xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ ทราบข่าว “บิ๊กจิ๋ว” โยงบึ้มสมุย รับการเมืองเก่าดิ้นสู้ เชื่อเอาชนะโรดแมปไม่ได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ประยุทธ์” แจงสอบบึ้มสมุยเหตุใดจึงซับซ้อน รับรู้เท่าสื่อ-เอี่ยว “พ่อใหญ่จิ๋ว” รอฟังความเห็นร่าง รธน.ก่อนตัดสินประชามติ บี้มติชนลงข่าวให้หมด ชี้กลุ่มการเมืองเก่าดิ้นสู้ มั่นใจเอาชนะโรดแมปไม่ได้ ปัดเล่นงานข้างเดียว ขอวิจารณ์ รธน.ในกรอบ อย่ามั่วตำหนิรัฐ มองเลือกตั้งไม่มี รบ.คือวิเคราะห์ แนะยอมรับผิดก่อนถึงนิรโทษฯ “บิ๊กโด่ง” เมินฟันธงอดีตโยงอดีตนักการเมือง ไม่โยงป่วน จชต.

วันนี้ (20 เม.ย.) ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ครม. โดยกล่าวถึงความคืบหน้าเหตุระเบิดที่สมุยว่า ยอมรับว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมีความเกี่ยวโยงกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเมืองในอดีตซึ่งต้องพิจารณาดูก่อนว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไร คำว่าการเมืองนั้นยังไม่ชัดเจนว่าเป็นการเมืองนี้หรือการเมืองไหน มันอาจจะเป็นคนการเมืองเก่าก็ได้ที่ทำให้เกิดขึ้นว่า 1. เป็นเรื่องของการเมืองเพื่อสร้างความไม่สงบให้รัฐบาลมีปัญหาหรือไม่ 2. เรื่องของอิทธิพล และ 3. เรื่องธุรกิจส่วนตัว ซื้อรถราคาถูก ซื้อรถผี ตอนนี้เราต้องให้น้ำหนักกับทุกประเด็น อย่าเพิ่งไปลงชี้ชัดว่าเป็นเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่อย่างน้อยเราก็ควรดีใจว่าเราสามารถจับกุมได้และมีการสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือกระทำจริง มีการไปนำรถจากที่นั่นที่นี่มา

“สิ่งที่พิจารณาในขณะนี้ คือ ทำไมจึงต้องมีการวางแผนซับซ้อนขนาดนั้นในเรื่องการไปซื้อรถ มีการมอบหมายให้คนไปรับรถในที่ต่างๆ มีการเปลี่ยนสีรถ ปกติหากมีการก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะไม่ทำซับซ้อนเช่นนี้ จะเป็นแค่ไปขโมยรถมาแล้วก็ไปก่อเหตุระเบิด ดังนั้นจึงต้องไปสอบต่อเพราะมีรายละเอียดค่อนข้างมาก และบังเอิญว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องสังกัดพรรคการเมืองเก่า เป็นอดีต ส.ส.”

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีรายงานข่าวว่าเกี่ยวโยงกับอดีตนักการเมืองที่เคยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ผมก็รู้ตามที่พวกท่านรู้” เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่ามีรายงานว่าเกี่ยวข้องกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวย้ำว่า “ก็รู้อย่างที่ท่านรู้นั่นแหละ แต่อย่ามาบอกว่าผมพูดก็แล้วกัน”

เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่ามีการรายงานว่าทุกอย่างเป็นไปตามหลักฐานที่ปรากฏตามสื่อใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ก็เป็นไปตามข่าวที่สื่อมวลชนได้นำเสนอไว้ ซึ่งผมก็ดูตามนั้นว่าจริงหรือเปล่า ก็มีการเช็กกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เขาก็รายงานว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบอยู่”

