ทนายวันชัยเชื่อ ทักษิณไม่หยุดเคลื่อนไหว พูดเสมอ “ตายเสียดีกว่าอยู่อย่างผู้แพ้” ยันแก้ว 3 ประการวันนี้อ่อนแรง ไม่เข้มแข็งเหมือนก่อน ทั้งลูกพรรคคงย้ายไปไม่น้อย ส่วนกองกำลังขยับยาก ทหารประกบติด ส่วนแนวร่วมเหลือน้อย ขออย่างเดียว คสช.อย่าสะดุดขาตัวเอง ทักษิณไม่มีทางปลุกกระแสได้ ส่วนฝ่ายความมั่นคงเผยขั้วอำนาจเก่าเดินเกมใหม่ ใช้นักศึกษาเป็นตัวเดิน หวังถึงขั้นบานปลายเหมือน 6 ตุลาคม 2519 ตอนนี้เฟซบุ๊กเสื้อแดงเริ่มกระจายแนวคิด เชื่อจุดไม่ติด นักศึกษารู้ทันการเมืองยุคใหม่ดี “หน้าประชาธิปไตย-ภายในเผด็จการ”
นับตั้งแต่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พ้นจากอำนาจ ภายหลังการเข้ามายึดอำนาจของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในนามของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และคดีความของเธอได้เดินเข้าสู่กระบวนการทางยุติธรรมจากการดำเนินตามนโยบายของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ในโครงการรับจำนำข้าว ที่มีการทุจริต จนเกิดความเสียหายมากมาย
23 มกราคม 2558 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ กรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายโครงการจำนำข้าว ด้วยคะแนนเสียง 190 ต่อ18 ส่งผลให้ถูกเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี ในวันเดียวกันอัยการสูงสุดมีมติสั่งฟ้องนางสาวยิ่งลักษณ์ ในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่องละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด
จากนั้นสภาพการเมืองที่เคยหยุดนิ่ง เงียบสงบ ภายหลังการเข้ามายึดอำนาจของ คสช. กลับเริ่มมีปฏิกิริยาให้เห็นมากขึ้นนับตั้งแต่น้องสาวของทักษิณถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี นอกจากนี้คดีความของยิ่งลักษณ์กำลังเดินหน้าไปสู่คดีอาญา หากถูกตัดสินว่ากระทำผิดก็อาจถูกสั่งจำคุก
1 กุมภาพันธ์ 2558 เกิดเหตุระเบิดขึ้น 2 ครั้งที่หน้าห้างสรรพสินค้าพารากอน จากนั้นค่ำวันที่ 7 มีนาคมเกิดเหตุคนร้ายปาระเบิด สังหารบุคคลแบบอาร์จีดี 5 เข้าไปภายในศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก
19 มีนาคม 2558 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำสั่งคดีจำนำข้าว หมายเลขดำ อม.22/2558 ที่นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ นัดพิจารณาคดีครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การจำเลย วันที่ 19 พฤษภาคม 2558
วันรุ่งขึ้น พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาแสดงความเห็นกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรับฟ้องคดีของนางสาวยิ่งลักษณ์ว่า รู้สึกแย่กับการเมืองไทย และมีความเห็นใจและสงสารนางสาวยิ่งลักษณ์
31 มีนาคม 2558 บิ๊กจิ๋วเดินทางมาพบผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยพื้นที่อีสาน เนื่องในงานทอดผ้าป่าการศึกษาที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน บ้านป่าก่อ ตำบลป่าก่อ อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ และต้นเดือนเมษายน พลเอกชวลิตร่วมงานรำลึกวีรชนบ้านช่องช้าง ตำบลพรุพี อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี
10 เมษายน 2558 เกิดเหตุระเบิดที่ลานจอดรถห้างเซ็นทรัลเฟสติวัลสมุย และเกิดเพลิงไหม้ภายในสหกรณ์การเกษตรสุราษฎร์ธานี จำกัด (โคออฟ) ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี
27 เมษายน 2557 กสท.มีมติถอนใบอนุญาต Peace TV แต่ยังออกอากาศได้ต่อ 29 เมษายน Peace TV จัดรายการพิเศษโดยเชิญแขกคนสำคัญมาร่วมรายการคือพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ จากนั้น 30 เมษายน Peace TV ได้เผยแพร่ข้อความบน facebook ว่า คำสั่งด่วน Peace TV จอดำตั้งแต่ 20.30 น. เป็นต้นไป
