xs
xsm
sm
md
lg

โฆษกธรรมกายขู่ เกรงบาดเจ็บล้มตาย หากบุกจับ “ธัมมชโย”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ขอพึ่งพระบารมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ อ้างเจ้าหน้าที่เตรียมบุกเข้าวัดพระธรรมกาย เพื่อจับกุม “พระธัมมชโย” จะปะทะกับลูกศิษย์ที่เป็นห่วงบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก โวยทำไมต้องยกกำลังกันหลายพันคน ราวกับจะทำสงคราม จับกุมพระภิกษุชราอาพาธหนัก ทำความดีมาทั้งชีวิต โบ้ยลูกศิษย์ที่ขัดขวางแต่ละคนมีความคิดของตัวเอง ไม่มีใครสั่งได้

วันนี้ (11 ธ.ค.) ที่จุดแถลงข่าว ประตูทางเข้าที่ 7 (หน้ามหาวิหารรูปหล่อทองคำหลวงพ่อสด) วัดพระธรรมกาย ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อเวลา 14.45 น. นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย แถลงข่าวกรณีที่เจ้าหน้าที่จะมีการจับกุม พระเทพญาณมหามุณี หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาในคดีสมคบฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร รวมทั้งคดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ที่ อ.ภูเรือ จ.เลย และ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ระบุว่า ขณะนี้สถานการณ์ส่อว่าจะเกิดเหตุรุนแรง ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐ กับคณะศิษยานุศิษย์ อันเนื่องมาจากการดำเนินการโดยไม่เป็นธรรมของพนักงานสอบสวน ในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น และคดีอื่นที่เกี่ยวโยงกัน

อาทิ มีการแจ้งความดำเนินคดี และตั้งข้อหาคณะศิษยานุศิษย์ที่ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อเยียวยาแก่สหกรณ์ในข้อหาเรี่ยไร ทั้งที่เป็นเงินของศิษยานุศิษย์แต่ละคน เสียสละมาเยียวยาแก่สหกรณ์ฯ ตามข้อตกลงในศาล และศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องทั้งวัดพระธรรมกาย และ พระเทพญาณมหามุนี อีกทั้งสหกรณ์ มีหนังสือขอบคุณแก่คณะศิษยานุศิษย์ เจ้าหน้าที่ของรัฐแทนที่จะมอบรางวัลแสดงความชื่นชม แต่คณะศิษยานุศิษย์กลับถูกดำเนินคดี แสดงถึงเจตนาในการหาเรื่องกลั่นแกล้ง ไม่เป็นธรรม

ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) ดำเนินคดีพระเทพญาณมหามุนี ข้อหาบุกรุกป่า และข้อหาก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างทับลำรางสาธารณะ ที่สวนป่าหิมวันต์ อ.ภูเรือ จ.เลย และที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมเวิลด์ พีซ วัลเล่ย์ จ.นครราชสีมา โดยอ้างอิงความเห็นของ นายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน ผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศของศาลนั้น ทางคณะศิษยาณุศิษย์เห็นว่า นายวิฑูรย์ เคยเป็นอดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้ ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เพราะทำความผิดฐานวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศบิดเบือนความจริง สร้างความเสียหายต่อราชการหลายกรรมหลายวาระ และสำนักงานศาลยุติธรรมไม่ต่อทะเบียนการเป็นผู้เชี่ยวชาญของศาล นายวิฑูรย์จึงมิได้เป็นผู้เชี่ยวชาญของศาลแล้ว

“ทางวัดพระธรรมกายได้ขอให้ผู้เชี่ยวชาญของศาลที่แท้จริง วิเคราะห์ตรวจสอบด้วยแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศของกรมแผนที่ทหาร ปรากฏผลการตรวจสอบว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่ได้อยู่ในเขตป่า และไม่มีลำรางสาธารณะแต่อย่างใด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส. กลับเลือกที่จะเชื่อผลการวิเคราะห์ฯของนายวิฑูรย์ ซึ่งมีพฤติกรรมมัวหมองร้ายแรงจนถูกไล่ออกจากราชการ ไม่เชื่อผลการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญของศาลที่แท้จริง และไปขอออกหมายจับพระเทพญาณมหามุนี” นายองอาจ กล่าว