เมื่อถามว่ามีการรายงานหรือไม่จะเชิญตัวผู้ที่มีชื่อว่าเกี่ยวข้องมาสอบสวนข้อเท็จจริง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวประชดว่า เจ้าหน้าที่ไม่จำเป็นต้องรายงาน เมื่อเขาได้ข้อมูลแล้วเจอหลักฐานอะไรก็คงปล่อยกลับบ้านให้ไปดูแลและพักผ่อน กฎหมายว่าอย่างไรก็ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นมีหลักฐานว่าโยงกับการเมืองและความมั่นคงเช่นนี้จะกระทบกับโรดแมปหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “อย่ามาถามผม ถ้าถามผม ผมก็บอกมาทุกครั้งแล้วว่าโรดแมปก็คือโรดแมป ก็ต้องดูว่าปัญหาต่างๆ จะทำให้โรดแมปเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ และถ้าไปต่อไม่ได้ จะทำกันอย่างไร อยากถามว่า วันนี้ประเทศต้องการปฏิรูปหรือไม่ ถ้าต้องการปฏิรูปก็จำเป็นจะต้องมีกลไกพิเศษขึ้นมาเพราะถ้าจะปล่อยให้เป็นแบบเดิม มันก็คงได้ผลแบบเดิม บางคนบอกว่า ให้เอารัฐธรรมนูญปี 2540 บ้าง บางคนก็บอกให้เอาปี 2550 มาใช้บ้าง ไม่ต้องไปเขียนใหม่ให้เมื่อย แต่ผมอยากถามว่าแล้วมันทำได้หรือไม่ อย่างความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันก่อน 22 พฤษภาคม 2557 ในเรื่องว่าควรปฏิรูปก่อนเลือกตั้งหรือเลือกตั้งก่อนปฏิรูป ขอร้องว่าอย่านำเรื่องนี้มาปนกันและอย่านำมาทวงถามกับผมว่าจะปฏิรูปก่อนหรือหลังเลือกตั้งก็ได้ เพราะผมยึดอำนาจมาแล้ว มันคนละเวลากัน ผมไม่ต้องการทำอะไรให้วุ่นวาย พยายามทำทุกอย่างให้เดินหน้าไปได้ และเท่าที่อยู่ทำงานมา 6 เดือน ทุกอย่างก็ชัดเจนแล้วอย่าบอกว่ารัฐบาลนี้ไม่มีผลงาน ไม่มีความก้าวหน้าเพราะงานที่สำเร็จแล้วก็มี อยู่ระหว่างดำเนินการก็มี เป็นแผนงานในอนาคตที่จะเริ่มต้นใหม่ก็มี มีเป็นร้อยเป็นพันเรื่อง ไม่ใช่ว่าผมสั่งไปเรื่อย พูดไปเรื่อย เหมือนที่สื่อวิพากษ์วิจารณ์”

เมื่อถามว่า ช่วงจังหวะเวลาใดที่จะใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.ตัดสินว่าจะทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ให้ผ่านช่วงเวลา 7 วันนี้ ที่สปช.อภิปรายร่างรัฐธรรมนูญไปก่อน ซึ่งต้องไปดูว่าจำเป็นจะต้องมีขั้นตอนที่ว่าหากสปช.เสนอให้ไปแก้ไข หรือครม.เสนอให้ไปแก้ไข และทางคณะกรรมาธิการฯแก้ไขหรือไม่ ถ้าไม่แก้แล้วยืนยันจะส่งต่อไป จะมีปัญหาอะไรหรือไม่ ตอนนี้ต้องรับฟังทั้งหมด เพราะอยู่ในขั้นตอนของการรับฟังความคิดเห็นจาก สปช.ก่อน จากนั้นก็จะต้องมาฟังความคิดเห็นจาก ครม.และคสช. หลังจากวันที่ 19-20 พฤษภาคม ซึ่งก็จะมีการเสนอขึ้นไปทั้ง 2 ทาง ให้รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไร ตนยังไม่อยากใช้อำนาจอะไรตรงนี้ หลังจากนี้ก็จะส่งความคิดเห็นทั้งหมดไปยังคณะกรรมาธิการฯตามเวลาที่กำหนด ส่วนกรรมาธิการฯจะแก้หรือไม่ อยู่ที่เขา ถ้าไม่แก้แล้วดันต่อไปก็ต้องมาดูว่า จะได้รับการยอมรับหรือไม่ ก็ต้องมาว่ากันอีกที

ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัจจัยที่จะทำให้บ้านเมืองยังไม่เกิดความสงบเรียบร้อยเนื่องจากกลุ่มอำนาจเก่ายังมีกำลังอยู่ นายกรัฐมนตรีจะทำอย่างไรเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวประชดว่า “คงจะต้องสวดมนต์มั้ง ต้องสวดมนต์ไหว้พระ ทุกวันนี้ผมก็สวดมนต์ทุกวัน และไม่เคยขออะไรให้ตัวเองแต่ขอให้กับประเทศชาติทุกวัน เวลาไหว้พระก็ขอให้ประเทศชาติปลอดภัยทำงานได้สำเร็จ ขอให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย ไม่เคยขออะไรให้กับตัวเอง เพราะถ้าขออะไรให้ตัวเองก็จะสบายเพียงคนเดียว ผมเข้ามาเพื่อต้องการให้ประเทศชาติเดินต่อไปได้ ไม่ได้ไปทวงบุญคุณกับใครผมทำงานมาตลอดชีพ ไม่เคยขออะไรให้กับตัวเองเพราะผมไม่เคยอยากเป็นอะไรทั้งสิ้น แล้วมันถึงได้เป็น แต่ถ้ายิ่งขอยิ่งไม่ได้เป็น ยิ่งวิ่งเต้นยิ่งต้องไม่ได้ ถ้ามาขอกับผม ผมก็ไม่ให้”

เมื่อถามย้ำว่าแล้วจะทำอย่างไร ไม่ให้กลุ่มการเมืองเก่ามีอำนาจขึ้นมาอีก นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สื่อก็ต้องไปช่วยกันขอร้องและไปบอกรวมทั้งปรามกลุ่มคนเหล่านี้ด้วย พวกสื่อเคยเขียนปรามกันบ้างไหม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงตรงนี้ได้ถามหานักข่าวมติชนทันที โดยกล่าวว่า ไหนมติชนอยู่ไหน ให้ยกมือขึ้น เป็นเพื่อนกันไม่เป็นไร ยกมือขึ้น “ดูซิ ดูข้างในของคุณ พี่ไม่ได้ว่าอะไร เวลาพวกคุณเขียนข่าวเข้าไป มีรายละเอียดมีรายละเอียดต่างๆ แล้วเจ้านายเธอลงทุกอันหรือไม่ ตอบมา ก็ต้องบอกเขาให้หมดว่ารายละเอียดผมพูดอย่างไร ที่ผ่านมาผมพูดดีทุกวันเลยนะ ไม่เคยพูดอะไรเสีย แล้วมันลงเสียมาหมด ไม่เข้าใจมันเขียนได้ยังไงวะ เอาละ ไม่โกรธ ขี้เกียจ”

เมื่อถามว่า กลุ่มการเมืองที่ยังเคลื่อนไหวขณะนี้มีการขยายตัวหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กลุ่มเหล่านี้ไม่ได้ขยายตัว แต่พยายามดิ้นรนเพื่อต่อสู้ในทางการเมืองของเขา บางทีเขาก็ลืมว่าวันนี้เรามีทั้งกฎหมาย มีทั้ง พ.ร.บ.ความมั่นคง พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือแม้แต่การประกาศใช้มาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว ก็ออกไปหมดแล้ว ดังนั้นถ้าจะเข้ามาปกครองประเทศ ทุกคนจะต้องเคารพกฎหมายวันนี้ จะเอากฎหมายอะไรกันอีก จะให้ใช้แรงกว่านี้หรืออย่างไร พอประกาศใช้กฎหมายก็วิจารณ์ว่าละเมิดสิทธิเสรีภาพ พอใช้กฎหมายเบาๆ ก็ไม่เชื่อกันอีก อย่าลืมว่าวันนี้ประเทศเราต้องการปฏิรูป ต้องการทำให้ประเทศมีความเข้มแข็ง มีเศรษฐกิจยั่งยืน ไม่เกิดความขัดแย้งขึ้นมาอีก และรัฐธรรมนูญก็ต้องมีความละเอียดมากยิ่งขึ้น อาจจะต้องมีกระบวนการปฏิรูปใส่ลงไปด้วย ทั้งหมดนี้เรียกว่าการปฏิรูป ถ้าปฏิรูปแล้วยังใช้กฎหมายเดิม คนเดิมๆ ยังเข้ามาในการเลือกตั้งอีก ทุกอย่างก็เหมือนเดิมหมด สื่อช่วยไปถามอีกฝ่ายให้หน่อยได้หรือไม่ว่าอนาคตถ้าอนาคตเข้ามาเป็นนักการเมืองแล้วจะทำอะไรบ้าง เอามาเทียบกับสิ่งที่ตนได้ทำมาอย่างเรื่องการค้าขายผลิตผลทางการเกษตร จะได้เกิดความเข้าใจทั้งข้าว อ้อย น้ำตาล แต่ยอมรับว่าของตนช้ากว่าแน่นอนเพราะไม่ได้เอาเงินไปให้ แต่ของเขาให้เงินลงไปแล้วก็จบ เลิก ปัญหาก็ยังไม่หมด ไม่มีความเข้มแข็ง นโยบายไม่มีความต่อเนื่อง

เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่า กลุ่มการเมืองที่ยังพยายามดิ้นรนอยู่ในขณะนั้นจะไม่สามารถเอาชนะโรดแมปที่วางไว้ได้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ถ้าให้ผมใช้อำนาจทั้งหมด ผมก็มั่นใจอยู่แล้ว แต่ก็คงถามว่าจะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายอะไรขึ้นหรือไม่ อย่าให้ผมจำเป็นจะต้องใช้แบบนั้น มันยังมีอีกหลายวิธีการ แต่ประชาชนจะต้องอยู่กับผม”

เมื่อถามว่าแล้วจะมีแนวโน้มที่นายกฯจะใช้อำนาจเด็ดขาดในการจัดการตรงนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวปฏิเสธว่า ยัง ไม่อยากให้มี และไม่อยากให้ต้องใช้ สื่อก็ช่วยกันหามาตรการไปกดดันอีกฝ่ายหนึ่งบ้าง ไม่ใช่มากดดันตนข้างเดียว สื่อจะต้องทำตัวเหมือนเป็นกรรมการกลาง ตั้งคำถามกับทั้งสองฝ่าย ยืนยันว่าวันนี้ฝ่ายตนเล่นตามกติกา แต่อีกฝ่ายกลับเล่นนอกกติกา มันถึงจำเป็นจะต้องมีวันนี้ เนื่องจากทุกอย่างปนเปเรรวนไปหมด ระบบข้าราชการเสียหายมีการทุจริตไม่โปร่งใส แต่พอตรวจสอบก็ร้องว่าไม่เป็นธรรม กล่าวหาว่าเล่นเพียงข้างเดียว “ยืนยันว่าข้างอื่นก็เล่นอยู่ มีการเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบอย่างเช่น ในเรื่องการก่อการร้ายต่างๆ ที่มีการฟ้องร้อง ทางฝ่าย กปปส.มีการมอบตัวต่อศาลทั้งหมด แล้วถึงมีการประกันตัวออกมา ส่วนอีกข้างไม่มอบตัวถ่วงเวลาจนถึงที่สุดถึงจะเข้ามอบตัวพอเสร็จก็ประกันตัวออกมา แล้วก็มาโวยวายข้างนอกว่าไม่เป็นธรรมไม่ยุติธรรมเรื่องนี้เห็นชัดว่ามีความแตกต่าง เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าผมเข้าข้างใคร ทุกคนต้องตัดสินให้ได้ว่าอะไรคืออะไร อะไรคือถูกอะไรคือผิด คำว่าเสรีภาพ ความเท่าเทียม หรือสิทธิมนุษยชนอย่างเดียว ประเทศชาติไปไม่ได้”

ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้ฝ่ายการเมืองออกมาแสดงความคิดเห็นมากขึ้น เรื่องของร่างรัฐธรรมนูญและการเมือง สามารถที่จะทำได้ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สามารถทำได้ แต่อย่าให้นอกกรอบหรือทำให้เกิดความวุ่นวาย แต่ถ้าออกมาพูดจาตำหนิรัฐบาลบ่อยๆ มันก็ไม่ค่อยดี โดยเฉพาะสิ่งที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ก็ต้องมีการปรามกันบ้าง ก็ปรามมาแล้วหลายครั้ง วันนี้เองก็ได้สั่งการให้ติดตามความเคลื่อนไหวทั้งในส่วนของโทรทัศน์ วิทยุ เว็บไซต์ โซเชียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งตนยังได้รับรายงานว่ายังมีอยู่หลายสถานีก็คงต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล ไม่เช่นนั้นก็จะกลับมาแบบเดิมอีก ตนไม่เข้าใจว่าหัวจิตหัวใจทำด้วยอะไร แต่ไม่รู้เป็นพวกไหนหัวจิตหัวใจจะให้เป็นอยู่อย่างนี้และมีความขัดแย้งต่อไปอย่างนั้นหรือ โดยใช้คำว่าประชาธิปไตย เลือกตั้ง อย่างเดียวเท่านั้นหรือถึงจะเรียบร้อย ตนอยากถามว่า ถ้าเป็นจริงมันจะเรียบร้อยหรือไม่ อย่างครั้งที่แล้วเลือกตั้งได้หรือไม่ คิดกันหรือไม่ว่าถ้าเลือกตั้งแล้วจะตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ ตนเองก็ยังไม่รู้เลย

เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเชิญตัวแทนพรรคการเมืองมาพูดคุยหรือลงสัตยาบันเพื่อความสงบเรียบร้อย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “พุทโธ่ กฎหมายยังไม่รับกันเลย จะให้มาลงนามอะไร มันไม่ใช่การทำสงครามในต่างประเทศ มันไม่ได้รบกันถึงขนาดนั้น”

เมื่อถามว่าตอนนี้มีปัจจัยอะไรที่นายกฯถึงคิดว่าเมื่อเลือกตั้งแล้วจะไม่มีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ได้มีปัจจัยอะไรแต่วิเคราะห์จากสถานการณ์ วันนี้ขนาดยังไม่เลือกตั้งก็มีการทะเลาะกันไปมา เดี๋ยวอาจจะเลือกตั้งก็ได้ การบริหารประเทศต้องมีการวิเคราะห์และวางแผนล่วงหน้าไม่ใช่แค่ตอบสื่อไปวันๆ และที่ตนทำทั้งหมด คิดไว้ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมาและคิดไปถึงขนาดที่ถึงเวลาที่ตนจะได้พักผ่อน แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่

เมื่อถามว่าเมื่อรัฐธรรมนูญออกมาจะทำให้ทุกฝ่ายยอมรับได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนจะไปบังคับให้ใครยอมรับไม่ได้ ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะยอมรับหรือไม่ เขารักประเทศไทยกันหรือเปล่า ต้องการจะให้ลดความขัดแย้งกันหรือไม่ มันถึงจะนำไปสู่เรื่องอื่นๆ ต่อไปได้ แต่ถ้าคิดว่าถ้าจะไปได้ต้องมีการนิรโทษกรรมก่อนมันจะเป็นไปได้อย่างไร วันนี้ยังไม่รู้จะยอมรับความผิดกันเลย ก็ขอให้ยอมรับความผิดกันก่อน ใครผิดใครถูกก็ว่ากันมา แล้วถึงจะไปยังขั้นตอนนิรโทษหรือสร้างความปรองดอง ขอให้สงสารชาวบ้านและประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องบ้าง อย่าลืมว่าเดิมปัญหามันมีและมีความขัดแย้งกันในกลุ่มประชาชนนับสิบล้านคน แล้วประชาชนมีประชากรทั้งสิ้น 70 กล่าล้านแล้วถามกันบ้างหรือไม่ว่า คนตรงกลางเหล่านี้ไปอยู่ที่ไหน และเขาจะเอาอย่างไร “ผมขอถามว่าคนตรงกลางเหล่านี้จะเอาอย่างไร จะเลือกตั้งหรือไม่เลือกตั้ง จะปฏิรูปหรือไม่ปฏิรูป แล้วถ้ายังเกิดความขัดแย้งแบบเดิมจะเอาอย่างไร เรื่องนี้ก็ต้องไปช่วยกันถาม ไม่ใช่เรื่องของผมแล้ว”

ด้าน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เปิดเผยกับ สำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงเหตุการณ์การวางระเบิดที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล เกาะสมุย ว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้มีการดำเนินการตามอำนาจของกฎหมายพิเศษที่มีอยู่ ซึ่งเป็นเหตุจำเป็นที่จะต้องดำเนินการ โดยเป็นการดำเนินการร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ และยืนยันว่าการควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัยไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ส่วนสาเหตุของการก่อเหตุดังกล่าวนั้น ในขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบความเชื่อมโยง จึงไม่ขอชี้ชัดว่าเป็นการจ้างวานของอดีตนักการเมืองในพื้นที่

ทั้งนี้ พล.อ.อุดมเดชยืนยันว่า การก่อเหตุดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขยายพื้นที่ก่อเหตุความไม่สงบจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แต่อย่างใด ถึงแม้ว่าจะพบอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อเหตุบางส่วนมาจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ตาม
กำลังโหลดความคิดเห็น