4 พฤษภาคม 2558 พลเอกชวลิต เดินทางมาพบกับชาวนาในพื้นที่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีตัวแทนชาวนากว่า 100 คน เข้าร่วมกิจกรรมรณรงค์เพื่อลดต้นทุนในการเพาะปลูก ขณะที่ชาวนาได้ยื่นหนังสือให้พลเอกชวลิต หาทางช่วยเหลือแก้ไขปัญหาต้นทุนการเพาะปลูกสูงและราคาข้าวเปลือกตกต่ำ
การเคลื่อนไหวของพลเอกชวลิตในช่วงที่ผ่านมา ทำให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาปรามการเดินเกมทางการเมืองดังกล่าว
18 พฤษภาคม 2558 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางไปเยี่ยมหลานสาวฝาแฝด ลูกของนางพิณทองทา คุณากรวงศ์ (ชินวัตร) พร้อมทั้งส่งรูปไปให้พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์
19 พฤษภาคม 2558 ทักษิณ ชินวัตร ร่วมงานสัมมนา “Asian leader Conference” ที่ประเทศเกาหลีใต้ พร้อมทั้งวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ว่ายังไม่น่าประทับใจเท่าใดนัก และยังให้สัมภาษณ์พาดพิงไปถึงองคมนตรีเกี่ยวข้องกับการยึดอำนาจทั้งกรณีของตัวเองและน้องสาว
ในวันดังกล่าวตรงกับวันนัดของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่นัดพิจารณาคดีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ได้เดินทางมาที่ศาลฯ พร้อมทั้งปฏิเสธคำให้การและยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราวเป็นเงิน 30 ล้านบาท
22 พฤษภาคม 2558 ครบรอบ 1 ปีการเข้ามายึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีนักศึกษาทำกิจกรรม 1 ปีรัฐประหาร ทั้งที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร และที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จังหวัดขอนแก่น จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม
23 พฤษภาคม 2558 ชมรมผู้รักประชาธิปไตยไทยแห่งรัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา หรือกลุ่ม RED CHICAGO ในหัวข้อ “หนึ่งปีของการต่อต้านเผด็จการ กับอำนาจเถื่อนที่อยู่เบื้องหลังร่างรัฐธรรมนูญ คสช. กับทิศทางการเมืองไทย” ที่มีผู้เสวนา ได้แก่ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสุนัย จุลพงศธร แกนนำ นปช. พรรคเพื่อไทย และคนสุดท้าย นางดารุณี กฤตบุญญาลัย แกนนำ นปช. แต่ถูกต่อต้านจนต้องยกเลิกงานดังกล่าวไป
นี่คือการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองขั้วอำนาจเก่าที่เริ่มมีมากขึ้น เมื่อผู้นำของพรรคเพื่อไทยอย่างนางสาวยิ่งลักษณ์ กำลังถูกต้อนให้เข้ามุมอับ ทั้งเหตุการณ์การก่อความรุนแรงหรือแม้แต่คนของพรรคเพื่อไทยก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์จนฝ่ายทหารต้องเรียกตัวไปทำความเข้าใจกันอีกรอบ ตามมาด้วยคิวของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรัฐมนตรีที่ร่วมงานกับพรรคการเมืองของตระกูลชินวัตร ก็เดินสายออกมาทำกิจกรรมที่ทำให้นายทหารรุ่นน้องอย่างพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องลำบากใจ รวมถึงนายใหญ่อย่างทักษิณ ที่ใช้เวทีต่างประเทศมาโจมตีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ทักษิณหยุดสู้เมื่อตาย
นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ออกมาวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ทางการเมืองของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ในขณะนี้ว่า ถ้าถามว่าทักษิณจะหยุดหรือไม่ ทักษิณพูดอยู่เสมอว่า “ตายเสียดีกว่าอยู่อย่างผู้แพ้ ตราบใดที่ลมหายใจยังอยู่ไม่มีคำว่าไม่สู้” ตีความได้ว่าทักษิณยังไม่หยุดการเคลื่อนไหว จะหยุดก็ต่อเมื่อตาย
