ผู้จัดการรายวัน360-วัดพระธรรมกายตรวจเข้มคนเข้า-ออก พร้อมขนตู้คอนเทนเนอร์ เหล็ก แท่นปูนกั้นประตู ขณะที่ศิษยานุศิษย์แห่เข้าวัดต่อเนื่อง "ศรีวราห์"ชี้โฆษกธรรมกายพยายามโยงสถาบัน ทหารจับตาอยู่ จ่องัดม.116 เอาผิด ฐานปลุกปั่นมวลชน ส่วนผลหารือจับ "ธัมมชโย" ล่าสุดยังไม่เคาะวัน แต่พร้อมตลอด เตือนศิษย์ขวางจับทันที เผยศาลอนุมัติหมายค้นวัดต่อเนื่อง 4 วัน ตั้งแต่ 13-16 ธ.ค. แล้ว ด้านดีเอสไอแถลงโต้ 9 ข้อ ยันทุกขั้นตอนทำตามกฎหมาย "ไพบูลย์" ซัด "องอาจ"สุดเหิม พร้อมสอนกฎหมาย ขอพระราชทานอภัยโทษต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่วัดพระธรรมกาย หลังมีกระแสข่าวว่าในวันนี้ (13 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะนำกำลังเข้าจับกุมพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่คาดว่าจะซ่อนตัวอยู่ภายในวัด โดยพบว่ามีคณะศิษยานุศิษย์เดินทางเข้าไปยังวัดพระธรรมกายกันอย่างคับคั่ง
ส่วนบรรยากาศภายในวัด เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยวัดพระธรรมกายได้เข้มงวดตรวจสอบรถยนต์ที่เดินทางเข้าวัด ซึ่งเปิดให้เข้าได้ทางประตู 7 เพียงประตูเดียว และจากการตรวจสอบยังพบอีกว่า ทางวัดได้มีการนำตู้คอนเทนเนอร์ แท่นเหล็ก และแท่งปูน มาวางกั้นไว้ รวมทั้งนำที่กั้นมากั้น และมีรถมาจอดขวางสะพาน โดยเฉพาะสะพานข้ามคลอง 3 ที่เจ้าหน้าที่ได้นำป้ายไปปิดว่าห้ามทำการปิดสะพาน ขณะที่สำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย ได้ขอให้สื่อมวลชนประจำอยู่ที่เต้นท์หลังประตู 7 เท่านั้น
มีรายงานข่าวแจ้งว่า ตลอดทั้งวันที่ 12 ธ.ค. ได้มีรถตู้ รถบัส และรถยนต์ ที่มีการขนคนเดินทางเข้ามายังวัดพระธรรมกายอย่างต่อเนื่อง โดยมีกระแสข่าวลือว่า คนขับบางคนได้รับค่าจ้างในการนำคนมาส่งถึงเที่ยวละ 1,800-2,000 บาท
***ตำรวจ-ดีเอสไอถกแผนจับกุม
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดี ดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันประชุมหารือแนวทางการปฏิบัติการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย เพื่อเข้าจับกุมพระธัมมชโย ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีสมคบกันฟอกเงิน คดีบุกรุกพื้นที่ป่า จ.นครราชสีมา และจ.เลย เป็นครั้งที่ 2
พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวก่อนเข้าประชุมว่า เป็นการประเมินสถานการณ์ซึ่งข้อสรุปต้องดูรายละเอียดของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามที่พนักงานอัยการสั่ง ดีเอสไอ มาว่าเป็นอย่างไร และต้องมีความชัดเจนว่าสามารถเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายได้หรือไม่ ส่วนการเข้าจับกุมพระธัมมชโย ต้องประเมินสถานการณ์ แต่ทุกอย่างต้องตามขั้นตอนกฎหมาย หากเข้าจับกุม ศาลยังไม่อนุมัติหมายค้น ก็ไม่สามารถเข้าไปได้ และการกำหนดวันเข้าตรวจค้นเองนั้น ก็คงทำไม่ได้ ต้องเป็นตามกระบวนการของกฎหมาย โดยหมายค้นต้องสอบถามอธิบดีดีเอสไอ
ส่วนกรณีนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย จะเชื่อมโยงคดีนี้เกี่ยวกับสถาบันนั้น ให้ทาง บก.ปอท. และกองทัพ จับตาดูอยู่ หากเข้าข่าย ก็ต้องดำเนินการร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดี แต่ขณะนี้ยังไม่เห็น รวมถึงหากพบว่าผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายทันที และที่มีการอ้างว่าเจ้าหน้าที่จะทำลายพระพุทธศาสนา คนพูดเป็นคนทำมากกว่า เพราะยังไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงแค่มีการประชุมเตรียมพร้อมเท่านั้น ซึ่งได้ให้ทาง บก.ปอท. ตรวจสอบอยู่ หากพบว่าเข้าข่ายผิด ก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน
สำหรับองค์กรพุทธนานาชาติยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อาจกระทบภาพลักษณ์ของประเทศนั้น เห็นว่า การจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับไม่ได้ คงเป็นการทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศชาติเสียหายมากกว่า รวมถึงท่านนายกฯ ก็ไม่ได้มีการกำชับอะไรเพิ่มเติม
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็น นายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน อดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้และอดีตรองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ที่มาช่วยวิเคราะห์แผนที่ให้กับ บก.ปทส. กรณีบุกรุกป่า ตามทางการสอบสวนสามารถรับฟังได้ ซึ่งศาลรับฟังแล้วพร้อมพิจารณาก่อนออกหมายจับพระธัมมชโย
นอกจากนี้ หากทางเจ้าหน้าที่บุกเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย และมีมวลชนจำนวนมากตรงนี้ อาจคือปัญหา เพราะตนไม่รู้ว่ามือที่สามจะก่อเหตุอะไรบ้างและต้องระวัง จึงทำให้เจ้าหน้าที่มีจำนวนมากก็เพื่อดูแลความเรียบร้อยให้กับประชาชน โดยคนนั่งสวดมนต์ก็ทำไป ส่วนคนขัดขวางก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้ ตำรวจมีความพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการจับกุมก็ดำเนินการภายในอายุความ 15 ปี
***ดีเอสไองัดม.116ฟันผิดปลุกปั่นมวลชน
พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริการร่วมคดีพิเศษ ดีเอสไอ และรองโฆษกดีเอสไอ กล่าวชี้แจงกรณี นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษย์ยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย แสดงจุดยืน 9 ข้อ กล่าวหาว่ามีการดำเนินการโดยไม่เป็นธรรม ว่า ดีเอสไอกำลังตรวจสอบการให้ข้อมูลในลักษณะปลุกปั่นมวลชนก่อให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง ตามกฎหมายอาญามาตรา 116 โดยหากพบว่าใครมีพฤติกรรมเข้าข่ายกระทำผิด ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
***โต้9ประเด็นศิษย์ธรรมกายเป็นรายข้อ
สำหรับประเด็นที่ศิษย์วัดพระธรรมกายแสดงจุดยืน 9 ข้อนั้น พ.ต.ต.วรณัน ชี้แจงเป็นรายข้อ โดยระบุว่า ข้อ 1 ดีเอสไอไม่เคยดำเนินคดีข้อหาเรี่ยไรเงิน มีแต่คดีฟอกเงินกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และเป็นคดีอาญาแผ่นดิน ยอมความไม่ได้ มีการดำเนินคดีกับบุคคลจำนวนมาก มีแต่พระธัมมชโยที่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ข้อ 2 คดีบุกรุกป่า ที่มีการอ้างความเห็นของนายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศของศาล ซึ่งเคยเป็นอดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้ และถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เป็นเพียงหลักฐานชิ้นหนึ่งในพยานหลักฐานทั้งหลาย
ข้อ 3 การสั่งหยุดการออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม DMC มีการตรวจสอบพบว่ามีผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อย
ข้อ 4 การดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และดีเอสไอ เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ได้มีการกลั่นแกล้ง เพราะหากทำหน้าที่โดยมิชอบ ก็มีความผิดตามมาตรา 157
ข้อ 5 กรณีมีข่าวดีเอสไอและตำรวจสนธิกำลังทหารและฝ่ายปกครองกว่า 3,000 คน เข้าปฏิบัติการในวัดพระธรรมกาย ขอยืนยันว่า มีเจ้าหน้าที่จากดีเอสไอและตำรวจบางส่วนเท่าที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงาน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกส่วนหนึ่งได้จัดเตรียมไว้เพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลพี่น้องประชาชนกรณีมีเหตุการณ์ที่มิอาจคาดหมายได้เท่านั้น
