ASTV ผู้จัดการรายวัน-“บิ๊กโด่ง” แจงส่งทหารบุก "พีซทีวี" ขณะ "บิ๊กจิ๋ว" อัดรายการ เหตุเข้าข่ายไม่เหมาะสม ยันทำตามกรอบกฎหมาย ลั่นไม่ยอมให้เสนอข่าวสร้างความาแตกแยก “ทีมผู้ประกาศพีซทีวี” บุกทำเนียบร้องนายกฯ ขอความเป็นธรรม โอดลูกจ้าง 100 กว่าชีวิตเดือดร้อน กระทบครอบครัว วอนทบทวนคำสั่ง กสทช. ด้าน “วิทเยนทร์” ผู้บริหารฟ้าวันใหม่โพสต์เล่าเหตุการณ์แจง กสทช. เชื่อไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เปรยอาจโดยปิดสถานีชั่วคราว
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ทหารติดตาม พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ในระหว่างออกรายการช่องพีซทีวี ว่า เป็นการดำเนินการตามกรอบกฎหมาย ซึ่งพิจารณากันแล้วว่าไม่เหมาะสม เจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินการตามพื้นฐานของข้อมูลหลักฐาน แต่จะไม่ไปละเมิดก้าวก่ายใดๆ หากไม่มีความผิด และไม่พบการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ทางเจ้าหน้าที่ทหารจะไม่ไปเอาโทษใดๆ ในทางตรงกันข้าหากเราพบข้อมูล ก็จำเป็นมีต้องการตรวจสอบ โดยสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ ต้องให้ความร่วมมือ เพราะว่ากรอบการดำเนินการต่างๆ ก็เคยตกลงกันแล้วอย่างชัดเจน ประกอบกับทางคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ก็เป็นผู้รับผิดชอบควบคุมอยู่ด้วย
“สิ่งต่างๆ ที่ไม่ถูกต้อง ผิดกติกา ผิดกฎหมาย รวมทั้งการนำเสนอข่าวที่ทำให้เกิดความแตกแยกมีการโจมตีกัน และอะไรต่างๆ เจ้าหน้าที่รัฐคงยอมไม่ได้ ก็ต้องดำเนินการเป็นไปตามนั้น จึงขอให้ร่วมมือ และระมัดระวังในการนำเสนอข้อมูลให้ถูกต้องทำตามกติกาได้ ก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ทุกอย่างจะเดินไปตามปกติ แต่ถ้ามีข้อผิดพลาดอะไรเราจำเป็นจะเข้าไปดูแล” พล.อ.อุดมเดช กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารจะทำความเข้าใจกับ พล.อ.ชวลิต หรือไม่ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ก็คงเข้าใจกันอยู่แล้ว ท่านก็เคยเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาระดับสูงในกองทัพด้วย ทุกคนก็ให้ความเคารพ และให้เกียรติ รวมทั้งจากที่ฟังการสัมภาษณ์ของ พล.อ.ชวลิต ก็คิดว่าตัวท่านเองคงไม่ไปทำอะไร
** วอนเห็นใจพนักงาน 100 กว่าชีวิต
เมื่อเวลา 11.40 น. ที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล ทีมผู้ดำเนินรายการสถานีโทรทัศน์พีซทีวี นำโดยนายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ์ เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. และขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีเพิกถอนใบอนุญาตออกอากาศช่องรายการพีซทีวี โดยมีนายพีระ ทองโพธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน เป็นผู้รับมอบ