ประการต่อมาคนรอบข้างทักษิณ เป็นกลุ่มที่อดีตนิยมในแนวทางสังคมนิยม มักจะยึดถือทฤษฎีของการสะสมกำลัง รอคอยโอกาส ในระหว่างที่ยังไม่พร้อม สะสมกำลังคอยโอกาสไปเรื่อย แต่หลังจากที่มีการทำรัฐประหาร กำลังของทักษิณกระจัดกระจายไปคนละทาง
ดังนั้นเรื่องแก้ว 3 ประการที่เคยมั่นใจกันในอดีต อาจไม่เข้มแข็งเหมือนเก่า
เริ่มที่พรรคการเมืองอย่างเพื่อไทย สมาชิกในพรรคมีแนวโน้มที่จะกระจายออกไป ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับรัฐธรรมนูญใหม่จะเปิดโอกาสให้พรรคเล็ก พรรคน้อย อยู่ได้หรือไม่ คนที่ยังอยู่กับเพื่อไทยคือคนที่ไม่มีทางไป เพราะพรรคนี้ถูกยึดอำนาจมาแล้ว 2 ครั้ง ยังจะอยู่ต่อไปอีกหรือ ส่วนคนที่มีทางไปก็ย้ายออกไปยังพรรคต่างๆ ที่ไม่ต้องพึ่งบารมีของทักษิณและพรรคเพื่อไทย สามารถไปสร้างทีมงานใหม่ สร้างอำนาจใหม่ได้ แน่นอนว่าตอนนี้ทักษิณกำลังเช็กกำลังพลของตัวเองที่มีอยู่ว่าเหลือเท่าไหร่
เรื่องของกองกำลังที่เคยมีนั้น ภายหลังการเข้ายึดอำนาจของ คสช. กองกำลังที่เคยมีกระจายกันไปหมด ซึ่งเรื่องนี้ฝ่ายทหารทราบดีว่าใครเป็นใคร มีบทบาทอะไร การเข้าประกบทำให้กองกำลังในส่วนนี้อ่อนแรงลงไป การติดต่อระหว่างกันหรือประสานงานกันทำได้ยากขึ้น
ส่วนแนวร่วมอย่างนักศึกษา อาจารย์หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ในช่วง 1-2 ปีนี้คงปลุกไม่ง่าย อาจจะเหลือเพียงระดับหัวเท่านั้น โดยเฉพาะกลุ่มชาวบ้านต่างๆ เพราะคนเบื่อเรื่องการแตกแยก ถ้า คสช.แก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ดี ยิ่งจะทำให้แนวร่วมเหล่านี้อ่อนแรงลง
ประการสุดท้าย ยุทธศาสตร์ในการเคลื่อนไหวของทักษิณยังเป็นแนวทางที่กลุ่มฝักใฝ่คอมมิวนิสต์เคยใช้ “เอ็งมาข้ามุด เอ็งหยุดข้าแหย่ เอ็งแย่ข้าตี” ตอนนี้ใช้วิธีให้คนใหม่ๆ ออกมาเคลื่อนไหวแทน แกนนำเดิมๆ ไม่กล้าแสดงตัวออกมา
ถ้า คสช.เสื่อมลง รัฐธรรมนูญลงมติแล้วไม่ผ่าน ไม่สามารถแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ เขาจะใช้จุดนี้เข้ามาโจมตี ด้วยการชูจุดขายเดิมคือ ความเป็นประชาธิปไตย ปลุกกระแสประชาธิปไตยขึ้นมา เวลาที่เหลืออีกราว 1 ปี ขั้วอำนาจเก่าจะใช้วิธีสะสมกำลัง สร้างแนวร่วมและเคลื่อนไหวไปเรื่อยๆ แต่จะไม่ปะทะโดยตรง
ตัวที่จะชี้ขาดของสถานการณ์อยู่ที่คดีความของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว ถ้าถูกศาลตัดสินว่าผิด ทักษิณจะเอาเรื่องนี้ขึ้นมาขย่ม เอามวลชนออกมาเคลื่อนไหวเชียร์ยิ่งลักษณ์ ถ้า คสช.ไม่อ่อนแรง ประชาชนยังให้การสนับสนุน การเคลื่อนไหวของทักษิณก็จะไม่มีผล แต่ถ้าประชาชนเบื่อ คสช. โอกาสของทักษิณก็จะมีมากขึ้น ทั้งหมดขึ้นอยู่กับ คสช.เอง
แผนใหม่ใช้นักศึกษา-วางเป้า 6 ตุลาฯ
ขณะที่แหล่งข่าวด้านความมั่นคงกล่าวว่า การออกมาเคลื่อนไหวของทักษิณในเวลานี้ หากสังเกตให้ดีจะพบว่าเป็นไปตามสถานการณ์ของนางสาวยิ่งลักษณ์ในเรื่องคดีความ เมื่อทักษิณส่งน้องสาวเข้ามาทำหน้าที่แทนย่อมต้องรับผิดชอบกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นกับน้องสาว คงจำสโลแกน “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ได้ คงไม่ปล่อยให้น้องสาวต้องติดคุกแน่นอน
ทักษิณจะเลือกจังหวะเวลาและโอกาสที่มี ใช้เวทีต่างประเทศในการบอกว่าเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม โจมตีถึงส่วนอื่นๆ ของสังคมไทยว่าเป็นเหตุที่ทำให้เขาต้องหลุดจากอำนาจ โดยไม่กล่าวถึงความผิดพลาดของตัวเองและวิธีการทำงานของพรรคเพื่อไทย
