บรรยากาศภายในวัดพระธรรมกายเริ่มร้อนระอุ และรอเวลาปะทุหากมีการเข้าจับกุมพระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมคำถามที่สังคมอยากได้คำตอบ ไม่เว้นแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เตรียมพร้อมในการเข้าจับกุม ว่าวันนี้ พระธัมมชโย ยังอยู่ในวัดพระธรรมกาย หรือไม่?
และหากเจ้าหน้าที่รัฐที่มีการสนธิกำลังทั้งหน่วยงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทหาร และฝ่ายปกครอง ผลีพลามเข้าไปแล้วไม่เจอพระธัมมชโย หรือ เจอเพียงแค่ นาย A (นามสมมตินอนป่วยอยู่ในกุฏิพระธัมมชโย) จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“สังคมมองว่าหน่วยงานรัฐทำงานล่าช้า ได้แต่เยื้องย่าง ไม่เข้าไปจับกุมมาหลายครั้งแล้ว แต่ความจริง ทางดีเอสไอและตำรวจได้ดำเนินการหลายอย่างที่เป็นทางลับไม่สามารถเปิดเผยได้ เพื่อให้มั่นใจก่อนเข้าจับกุม” แหล่งข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุ
และวันนี้ใกล้จะถึงบทสรุปของคดีพระธัมมชโย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีสบคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจรจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น สร้างความเสียหายนับหมื่นล้านบาท และยังเป็นผู้ต้องหาคดีร่วมกันบุกรุกป่าสวนป่าหิมวันต์ ภูเรือ จังหวัดเลย รวมถึงคดีบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมเวิลด์พีซ วัลเลย์ เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา เพื่อนำตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
โดยแผนปฏิบัติการแต่ละครั้งของทางดีเอสไอและทางตำรวจ มีความรัดกุมมาก ในการจะเข้าถึงกุฏิพระธัมมชโย ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากแต่ประการใด เพียงแต่หน่วยงานรัฐต้องการความชัดเจน ไม่ใช่แค่ 50:50 แล้วบุกเข้าไป ก็จะเกิดการปะทะกับบรรดาสาวกวัดพระธรรมกายจนเกิดความรุนแรง สร้างความเสียหายเกิดขึ้นต่อประเทศชาติตามมา
แหล่งข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บอกว่า สิ่งที่ต้องระมัดระวังมากที่สุด ก็คือ วัดพระธรรมกายมีสาขาอยู่ทั่วโลก มีลูกศิษย์และสาวกอยู่เป็นจำนวนมาก และพวกนี้ต่างเชี่ยวชาญในโลกโซเชียลมีเดีย และมีเครื่องมือสื่อสาร ที่พร้อมจะร่วมมือกันถล่มการเข้าจับกุมของหน่วยงานของรัฐว่าใช้วิธีการเกินกว่าเหตุและต้องการสร้างความชอบธรรมให้กับพระธัมมชโย เพื่อประกาศให้ชาวโลกได้เห็นว่าเจ้าหน้าที่รัฐขาดความยุติธรรมและมีจุดประสงค์เพื่อบ่อนทำลายวงการพระพุทธศาสนา
อย่างไรก็ดี การที่ดีเอสไอเสนอให้มีการสั่งปิดสถานีโทรทัศน์วัดพระธรรมกาย (DMC) ก็เพราะเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าทางวัดพระธรรมกายใช้ทีวีธรรมกายเป็นช่องทางสำคัญในการปลุกระดมคนเข้ามาในวัดเพื่อใช้มวลชนเป็นกำแพงมนุษย์ในการปกป้องพระธัมมชโย
นอกจากนี้ ยังมีภาพต่อเนื่องถึงเหตุการณ์ที่วัดพระธรรมกายออกมาประกาศเป็นระยะๆ ว่า พระธัมมชโยถูกกลั่นแกล้ง ไม่ได้รับความยุติธรรม มีการออกมาพูดเชิงข่มขู่ดีเอสไอและตำรวจว่าอย่าทำให้สาวกวัดพระธรรมกายตกใจ เพราะสามารถนำไปสู่เหตุการณ์รุนแรงได้
ล่าสุด ศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายยังได้ยื่นถวายฎีการ้องทุกข์เพื่อขอระงับคดีจับพระธัมมชโยด้วย
ส่วนการแต่งตั้งให้พระวิเทศภาวนจารย์ (สมบุญ สมมนาปุณโณ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย อายุ 65 ปี พรรษา 32 วิทยฐานะ นักธรรมเอก เปรียญธรรม 4 ประโยค ขึ้นมาเป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายนั้น ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ได้มีผลอะไรต่อการบริหารจัดการวัดพระธรรมกาย ผู้ที่มีอำนาจบัญชาการตัวจริงก็ยังคงเป็นพระธัมมชโยที่มีบรรดาศิษย์เอก และสาวกคนสนิท เป็นผู้ดำเนินการทั้งภายในและภายนอกวัด