ข้อ 6 การใช้กำลังเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติการ เพื่อปกป้องประชาชน และหลีกเลี่ยงความรุนแรง หากพระธัมมชโยเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ก็จะไม่สิ้นเปลืองทรัพยากรบุคคลและงบประมาณ ส่วนกรณีเรื่องเหตุการณ์ 4 จังหวัดชายแดนใต้นั้น เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายรวมทั้งดีเอสไอ ได้เข้าร่วมปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งอยู่แล้ว
ข้อ 7 ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาพิเศษ ไม่ควรมีการดำเนินการใดๆ ดีเอสไอเห็นด้วย และเห็นว่า ควรนิมนต์ให้พระธัมมชโยมอบตัวและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว เพื่อจะได้ไม่เป็นการรบกวนในห้วงโอกาสพิเศษนี้และให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างเสมอภาค
ข้อ 8 กรณีคณะศิษย์ยานุศิษย์วัดพระธรรมกายนับล้านคน คณะสงฆ์และชาวพุทธทั่วโลก จับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ดีเอสไอได้เชิญสื่อมวลชนทุกแขนงมาร่วมเป็นสักขีพยานในการปฏิบัติงานครั้งนี้ และได้เน้นย้ำให้ดำเนินการด้วยความระมัดระวังโดยไม่ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ
ข้อ 9 การขอให้เจ้าหน้าที่ปรับพฤติกรรมในการแสดงออกเกี่ยวกับการเข้าจับกุม ดีเอสไอ้ได้มอบนโยบายและแนวทางให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติทุกคนทราบว่าจะไม่มีการใช้กำลัง ไม่มีการติดอาวุธใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมทั้งได้กำชับให้ทุกคนใช้ความระมัดระวังอย่างที่สุด เพื่อมิให้เกิดความเสียหายใดๆ จากการปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ โดยให้ดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเป็นลำดับแรก
***ยื่นศาลขอหมายค้น 4 วันรวด
รายงานข่าวแจ้งว่า ดีเอสไอได้ขอยื่นหนังสือต่อศาล เพื่อขออนุมัติหมายค้นวัดพระธรรมกายจำนวน 4 ฉบับ เพื่อเข้าปฏิบัติการตรวจค้นต่อเนื่อง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งในหมายค้นได้กำหนดวันเข้าตรวจคือทั้งสิ้น 4 วัน คือ วันที่ 13-16 ธ.ค.2559 แต่ติดปัญหาเรื่องเวลาที่เข้าค้นไม่สอดคล้องกับภารกิจ เนื่องจากมีกำลังคนจำนวนมากที่ร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดศาลได้อนุมัติหมายค้นวัดพระธรรมกาย 4 วันแล้ว เพื่อปฏิบัติการนำตัวพระธัมมชโย มาส่งตัวฟ้องศาลตามที่อัยการมีคำสั่ง
***ล่าสุดยังไม่เคาะวันเข้าตรวจค้น
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวภายหลังร่วมประชุมหารือแนวทางการปฏิบัติการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายกว่า 5 ชั่วโมง ว่า ยังไม่ได้ข้อยุติการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย ครั้งที่ 2 เนื่องจากกำลังเจ้าหน้าที่ยังไม่สอดคล้องกับ ป.วิอาญา และการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายศาลยังไม่พอ ทั้งทางด้านนิติวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่เตรียมตัวในเรื่องดังกล่าว ส่วนกรณีต้องรอขอหมายค้นก่อนแล้วถึงจะวางแผนนั้น ไม่จำเป็น คือ ถ้าหลักฐานชัดเจนก็ขอศาลได้อยู่แล้ว แต่เรื่องการรวบรวมเพื่อไปรายงานศาล มันยังไม่พร้อม ต้องเขียนแผนให้เสร็จก่อน และต้องตอบศาลให้ได้ว่าขอหมายค้นไปแล้วมีมาตรการดำเนินการอย่างไร ส่วนจะเข้าตรวจค้นภายในสัปดาห์นี้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับจังหวะ ทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว และหากศาลออกหมายค้นแล้ว สามารถดำเนินการได้ทันทีภายใน 24 ชั่วโมง