ส่วนการเคลื่อนไหวในประเทศ ขณะนี้เราเห็นชัดแล้วว่ามีความพยายามที่จะใช้แนวร่วมใหม่อย่างกลุ่มนักศึกษาที่ออกมาต่อต้านการยึดอำนาจเมื่อวันครบรอบ 1 ปี ส่วนหนึ่งเคลื่อนไหวที่กรุงเทพฯ ที่เป็นกลุ่มเดิมจากแถวท่าพระจันทร์ อีกส่วนเคลื่อนไหวที่ขอนแก่นในนามกลุ่มดาวดิน และถูกตำรวจดำเนินการจับกุมและปล่อยตัวออกมา
เนื่องจากมวลชนที่ให้การสนับสนุนเดิมอย่างอดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย กลุ่ม นปช. คนเสื้อแดง ถูกทหารประกบติดหลังจากการเข้ายึดอำนาจเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 การเคลื่อนไหวจึงทำได้ลำบาก ดังนั้นการสร้างกลุ่มใหม่ขึ้นมาเพื่อเดินเครื่องแทนจึงเกิดขึ้น นักศึกษาถือเป็นภาพที่ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมือง เหมือนเป็นพลังบริสุทธิ์ จึงถูกนำมาใช้ทดสอบ ถ้ากระแสนี้จุดติดก็จะทำไปเรื่อยๆ โดยมีขั้วอำนาจเก่าให้การสนับสนุนแต่ไม่ออกหน้าอย่างเป็นทางการ
เป้าหมายของพวกเขาคือพยายามสร้างสถานการณ์ให้เหมือนกรณี 6 ตุลาคม 2519 โดยการใช้นักศึกษาเป็นตัวขับเคลื่อนต่อต้านการรัฐประหารและใช้กลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งเข้ามาร่วม เพื่อล่อให้เจ้าหน้าที่เข้าปราบปราม หรือพยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดความขัดแย้งของคน 2 ฝ่าย หากบรรลุเป้าหมายรัฐบาลปัจจุบันก็อยู่ไม่ได้
แนวทางนี้เริ่มถูกขยายผลไปตามสื่อออนไลน์ของกลุ่มคนเสื้อแดง ทั้งของสุดา รังกุพันธ์ และเครือข่ายที่เริ่มประโคมเรื่องดังกล่าวไปพร้อมๆ กัน
เชื่อจุดไม่ติด-แต่ไม่ประมาท
ขณะนี้เราประเมินสถานการณ์ว่าการใช้กลุ่มนักศึกษาเข้ามาเคลื่อนไหวนั้น กระแสนี้จะจุดติดหรือไม่ เท่าที่ดูนักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหวมักเป็นกลุ่มเดิม มีอาจารย์ที่มีแนวคิดต่อต้านการรัฐประหารบางท่านเกี่ยวข้อง บางพื้นที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มการเมืองที่เสียประโยชน์
แต่วันนี้ขบวนการนักศึกษาไม่เป็นกลุ่มเป็นก้อนเหมือนก่อน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจสภาพการเมืองในปัจจุบันว่ามีความซับซ้อน แม้จะมีรัฐบาลที่มาจากระบอบประชาธิปไตย แต่ที่ผ่านมาก็เห็นชัดว่ารัฐบาลเหล่านั้นบริหารประเทศไม่ต่างจากการเป็นเผด็จการ อีกทั้งช่องทางในการยุติปัญหาทางการเมืองไทยไม่เหมือนก่อน พรรครัฐบาลมีอำนาจสูงสุด พรรคฝ่ายค้านไม่สามารถอภิปรายเพื่อล้มรัฐบาลได้เหมือนก่อน อีกทั้งพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันยังยึดติดในเรื่องตำแหน่งและประโยชน์ที่ได้รับ ไม่มีการถอนตัวออกมา หรือแม้แต่บางครั้งพรรคการเมืองอย่างเพื่อไทยพรรคเดียวก็จัดตั้งรัฐบาลได้อย่างมั่นคง ไม่มีทางที่ฝ่ายค้านจะตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้
ขณะเดียวกันบทบาทของตัวแทนนักศึกษาในองค์กรต่างๆ ปัจจุบันยังยึดโยงอยู่กับนักการเมืองบางฝ่าย โดยไม่สามารถแยกได้ว่าฝ่ายใดผิด ฝ่ายใดถูก ดังนั้นในช่วงที่ผ่านมาขบวนการนักศึกษาจึงอ่อนแรง ไม่สามารถออกมาเป็นแกนนำได้เหมือนอดีต จนภาคประชาชนต้องออกมาเป็นคนเคลื่อนไหวแทน
“แต่เราก็ไม่ประมาท ยังคงติดตามความเคลื่อนไหวของขั้วอำนาจเก่าอยู่”
ส่วนการเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้นน่าจะเข้มข้นขึ้น เมื่อคดีของยิ่งลักษณ์ใกล้ตัดสินหรือมีแนวโน้มว่าจะถูกจำคุก ทักษิณคงใช้ทุกวิธีทั้งบนดิน ใต้ดิน รวมถึงใช้ต่างประเทศเข้ามากดดัน เพื่อให้น้องสาวรอดและโอกาสที่จะหนีไปต่างประเทศก็มีเช่นกัน