“ถ้าเป็นวัดทั่วๆ ไป การตั้งพระรูปอื่นเข้าไปรักษาการเจ้าอาวาสแทนนั้นจะสามารถบริหารกิจการงานได้ง่าย แต่วัดพระธรรมกายจะพิเศษกว่าวัดทั่วๆ ไป โดยเฉพาะผลประโยชน์ที่มีมากมาย พระที่เข้าไปจึงต้องมีพรรคพวกมากพอจึงจะหลุดพ้นจากอำนาจบริหารของพระธัมมชโย” พระวัดธรรมกาย บอก
แหล่งข่าวบอกอีกว่า เรื่องที่ต้องคำนึง ก็คือ หากวันนี้บรรดาศิษยานุศิษย์นำพระธัมมชโยนั่งรถตู้ออกไปทางเส้นทางหนึ่ง โดยใช้ประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อบินตรงไปยังวัดพระธรรมกายสาขาในต่างประเทศแล้ว แต่ดีเอสไอและตำรวจ ยังหลงกลว่าพระธัมมชโยอยู่ในวัด และใช้กำลังบุกเข้าไปค้น หรือจับ แต่กลับพบว่า พระที่นอนป่วยเป็นพระนาย ก ไม่ใช่พระธัมมชโย ซึ่งปรากฏการณ์แบบนี้มีความเป็นไปได้สูงมาก
“ภาพที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือความรุนแรงที่บรรดาโล่มนุษย์จะปะทะกับกำลังตำรวจ ทหาร เพราะยุทธวิธีการจัดกำลังป้องกันของธรรมกายจะเหมือนกับการต่อสู้ทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องกีดขวาง ปิดทางเข้า-ออกวัด และการใช้มวลชนเข้าปกป้อง ส่วนพระธัมมชโยเมื่ออยู่เมืองไทยไม่ได้ และหากออกไปแล้ว ก็ไปตั้งศูนย์บัญชาการในต่างประเทศเพื่อกดปุ่มสั่งการได้เหมือนเดิม โดยอาศัย ดาวธรรม ที่สามารถพูดที่เมืองนอกและถ่ายทอดมาเมืองไทยให้บรรดาสาวกได้รับรู้”
สำหรับสิ่งที่ต้องทำในเวลานี้ก็คือการตรวจสอบทั้งในประเทศและต่างประเทศไปพร้อมๆ กัน เพื่อหาหลักฐานชัดเจนว่า พระธัมมชโย ตัวจริงอยู่ที่ไหนกันแน่
“ทางตำรวจ ดีเอสไอ ก็มีข้อมูลหลักฐานจากคนของเราที่อยู่ในนั้น พอที่จะรู้ถึงความเคลื่อนไหวของพระธัมมชโยอยู่แล้ว แต่ก็ต้องอาศัยหลักฐานที่ทำให้เรามั่นใจก็คือคำตอบจากประเทศต่างๆ ที่เราประสานไป สังคมอาจจะรู้สึกว่าหน่วยงานรัฐทำงานช้า แต่ก็ขอให้มั่นใจว่าเราจะต้องจับพระธัมมชโยมาดำเนินคดีให้ได้”
แหล่งข่าวเล่าว่า ขณะนี้ทางดีเอสไอและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีหนังสือสอบถามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพราะจากข้อมูลที่เชื่อถือได้รายงานว่า ทางศิษยานุศิษย์ได้นำพระธัมมชโยออกเส้นทางรถยนต์ ไปขึ้นเครื่องที่ประเทศเพื่อนบ้านและปัจจุบันคาดว่า พระธัมมชโย น่าจะไปพำนักอยู่ที่สาขาวัดพระธรรมกายในประเทศแถบออสเตรเลียหรือแถบแคนาดา เป็นต้น
ปัจจุบันอาณาจักรธรรมกายได้ปักหมุดไปทั่วทุกทวีปในโลก จากพื้นที่บริจาค 196 ไร่ และเงินสร้างวัด 3,200 บาท เมื่อปี 2513 ปัจจุบัน อาณาจักรวัดพระธรรมกายได้ครอบคลุมพื้นที่ถึง 2,500 ไร่ อีกทั้งยังมีการขยายวัดศูนย์สาขาและศูนย์ปฏิบัติธรรมไปทั้งในประเทศและต่างประเทศรวม 131 แห่ง แบ่งเป็นในประเทศไทย 51 แห่ง โดยมีสำนักงานใหญ่ที่ ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ที่เป็นฐาน (20 แห่ง) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (10 แห่ง) ภาคกลางและตะวันตก (9 แห่ง) ภาคตะวันออก (8 แห่ง) และภาคใต้ (3 แห่ง)
ขณะที่สาขาต่างประเทศ วัดพระธรรมกายได้เผยแพร่ไปยังทวีปต่างๆ ไม่ว่าในทวีปเอเชีย (รวมไทย ) 81 แห่ง, ทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย 9 แห่ง, ทวีปอเมริกา 16 แห่ง, ทวีปยุโรป 23 แห่ง และทวีปแอฟริกา 2 แห่ง
ดังนั้น หากดีเอสไอและตำรวจ ได้หลักฐานชัดเจนว่า พระธัมมชโย ออกไปต่างประเทศแล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนการประสานงานเพื่อส่งผู้ร้ายข้ามแดน
แต่หากพระธัมมชโยไม่หลบหนี ยังอยู่ในวัดพระธรรมกาย ทางดีเอสไอ ตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครอง ก็ต้องหาวิธีการเข้าจับกุมพระธัมมชโยให้ได้ภายใต้การกระทบกระทั่งหรือการสูญเสียน้อยที่สุด!