ถึงคิว “ฟ้าวันใหม่” เผย “วิทเยนทร์ มุตตามระ” ผู้บริหารทีวีเสื้อฟ้า รับไม่ได้หลังเข้าพบคณะอนุกรรมการฯ ด้านผังรายการและเนื้อหารายการ กสทช.เรียกไปชี้แจงข้อเท็จจริง “รายการถอนพิษ” ที่ดำเนินรายการกับ “เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง” ซัดอนุฯ กสทช.ไร้วุฒิภาวะ-ห้ามพูดเรื่องจริงในอดีต โพสต์ถามแฟนเพจ “หากสถานีฟ้าวันใหม่ ถูกปิด 7 วัน ในช่วงนั้น ผมจะไปทำอะไรดี?” ด้าน “พีซ ทีวี” ยังออกอากาศปกติ สว่นใหญ่เป็นการอัดเทปออกวันหยุด ด้าน “เต้น-ณัฐวุฒิ” อัดเนื้อหาสัมภาษณ์ “บิ๊กจิ๋ว” ไม่มีอะไรรุนแรง ทำไมต้องกลัว เชื่อเป็นเจตนาที่ฝ่ายผู้มีอำนาจต้องการชวน นปช.ทะเลาะ คาดจะมีเกมอะไรบางอย่างเกิดขึ้นตามมา
วันนี้ (30 เม.ย.) หลังจาก กสท.ได้สั่งเพิกถอนใบอนุญาตช่องพีซทีวีในช่วงเช้า ที่ศูนย์บริการประชาชน นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ กรรมการบริหาร บริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยพนักงาน 7 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขอความเป็นธรรมและชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีคณะกรรมการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) มีมติ 4 ต่อ 1 เพิกถอนใบอนุญาตช่องพีซทีวี โดยมีนายพีระ ทองโพธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค เป็นตัวแทนรับหนังสือ
รายงานข่าวระบุว่า ขณะที่สำนักงานของพีซทีวีที่ตั้งอยู่ที่ชั้น 6 ห้างบิ๊กซี ลาดพร้าว 71 พนักงานยังทำอย่างเป็นปกติ และมีการออกอากาศปกติในรายการต่างๆ เช่นรายการมองไกล ของนายจตุพร พรหมพันธุ์ หรือรายการเข้าใจตรงกันนะ ที่ดำเนินรายการโดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แม้ใจช่วงค่ำที่ผ่านมาจะมีทหารเข้ามาที่สถานี และขอให้ยุติออกอากาศเทปรายการที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีมาร่วมรายการ
ทั้งนี้ ตลอดทั้งวันสถานีออกอากาศรายการที่บันทึกเทปไว้เป็นส่วนใหญ่ และยังมีการบันทึกเทปไว้ในช่วงวันหยุด 5 วันนี้ด้วย
มีรายงานว่า นายณัฐวุฒิพูดระหว่างจัดรายการตอนหนึ่งในเรื่องที่ทหารเข้าขอให้ยุติการนำเปทคำสัมภาษณ์ พล.อ.ชวลิตออกอาอากศว่า “เนื้อหาดังกล่าวไม่มีอะไรที่รุนแรง หากเปรียบเทียบกับทีวีช่องอื่นยังมีเนื่อหาที่แรงกว่า การที่ทหารทำเช่นนี้เชื่อว่าเป็นเจตนาที่ฝ่ายผู้มีอำนาจต้องการชวน นปช.ทะเลาะด้วย และคาดว่าน่าจะมีเกมอะไรบางอย่างเกิดขึ้นตามมา การออกอากาศไม่เหมาะสมตอนนี้เรื่องการร้องเรียนอยู่ที่ กสทช. แล้วท่านมายุ่งอะไรด้วย ส่วนที่บอกว่าเทปสัมภาษณ์ พล.อ.ชวลิต ไม่มีปัญหา แล้วนำทหารมาระงับทำไม”
อีกด้านมีรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กส่วนตัว “Vittayen Muttamara” ของนายวิทเยนทร์ มุตตามระ กรรมการผู้จัดการสถานีโทรทัศน์ฟ้าวันใหม่ ได้โพสต์ข้อความเปิดเผยถึงรายละเอียดหลังการเข้าจี้แจงคณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการ กสทช. กรณีเรียกไปชี้แจงเนื้อหารายการซึ่งออกอากาศทางช่องฟ้าวันใหม่ ทั้งนี้ นายวิทเยนทร์ได้หยิบยกกรณีรายการ “ถอนพิษ” ขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจากมีอนุกรรมการฯ ท่านหนึ่งมองว่าการนำเหตุการณ์ในอดีตขึ้นมานำเสนอ แม้จะเป็นความจริงไม่สามารถกระทำได้ เพราะเป็นการสร้างความแตกแยกให้กับสังคม ต่างจากแนวคิดของตนที่มองว่าจะเกิดการปรองดองได้ต้องพูดความจริง
มีใจความว่า “หากสถานีฟ้าวันใหม่ถูกปิด 7 วัน ในช่วงนั้นผมจะไปทำอะไรดี? จากกรณีที่เมื่อ วันที่ 28 เม.ย. ผมและคุณเถกิง สมทรัพย์ ถูกคณะอนุกรรมการฯด้านผังรายการและเนื้อหารายการ กสทช. เรียกไปชี้แจงข้อเท็จจริง ในที่ประชุมได้นำคลิป 4 คลิป จาก 3 รายการ มาเปิดเนื่องจากเห็นว่ามีเนื้อหาที่ขัดประกาศ คสช.ฉบับที่ 97 มีเนื้อหาที่ก่อให้เกิดความแตกแยก ไม่เสริมสร้างการปรองดอง (ที่สำคัญประธานผู้ทำหน้าที่ในที่ประชุมมีท่าทีที่แข็งกร้าวมากในที่ประชุมจนผมประหลาดใจ)