แต่การเดินเกมของทักษิณในการเคลื่อนไหวครั้งนี้ก็ไม่ได้ราบรื่นไปทั้งหมด การออกมาตอบโต้ของนายทหารรุ่นน้องอย่างพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งคำตอบโต้เจ็บๆ หรือแม้กระทั่งการดำเนินการยกเลิกพาสปอร์ตเดินทางที่รัฐบาลของน้องสาวออกให้ ตลอดจนความพยายามที่จะดำเนินการถอดยศพันตำรวจโทของทักษิณ ชินวัตร และแผนต่างๆ ก็ถูกจับตาจากฝ่ายทหารไว้ทั้งหมดแล้ว ดังนั้นการเคลื่อนไหวของทักษิณแม้จะทำได้แต่คงไม่สะดวก
นับตั้งแต่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พ้นจากอำนาจ ภายหลังการเข้ามายึดอำนาจของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในนามของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และคดีความของเธอได้เดินเข้าสู่กระบวนการทางยุติธรรมจากการดำเนินตามนโยบายของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ในโครงการรับจำนำข้าว ที่มีการทุจริต จนเกิดความเสียหายมากมาย
23 มกราคม 2558 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ กรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายโครงการจำนำข้าว ด้วยคะแนนเสียง 190 ต่อ18 ส่งผลให้ถูกเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี ในวันเดียวกันอัยการสูงสุดมีมติสั่งฟ้องนางสาวยิ่งลักษณ์ ในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่องละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด
จากนั้นสภาพการเมืองที่เคยหยุดนิ่ง เงียบสงบ ภายหลังการเข้ามายึดอำนาจของ คสช. กลับเริ่มมีปฏิกิริยาให้เห็นมากขึ้นนับตั้งแต่น้องสาวของทักษิณถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี นอกจากนี้คดีความของยิ่งลักษณ์กำลังเดินหน้าไปสู่คดีอาญา หากถูกตัดสินว่ากระทำผิดก็อาจถูกสั่งจำคุก
1 กุมภาพันธ์ 2558 เกิดเหตุระเบิดขึ้น 2 ครั้งที่หน้าห้างสรรพสินค้าพารากอน จากนั้นค่ำวันที่ 7 มีนาคมเกิดเหตุคนร้ายปาระเบิด สังหารบุคคลแบบอาร์จีดี 5 เข้าไปภายในศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก
19 มีนาคม 2558 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำสั่งคดีจำนำข้าว หมายเลขดำ อม.22/2558 ที่นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ นัดพิจารณาคดีครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การจำเลย วันที่ 19 พฤษภาคม 2558
วันรุ่งขึ้น พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาแสดงความเห็นกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรับฟ้องคดีของนางสาวยิ่งลักษณ์ว่า รู้สึกแย่กับการเมืองไทย และมีความเห็นใจและสงสารนางสาวยิ่งลักษณ์
31 มีนาคม 2558 บิ๊กจิ๋วเดินทางมาพบผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยพื้นที่อีสาน เนื่องในงานทอดผ้าป่าการศึกษาที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน บ้านป่าก่อ ตำบลป่าก่อ อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ และต้นเดือนเมษายน พลเอกชวลิตร่วมงานรำลึกวีรชนบ้านช่องช้าง ตำบลพรุพี อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี
10 เมษายน 2558 เกิดเหตุระเบิดที่ลานจอดรถห้างเซ็นทรัลเฟสติวัลสมุย และเกิดเพลิงไหม้ภายในสหกรณ์การเกษตรสุราษฎร์ธานี จำกัด (โคออฟ) ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี
27 เมษายน 2557 กสท.มีมติถอนใบอนุญาต Peace TV แต่ยังออกอากาศได้ต่อ 29 เมษายน Peace TV จัดรายการพิเศษโดยเชิญแขกคนสำคัญมาร่วมรายการคือพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ จากนั้น 30 เมษายน Peace TV ได้เผยแพร่ข้อความบน facebook ว่า คำสั่งด่วน Peace TV จอดำตั้งแต่ 20.30 น. เป็นต้นไป