"การยืดเวลาออกไปไม่ทำให้การตรวจค้นยุ่งยาก เพราะสามารถบังคับใช้ตามกฎหมายได้ โดยคนที่มาสวดมนต์ก็สวดไป คนที่ขัดขวางก็จะดำเนินการตามกฎหมาย เพราะการตรวจค้นครั้งแรกก็เห็นแต่มีคนปิดหน้าปิดตามานั่งสวดมนต์ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องระมัดระวัง ถ้ามีคนขัดขวางก็ต้องบังคับใช้กฎหมาย ถ้าไม่ทำจะถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เราเข้าไปตามหมายศาล ถ้ามีการพบเห็นว่าขัดขวางการจับกุมแล้วเจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินคดี เจ้าหน้าที่จะมีความผิดไปด้วย ส่วนการออกหมายค้นพนักงานสอบสวนจะต้องแนบแผนที่ และรายละเอียดให้ศาลพิจารณา ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ ในส่วนเอกสารก็กำลังดำเนินการอยู่ แต่เรื่องวันเวลาการขอหมายค้นคงเปิดเผยไม่ได้"พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าว
ขณะที่ พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า การขอหมายค้นวัดพระธรรมกาย ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ส่วนจะขอหมายค้นติดกันหลายวันหรือไม่ อยู่ในแผนการปฏิบัติอยู่แล้ว
***"บิ๊กป้อม"เรียกมาสู้กันตามกฎหมาย
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ขีดเส้นตายจะเข้าดำเนินการตรวจค้นและจับกุมพระธัมมชโย ที่วัดธรรมกาย ในวันนี้ ว่า ตนบอกไปหลายครั้งแล้วว่าไม่อยากให้สัมภาษณ์ในเรื่องวัดพระธรรมกาย ส่วนที่ลูกวัดพระธรรมกาย ออกมาพูดว่าการเข้าตรวจค้นของเจ้าหน้าที่อาจจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นนั้น ตนมองว่าใครๆ ก็พูดได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และทางดีเอสไอ มีแผนอยู่แล้ว เขาดำเนินการได้ ไม่ต้องเป็นห่วง ค่อยๆ ทำไป เจ้าหน้าที่พยายามเข้าไปติดต่อประสานงาน เรื่องนี้เป็นเรื่องของกฎหมาย ทำผิดกฎหมายก็ต้องยอมรับว่าทำผิดกฎหมาย แล้วมาสู้กันทางกฎหมาย หากว่าตัวเองไม่ผิดก็มาสู้กันในชั้นศาล ซึ่งเจ้าหน้าทีก็จะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย
***"ไพบูลย์"ซัดโฆษกธรรมกายเหิม
นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวถึงกรณีโฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายได้แถลงแสดงท่าทีและจุดยืนว่า เป็นการพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงสำคัญหลายประการ โดยประเด็นการไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น เห็นว่า พระธัมมชโย จะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายก่อน ถึงจะขอพระราชทานอภัยโทษได้ ไม่ใช่พูดเองเออเอง อย่างที่โฆษกวัดธรรมกายออกมาแถลงข่าว ส่วนการเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนมาก ก็เพื่อป้องกันกรณีที่วัดพระธรรมกายระดมมวลชนเพื่อขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ เพราะทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย ใช้คนมาเป็นโล่มนุษย์ และกรณีที่อ้างเป็นห้วงเวลาพิเศษ ขอให้เจ้าหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เป็นการแอบอ้างในเรื่องไม่บังควร
"เห็นว่า การที่เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังพล เพื่อเข้าตรวจค้นที่วัดธรรมกายในวันที่ 13-16 ธ.ค.นี้ ก็ด้วยเหตุที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายได้แล้ว เพราะถูกจับตามองจากประชาชนทั้งประเทศว่าจะบังคับใช้กฏหมายเท่าเทียมกันหรือไม่ หลังจากปล่อยอะลุ้มอล่วยให้แก่พระธัมมชโยอย่างมาก จนถูกตั้งข้อสงสัยอย่างมากมายจากสังคม จึงเห็นว่าการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ครั้งนี้จะได้รับการสนับสนุนให้กำลังใจจากประชาชนทั้งประเทศ"นายไพบูลย์กล่าว