นายองอาจ กล่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ขอให้ คณะกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สั่งหยุดการออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมดีเอ็มซี โดยไม่มีการไต่สวน ทั้งที่เนื้อหามีแต่การสวดมนต์ นั่งสมาธิ สอนธรรมะให้ประชาชนเป็นคนดี พฤติกรรมของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส. นำโดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พิจารณาแล้วเห็นว่า พระเทพญาณมหามุนี และวัดพระธรรมกายถูกกลั่นแกล้ง ดำเนินคดีโดยไม่เป็นธรรม สร้างความรู้สึกทุกข์ร้อน คับแค้นใจอย่างแสนสาหัส

“ขณะนี้มีข่าวปรากฏในสื่อมวลชนว่าทางดีเอสไอ และตำรวจได้สนธิกำลังกับทหารและฝ่ายปกครองรวมกว่า 3,000 คน พร้อมด้วย เฮลิคอปเตอร์ สุนัขตำรวจ รถคลื่นเสียงแรงสูงทำลายแก้วหู รถฉีดน้ำความดันสูง หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด เตรียมบุกเข้าวัดพระธรรมกายต่อเนื่องเป็นเวลา 4 วัน โดยได้ประสานสั่งการให้โรงพยาบาลใกล้เคียงทุกแห่งเตรียมแพทย์พยาบาลไว้ให้พร้อม ส่อให้เห็นว่าจะใช้ความรุนแรงเข้าปราบปรามจับกุมคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่มาสวดมนต์นั่งสมาธิอยู่ในวัดจำนวนหลายหมื่นคน ด้วยความเป็นห่วงพระเทพญาณมหามุนี ซึ่งจะทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก จะกลายเป็นข่าวอื้อฉาวสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ประเทศชาติในสายตาชาวโลกอย่างยิ่ง และจะเป็นบาดแผลความขัดแย้งอย่างลึกซึ้ง ระหว่างสถาบันชาติกับสถาบันพระพุทธศาสนาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย” นายองอาจ กล่าว

นายองอาจ กล่าวว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ต้องยกกำลังกันหลายพันคน ราวกับจะทำสงคราม เพียงเพื่อจะจับกุมพระภิกษุชราที่อาพาธหนัก และทำความดีมาทั้งชีวิต เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ได้ไม่เท่าเสีย เหมือนขี่ช้างจับตั๊กแตนหรือไม่ ทั้งที่ไม่ใช่คดีร้ายแรง แต่เวลาพระใน 4 จังหวัดภาคใต้ถูกฆ่า วัดถูกเผา เจ้าหน้าที่ดีเอสไอและตำรวจเคยทุ่มเทกำลังเพื่อเข้าคลี่คลายคดีหรือไม่

“ในช่วงเวลานี้เป็นห้วงเวลาพิเศษที่ชาวไทยทั้งประเทศ รวมถึงคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ได้ร่วมใจกันจัดพิธีบำเพ็ญกุศลเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นประจำทุกวัน ยิ่งกว่านั้นยังเป็นโอกาสมหามงคลอันประเสริฐที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นมิ่งขวัญของประชาชนชาวไทย ควรจะเป็นห้วงเวลาที่ชาวไทยทุกคนได้สมานฉันท์เป็นหนึ่งเดียวกัน รักษาสังคมบ้านเมืองที่สงบสันติสุขเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเสริมพระบรมเดชานุภาพของสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ปรากฏแก่ชาวโลก ไม่ควรที่จะมีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้น” นายองอาจ กล่าว

นายองอาจ กล่าวว่า คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายนับล้านคน คณะสงฆ์และชาวพุทธทั่วโลก ได้จับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด องค์กรพุทธนานาชาติจำนวนมากได้ทำหนังสือทักท้วงไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีขอให้ระงับยับยั้งการใช้ความรุนแรงต่อพระสงฆ์ ชาวพุทธ และวัดในพระพุทธศาสนา เรื่องที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ความรู้สึกของประชาชนหมู่ใหญ่หลายล้านคน โดยเฉพาะเป็นเรื่องความเชื่อศรัทธาทางศาสนา เป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง

“ขอให้เจ้าหน้าที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการแสดงออก อย่าให้มีลักษณะข่มขู่คุกคาม แต่แสดงให้เห็นถึงความเป็นกลาง ยุติธรรมอย่างแท้จริงจนได้รับความเชื่อถือจากประชาชน ปัญหาก็จะสามารถคลี่คลายไปได้ด้วยดีในที่สุด แม้จะต้องใช้เวลาบ้าง แต่ก็เป็นทางออกที่ส่งผลดีที่สุดสำหรับประเทศชาติและพระพุทธศาสนา การใช้ความรุนแรงไม่ใช่ทางแก้ปัญหา แต่จะเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาใหม่ที่ร้ายแรงยิ่งกว่า ซึ่งเหตุที่คณะศิษยานุศิษย์ มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระเทพญาณมหามุนีอย่างมาก ก็เพราะคำสอนของท่านได้ชุบชีวิตของตนให้เป็นคนดี รักพระพุทธศาสนา” นายองอาจ กล่าว

นายองอาจ ตอบคำถามกับสื่อ กรณีที่มีการแจ้งความว่าทางวัดสร้างสะพานข้ามคลองโดยไม่ได้รับอนุญาต กีดขวางทางสาธารณะ และการวางอุปกรณ์กันแดด (สแลน) โดยรอบวัด กล่าวว่า เป็นเรื่องน่าเศร้า ที่ประชาชนจะต้องหาวิธีปกป้องตัวเองจากเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งกินเงินภาษีประชาชน พวกตนเป็นประชาชนตาดำๆ ไม่มีอำนาจอะไรที่จะดำเนินการอะไรได้ ยืนยันว่า วัดพระธรรมกาย และคณะศิษยานุศิษย์ ไม่เคยทำให้ประชาชนโดยเฉพาะรอบพื้นที่วัดเดือดร้อน ตนขอความเห็นใจ ซึ่งเรื่องต่างๆ ควรให้ผู้เกี่ยวข้องชี้แจง

ส่วนวันที่ 13 ธ.ค. เจ้าหน้าที่จะขอตรวจค้นวัดนั้น ตนและลูกศิษย์ทุกคนไม่มีอำนาจหรือวิธีการที่จะทำอะไรไปเทียบเคียงกับผู้มีอำนาจได้ อย่างมากได้แค่สวดมนต์ปฏิบัติธรรม ไม่สามารถจะคาดการณ์อะไรล่วงหน้าได้ ยืนยันว่า คณะศิษยานุศิษย์มาวัดเพื่อสวดมนต์และปฏิบัติธรรม ส่วนจะมีคณะศิษยาณุศิษย์นั่งสมาธิเพื่อขัดขวางเจ้าหน้าที่เมื่อคราวที่แล้วนั้น คงยากที่จะมีใครสั่งให้ซ้ายหันขวาหันได้ เพราะคณะศิษยานุศิษย์มีหลักแสน หลักล้าน ทุกคนมีความคิดของตัวเอง ที่ผ่านมาไม่มีใครสั่งการ และจะมีใครสั่งการไม่ได้ด้วย

ในตอนท้าย นายองอาจ กล่าวว่า ตนขอโอกาสในท่ามกลางสถานการณ์ที่สุกงอม มีแนวโน้มที่จะมีความรุนแรง คณะศิษยานุศิษย์ทุกคนก็คงไม่มีอะไร ตอนนี้คงมีทางเดียวเท่านั้น ก็คือ คงต้องขอพึ่งพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้โปรดอภิบาลคุ้มครองคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายทุกคน

“ขอพึ่งพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม ให้สถานการณ์ทั้งหมดทั้งมวลได้กลับร้ายกลายเป็นดี จากหนักก็เป็นเบา ก็คงจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายของข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ที่จะขอพึ่งพระบารมีแก่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ผู้เป็นประดุจพระบิดาของปวงข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ” ก่อนที่ นายองอาจ จะชูพระบรมฉายาลักษณ์ ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เหนือศีรษะให้สื่อมวลชนถ่ายรูป


กำลังโหลดความคิดเห็น