4 พฤษภาคม 2558 พลเอกชวลิต เดินทางมาพบกับชาวนาในพื้นที่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีตัวแทนชาวนากว่า 100 คน เข้าร่วมกิจกรรมรณรงค์เพื่อลดต้นทุนในการเพาะปลูก ขณะที่ชาวนาได้ยื่นหนังสือให้พลเอกชวลิต หาทางช่วยเหลือแก้ไขปัญหาต้นทุนการเพาะปลูกสูงและราคาข้าวเปลือกตกต่ำ
การเคลื่อนไหวของพลเอกชวลิตในช่วงที่ผ่านมา ทำให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาปรามการเดินเกมทางการเมืองดังกล่าว
18 พฤษภาคม 2558 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางไปเยี่ยมหลานสาวฝาแฝด ลูกของนางพิณทองทา คุณากรวงศ์ (ชินวัตร) พร้อมทั้งส่งรูปไปให้พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์
19 พฤษภาคม 2558 ทักษิณ ชินวัตร ร่วมงานสัมมนา “Asian leader Conference” ที่ประเทศเกาหลีใต้ พร้อมทั้งวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ว่ายังไม่น่าประทับใจเท่าใดนัก และยังให้สัมภาษณ์พาดพิงไปถึงองคมนตรีเกี่ยวข้องกับการยึดอำนาจทั้งกรณีของตัวเองและน้องสาว
ในวันดังกล่าวตรงกับวันนัดของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่นัดพิจารณาคดีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ได้เดินทางมาที่ศาลฯ พร้อมทั้งปฏิเสธคำให้การและยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราวเป็นเงิน 30 ล้านบาท
22 พฤษภาคม 2558 ครบรอบ 1 ปีการเข้ามายึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีนักศึกษาทำกิจกรรม 1 ปีรัฐประหาร ทั้งที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร และที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จังหวัดขอนแก่น จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม
23 พฤษภาคม 2558 ชมรมผู้รักประชาธิปไตยไทยแห่งรัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา หรือกลุ่ม RED CHICAGO ในหัวข้อ “หนึ่งปีของการต่อต้านเผด็จการ กับอำนาจเถื่อนที่อยู่เบื้องหลังร่างรัฐธรรมนูญ คสช. กับทิศทางการเมืองไทย” ที่มีผู้เสวนา ได้แก่ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสุนัย จุลพงศธร แกนนำ นปช. พรรคเพื่อไทย และคนสุดท้าย นางดารุณี กฤตบุญญาลัย แกนนำ นปช. แต่ถูกต่อต้านจนต้องยกเลิกงานดังกล่าวไป
นี่คือการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองขั้วอำนาจเก่าที่เริ่มมีมากขึ้น เมื่อผู้นำของพรรคเพื่อไทยอย่างนางสาวยิ่งลักษณ์ กำลังถูกต้อนให้เข้ามุมอับ ทั้งเหตุการณ์การก่อความรุนแรงหรือแม้แต่คนของพรรคเพื่อไทยก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์จนฝ่ายทหารต้องเรียกตัวไปทำความเข้าใจกันอีกรอบ ตามมาด้วยคิวของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรัฐมนตรีที่ร่วมงานกับพรรคการเมืองของตระกูลชินวัตร ก็เดินสายออกมาทำกิจกรรมที่ทำให้นายทหารรุ่นน้องอย่างพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องลำบากใจ รวมถึงนายใหญ่อย่างทักษิณ ที่ใช้เวทีต่างประเทศมาโจมตีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ทักษิณหยุดสู้เมื่อตาย
นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ออกมาวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ทางการเมืองของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ในขณะนี้ว่า ถ้าถามว่าทักษิณจะหยุดหรือไม่ ทักษิณพูดอยู่เสมอว่า “ตายเสียดีกว่าอยู่อย่างผู้แพ้ ตราบใดที่ลมหายใจยังอยู่ไม่มีคำว่าไม่สู้” ตีความได้ว่าทักษิณยังไม่หยุดการเคลื่อนไหว จะหยุดก็ต่อเมื่อตาย
ประการต่อมาคนรอบข้างทักษิณ เป็นกลุ่มที่อดีตนิยมในแนวทางสังคมนิยม มักจะยึดถือทฤษฎีของการสะสมกำลัง รอคอยโอกาส ในระหว่างที่ยังไม่พร้อม สะสมกำลังคอยโอกาสไปเรื่อย แต่หลังจากที่มีการทำรัฐประหาร กำลังของทักษิณกระจัดกระจายไปคนละทาง
