจ ธรรมนิทา ต่อการทำหน้าที่โฆษกวัดพระธรรมกาย ที่พาดพิงหรือกล่าวหาไปยังบุคคลอื่น นับว่าเป็นการทำหน้าที่ให้กับวัดพระธรรมกายแบบทุ่มกายถวายชีวิตให้กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระเทพญาณมหามุนีของพวกเขา
นายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน แจ้งความดำเนินคดีกับนายองอาจ ธรรมนิทา
คดียุยงปลุกปั่นโทษหนัก

สำหรับคดีหมิ่นประมาทตอนนี้มีเจ้าทุกข์ที่เข้าแจ้งความต่อนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกวัดพระธรรมกายแล้ว ประกอบด้วย กรมสอบสวนคดีพิเศษ พระพุทธอิสระ และนายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน

มาตรา 326 ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 328 ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษรกระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท

ส่วนคดียุยงปลุกปั่นนั้นมีกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นผู้เข้าดำเนินการแจ้งความ เอาผิดตามมาตรา 116 ผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต

(1) เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้าย

(2) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือ

(3) เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี

อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติแล้วคดีหมิ่นประมาทมักจะมีการพ่วงการฟ้องตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ 2550 ในมาตรา 14 เข้าไปด้วย คือนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ซึ่งผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“คดีหมิ่นประมาทโทษไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่กรณีของคดียุยงปลุกปั่นนั้นโทษจะแรงกว่า ทั้งนี้นายองอาจคงต้องปฏิบัติตามกฎหมายหากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวมาก็ต้องมาพบ หากไม่มาก็ต้องออกหมายเรียก และยังต้องขึ้นอยู่กับเจ้าพนักงานว่าจะฟ้องหรือไม่ จนถึงขั้นตอนอัยการ คงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง” นักกฎหมายรายหนึ่งกล่าว

กำลังโหลดความคิดเห็น