หนึ่งในรายการที่ถูกหยิบยกมา คือ รายการถอนพิษ ผม และ อ.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ดำเนินรายการ ในรายการพูดถึงกรณีที่ศาลพัทยาตัดสินอริสมันต์และพวกจำคุกกรณีบุกทำลายการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่พัทยา และมีการเปิดคลิปที่มีการสั่งการจากแกนนำคนอื่นๆ ให้อริสมันต์ทำเช่นนั้น เพื่อให้เห็นว่าเป็นการทำกันเป็นขบวนการจริง
ผมพยายามอธิบายว่า สิ่งที่ผมและ อ.เจิมศักดิ์เสนอ เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นจริง แต่ประธานอนุกรรมการฯ มองว่าเป็นเรื่องเก่าที่เอามาเปิดใหม่ให้เกิดความแตกแยก ผมก็พยายามอธิบายว่ามันเป็นเรื่องใหม่ เพราะศาลเพิ่งจะตัดสินไม่กี่วันก่อนรายการออกอากาศ ที่น่าตกใจสำหรับผม คือ อนุกรรมการฯ ท่านหนึ่งโต้ตอบผมว่าถึงเป็นเรื่องจริงก็นำมาพูดนำมาเสนอไม่ได้ จะทำให้เกิดความแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายอีก
ทำให้ผมต้องทบทวนสิ่งที่ผมเชื่อมาตลอดชีวิตว่า เมื่อเป็นเรื่องจริงต้องสามารถพูดได้นำเสนอได้ การที่จะปรองดองได้ความจริงต้องปรากฏ การพูดความจริงไม่ครบหรือปกปิดความจริงคือการโกหก หากสังคมจะปรองดองได้ด้วยการที่คนในสังคมต้องหันหน้ามาโกหกหลอกลวงกัน นั่นจะเป็นการปรองดองที่แท้จริงหรือ
หากนำเสนอข่าวสารที่เป็นความจริงในอดีตไม่ได้ แล้วกรณีที่ท่านนายกฯ เคยถามนักข่าวว่า “มีคนใช้อาวุธในประชาชนหรือเปล่า มีหรือเปล่าให้พูดดังๆ มีชายชุดดำอยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดงหรือเปล่า” สถานีทีวีทุกช่องที่นำเสนอข่าวนี้ก็ต้องมีความผิดเช่นเดียวกันเพราะเป็นการนำเสนอความจริงที่คนอืกด้านเขาไม่พอใจ เป็นการเสนอเรื่องในอดีต เป็นการสร้างความแตกแยก
กรณีรายการถอนพิษ ผมยังยืนยันว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิด และผมจะไม่เปลี่ยนความเชื่อของผมที่ว่าสังคมจะปรองดองได้ ความจริงต้องปรากฏ หากผมจะต้องพูดโกหกสร้างชุดความจริงขึ้นมาเองเพียงเพื่อจะบอกว่านี่คือการสร้างความปรองดองผมทำไม่ได้ครับ
ส่วนอีก 2 รายการ (วิเคราะห์คอลัมน์นิสและข่าวฟ้ายามเย็น) ผมก็ยอมรับว่ามีการพูดจาส่อเสียดอยู่บ้างซึ่งก็ต้องรับนำมาปรับปรุง แต่อย่างไรก็ไม่ใช่ประเด็นใหญ่โตถึงขั้นต้องปิดสถานีชั่วคราว
ผมยังหวังนะครับว่าเมื่ออนุกรรมการฯ เสนอเรื่องขึ้นไปที่คณะกรรมการชุดใหญ่(กสท.) แล้วจะไม่ลงโทษฟ้าวันใหม่ด้วยการปิดสถานี ผมเชื่อในสิ่งที่ผมทำว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและผมจะไม่ยอมแพ้ที่จะสู้ด้วยความจริงเพื่อประเทศชาตินี้ต่อไปตราบที่ผมทำได้อยู่
ถ้าเราต้องยุติการออกอากาศอีกครั้ง จะกี่วันก็ตามเพราะผมพูดความจริง ผมก็คงไม่มีทางเลือกครับ นอกจากคิดว่าช่วงที่ยุติการออกอากาศผมจะไปทำอะไรดี ไปนั่งพักนอนพักเล่นริมทะเลสักพักทบทวนอุดมการณ์ของตัวเอง หรือพักผ่อนอยู่ที่บ้านสักพัก แต่ผมเชื่อมั่นว่าอุดมการณ์ของผมจะไม่มีวันเปลี่ยน”
ทั้งนี้ ในวันที่ 29 เม.ย.ที่ผานมา นายเถกิง สมทรัพย์ ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ฟ้าวันใหม่ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “เถกิง สมทรัพย์” ตำหนิคณะอนุกรรมฯ กสทช. ที่ใช้อารมณ์พูดจาหยาบคายระหว่างการประชุม โดยมีนายวิทเยนทร์ โพสต์เฟซบุ๊กผสมโรง
ขณะที่ค่ำวานนี้ (29 เม.ย.) นายวิทเยนทร์โพส์ว่า “เมื่ออนุกรรมการฯ กสทช.เชิญฟ้าวันใหม่ไปชี้แจงข้อเท็จจริง ประธานอนุกรรมการฯ แสดงท่าทีเกรี้ยวกราดกับเรา คุณ เถกิง สมทรัพย์ ต้องขอให้ท่านเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเรา ไม่ใช่ด่าเราด้วยอารมณ์โกรธส่วนตัวกลางที่ประชุม”