ดังนั้นเรื่องแก้ว 3 ประการที่เคยมั่นใจกันในอดีต อาจไม่เข้มแข็งเหมือนเก่า
เริ่มที่พรรคการเมืองอย่างเพื่อไทย สมาชิกในพรรคมีแนวโน้มที่จะกระจายออกไป ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับรัฐธรรมนูญใหม่จะเปิดโอกาสให้พรรคเล็ก พรรคน้อย อยู่ได้หรือไม่ คนที่ยังอยู่กับเพื่อไทยคือคนที่ไม่มีทางไป เพราะพรรคนี้ถูกยึดอำนาจมาแล้ว 2 ครั้ง ยังจะอยู่ต่อไปอีกหรือ ส่วนคนที่มีทางไปก็ย้ายออกไปยังพรรคต่างๆ ที่ไม่ต้องพึ่งบารมีของทักษิณและพรรคเพื่อไทย สามารถไปสร้างทีมงานใหม่ สร้างอำนาจใหม่ได้ แน่นอนว่าตอนนี้ทักษิณกำลังเช็กกำลังพลของตัวเองที่มีอยู่ว่าเหลือเท่าไหร่
เรื่องของกองกำลังที่เคยมีนั้น ภายหลังการเข้ายึดอำนาจของ คสช. กองกำลังที่เคยมีกระจายกันไปหมด ซึ่งเรื่องนี้ฝ่ายทหารทราบดีว่าใครเป็นใคร มีบทบาทอะไร การเข้าประกบทำให้กองกำลังในส่วนนี้อ่อนแรงลงไป การติดต่อระหว่างกันหรือประสานงานกันทำได้ยากขึ้น
ส่วนแนวร่วมอย่างนักศึกษา อาจารย์หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ในช่วง 1-2 ปีนี้คงปลุกไม่ง่าย อาจจะเหลือเพียงระดับหัวเท่านั้น โดยเฉพาะกลุ่มชาวบ้านต่างๆ เพราะคนเบื่อเรื่องการแตกแยก ถ้า คสช.แก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ดี ยิ่งจะทำให้แนวร่วมเหล่านี้อ่อนแรงลง
ประการสุดท้าย ยุทธศาสตร์ในการเคลื่อนไหวของทักษิณยังเป็นแนวทางที่กลุ่มฝักใฝ่คอมมิวนิสต์เคยใช้ “เอ็งมาข้ามุด เอ็งหยุดข้าแหย่ เอ็งแย่ข้าตี” ตอนนี้ใช้วิธีให้คนใหม่ๆ ออกมาเคลื่อนไหวแทน แกนนำเดิมๆ ไม่กล้าแสดงตัวออกมา
ถ้า คสช.เสื่อมลง รัฐธรรมนูญลงมติแล้วไม่ผ่าน ไม่สามารถแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ เขาจะใช้จุดนี้เข้ามาโจมตี ด้วยการชูจุดขายเดิมคือ ความเป็นประชาธิปไตย ปลุกกระแสประชาธิปไตยขึ้นมา เวลาที่เหลืออีกราว 1 ปี ขั้วอำนาจเก่าจะใช้วิธีสะสมกำลัง สร้างแนวร่วมและเคลื่อนไหวไปเรื่อยๆ แต่จะไม่ปะทะโดยตรง
ตัวที่จะชี้ขาดของสถานการณ์อยู่ที่คดีความของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว ถ้าถูกศาลตัดสินว่าผิด ทักษิณจะเอาเรื่องนี้ขึ้นมาขย่ม เอามวลชนออกมาเคลื่อนไหวเชียร์ยิ่งลักษณ์ ถ้า คสช.ไม่อ่อนแรง ประชาชนยังให้การสนับสนุน การเคลื่อนไหวของทักษิณก็จะไม่มีผล แต่ถ้าประชาชนเบื่อ คสช. โอกาสของทักษิณก็จะมีมากขึ้น ทั้งหมดขึ้นอยู่กับ คสช.เอง
แผนใหม่ใช้นักศึกษา-วางเป้า 6 ตุลาฯ
ขณะที่แหล่งข่าวด้านความมั่นคงกล่าวว่า การออกมาเคลื่อนไหวของทักษิณในเวลานี้ หากสังเกตให้ดีจะพบว่าเป็นไปตามสถานการณ์ของนางสาวยิ่งลักษณ์ในเรื่องคดีความ เมื่อทักษิณส่งน้องสาวเข้ามาทำหน้าที่แทนย่อมต้องรับผิดชอบกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นกับน้องสาว คงจำสโลแกน “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ได้ คงไม่ปล่อยให้น้องสาวต้องติดคุกแน่นอน
ทักษิณจะเลือกจังหวะเวลาและโอกาสที่มี ใช้เวทีต่างประเทศในการบอกว่าเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม โจมตีถึงส่วนอื่นๆ ของสังคมไทยว่าเป็นเหตุที่ทำให้เขาต้องหลุดจากอำนาจ โดยไม่กล่าวถึงความผิดพลาดของตัวเองและวิธีการทำงานของพรรคเพื่อไทย
ส่วนการเคลื่อนไหวในประเทศ ขณะนี้เราเห็นชัดแล้วว่ามีความพยายามที่จะใช้แนวร่วมใหม่อย่างกลุ่มนักศึกษาที่ออกมาต่อต้านการยึดอำนาจเมื่อวันครบรอบ 1 ปี ส่วนหนึ่งเคลื่อนไหวที่กรุงเทพฯ ที่เป็นกลุ่มเดิมจากแถวท่าพระจันทร์ อีกส่วนเคลื่อนไหวที่ขอนแก่นในนามกลุ่มดาวดิน และถูกตำรวจดำเนินการจับกุมและปล่อยตัวออกมา
เนื่องจากมวลชนที่ให้การสนับสนุนเดิมอย่างอดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย กลุ่ม นปช. คนเสื้อแดง ถูกทหารประกบติดหลังจากการเข้ายึดอำนาจเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 การเคลื่อนไหวจึงทำได้ลำบาก ดังนั้นการสร้างกลุ่มใหม่ขึ้นมาเพื่อเดินเครื่องแทนจึงเกิดขึ้น นักศึกษาถือเป็นภาพที่ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมือง เหมือนเป็นพลังบริสุทธิ์ จึงถูกนำมาใช้ทดสอบ ถ้ากระแสนี้จุดติดก็จะทำไปเรื่อยๆ โดยมีขั้วอำนาจเก่าให้การสนับสนุนแต่ไม่ออกหน้าอย่างเป็นทางการ
เป้าหมายของพวกเขาคือพยายามสร้างสถานการณ์ให้เหมือนกรณี 6 ตุลาคม 2519 โดยการใช้นักศึกษาเป็นตัวขับเคลื่อนต่อต้านการรัฐประหารและใช้กลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งเข้ามาร่วม เพื่อล่อให้เจ้าหน้าที่เข้าปราบปราม หรือพยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดความขัดแย้งของคน 2 ฝ่าย หากบรรลุเป้าหมายรัฐบาลปัจจุบันก็อยู่ไม่ได้
แนวทางนี้เริ่มถูกขยายผลไปตามสื่อออนไลน์ของกลุ่มคนเสื้อแดง ทั้งของสุดา รังกุพันธ์ และเครือข่ายที่เริ่มประโคมเรื่องดังกล่าวไปพร้อมๆ กัน
เชื่อจุดไม่ติด-แต่ไม่ประมาท
ขณะนี้เราประเมินสถานการณ์ว่าการใช้กลุ่มนักศึกษาเข้ามาเคลื่อนไหวนั้น กระแสนี้จะจุดติดหรือไม่ เท่าที่ดูนักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหวมักเป็นกลุ่มเดิม มีอาจารย์ที่มีแนวคิดต่อต้านการรัฐประหารบางท่านเกี่ยวข้อง บางพื้นที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มการเมืองที่เสียประโยชน์
แต่วันนี้ขบวนการนักศึกษาไม่เป็นกลุ่มเป็นก้อนเหมือนก่อน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจสภาพการเมืองในปัจจุบันว่ามีความซับซ้อน แม้จะมีรัฐบาลที่มาจากระบอบประชาธิปไตย แต่ที่ผ่านมาก็เห็นชัดว่ารัฐบาลเหล่านั้นบริหารประเทศไม่ต่างจากการเป็นเผด็จการ อีกทั้งช่องทางในการยุติปัญหาทางการเมืองไทยไม่เหมือนก่อน พรรครัฐบาลมีอำนาจสูงสุด พรรคฝ่ายค้านไม่สามารถอภิปรายเพื่อล้มรัฐบาลได้เหมือนก่อน อีกทั้งพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันยังยึดติดในเรื่องตำแหน่งและประโยชน์ที่ได้รับ ไม่มีการถอนตัวออกมา หรือแม้แต่บางครั้งพรรคการเมืองอย่างเพื่อไทยพรรคเดียวก็จัดตั้งรัฐบาลได้อย่างมั่นคง ไม่มีทางที่ฝ่ายค้านจะตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้
ขณะเดียวกันบทบาทของตัวแทนนักศึกษาในองค์กรต่างๆ ปัจจุบันยังยึดโยงอยู่กับนักการเมืองบางฝ่าย โดยไม่สามารถแยกได้ว่าฝ่ายใดผิด ฝ่ายใดถูก ดังนั้นในช่วงที่ผ่านมาขบวนการนักศึกษาจึงอ่อนแรง ไม่สามารถออกมาเป็นแกนนำได้เหมือนอดีต จนภาคประชาชนต้องออกมาเป็นคนเคลื่อนไหวแทน
“แต่เราก็ไม่ประมาท ยังคงติดตามความเคลื่อนไหวของขั้วอำนาจเก่าอยู่”
ส่วนการเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้นน่าจะเข้มข้นขึ้น เมื่อคดีของยิ่งลักษณ์ใกล้ตัดสินหรือมีแนวโน้มว่าจะถูกจำคุก ทักษิณคงใช้ทุกวิธีทั้งบนดิน ใต้ดิน รวมถึงใช้ต่างประเทศเข้ามากดดัน เพื่อให้น้องสาวรอดและโอกาสที่จะหนีไปต่างประเทศก็มีเช่นกัน
แต่การเดินเกมของทักษิณในการเคลื่อนไหวครั้งนี้ก็ไม่ได้ราบรื่นไปทั้งหมด การออกมาตอบโต้ของนายทหารรุ่นน้องอย่างพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งคำตอบโต้เจ็บๆ หรือแม้กระทั่งการดำเนินการยกเลิกพาสปอร์ตเดินทางที่รัฐบาลของน้องสาวออกให้ ตลอดจนความพยายามที่จะดำเนินการถอดยศพันตำรวจโทของทักษิณ ชินวัตร และแผนต่างๆ ก็ถูกจับตาจากฝ่ายทหารไว้ทั้งหมดแล้ว ดังนั้นการเคลื่อนไหวของทักษิณแม้จะทำได้แต่คงไม่สะดวก