นายธนาวุฒิกล่าวว่า ที่มายื่นหนังสือ เพราะเห็นว่านายกฯ เป็นคนของพี่น้องประชาชน จึงอยากฝากถึงนายกฯ และ คสช.ให้ทบทวนเรื่องดังกล่าว เพราะคำสั่งที่ กสทช. สั่งปิดพีซทีวี โดยอ้างว่าเนื้อหาของรายการมองไกลเมื่อวันที่ 18 เม.ย.2558 นั้น ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. จึงมาขอความเป็นธรรม หากยังมีการปิดพีซทีวีต่อไป เราจำเป็นจะต้องยื่นหนังสือต่อไปเรื่อยๆ เพราะถึงแม้นายกฯ ต้องการให้ประเทศนี้ เป็นประชาธิปไตย แต่ยังปิดหูปิดตาประชาชนอยู่นั้น โลกก็ต้องทราบว่าประเทศนี้ต่อไปจะต้องปิดประเทศแช่แข็งประเทศแน่นอน
“เราจำเป็นต้องยื่นหนังสือให้กับนายกรัฐมนตรีไปบอกกับหัวหน้า คสช. ว่า อย่างไรเสีย ไปพูดคุยกับ กสทช. ด้วยว่าการที่ปิดพีซทีวีเป็นไปด้วยความเป็นธรรม หรือมีใครสั่งหรือไม่ การปิดพีซทีวี นอกจากพนักงานร้อยกว่าชีวิตแล้วมันอาจกระทบเป็นลูกโซ่กับญาติพี่น้อง ลูกเมียเป็นร้อยเป็นหมื่นชีวิตก็เป็นไปได้" นายธนาวุฒิกล่าว
เช่นเดียวกับ น.ส.อรุโณทัย ศิริบุตร หัวหน้าผู้ประกาศพีซทีวี ที่กล่าวว่า อยากขอความเป็นธรรมนายกฯ และให้ใช้อำนาจที่มี สั่งการ กสทช. ให้ใช้กระบวนการในการตรวจสอบเรื่องที่มีการสั่งปิด เพราะหากมองว่าเราทำผิดจริง ก็ควรให้เป็นไปตามกระบวนการไต่ระดับความผิด ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือน การปรับขั้นต้น ปรับขั้นสูง หรือการสั่งปิดชั่วคราวก่อนจะมีการสั่งปิดถาวร ซึ่งการปิดครั้งนี้ กสทช. ไม่ได้ทำหนังสือแจ้งเพื่อให้ไปชี้แจง ซึ่งกระบวนการที่ผ่านมา ก่อน กสทช. จะออกคำสั่งใดก็ตามทุกอย่างจะเป็นไปตามขั้นตอน แต่ครั้งนี้เราไม่ได้รับการปฏิบัติตามขั้นตอน
** “บิ๊กฟ้าวันใหม่” เปรยอาจโดนแบน 7 วัน
อีกด้าน นายวิทเยนทร์ มุตตามระ กรรมการผู้จัดการสถานีโทรทัศน์ฟ้าวันใหม่ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว "Vittayen Muttamara" ระบุหัวข้อว่า “หากสถานีฟ้าวันใหม่ ถูกปิด 7 วัน ในช่วงนั้นผมจะไปทำอะไรดี?” พร้อมเปิดเผยถึงรายละเอียดหลังการเข้าชี้แจงคณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการต่อ กสทช. เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า คณะอนุกรรมการฯ ด้านผังรายการและเนื้อหารายการ กสทช. ได้นำคลิป 4 คลิป จาก 3 รายการ มาเปิด เนื่องจากเห็นว่ามีเนื้อหาที่ขัดประกาศ คสช.ฉบับที่ 97 มีเนื้อหาที่ก่อให้เกิดความแตกแยก ไม่เสริมสร้างการปรองดอง
โดยอนุกรรมการฯ ท่านหนึ่ง มองว่า การนำกรณีที่ศาลพัทยาตัดสินให้จำคุกกลุ่มแกนนำ นปช.กรณีบุกทำลายการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่พัทยานั้น ถือเป็นการนำเหตุการณ์ในอดีตขึ้นมานำเสนอ แม้จะเป็นความจริง ก็ไม่สามารถกระทำได้ เพราะเป็นการสร้างความแตกแยกให้กับสังคม ซึ่งส่วนตัวมองแตกต่างออกไป และยืนยันว่าไม่ได้กระทำผิด เพราะแม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเอง ก็ยังเคยพูดถึงชายชุดดำอยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดงเลย อีกทั้งการจะเกิดการปรองดองได้นั้น สื่อและสังคมจะต้องพูดความจริง อย่างไรก็ตาม สำหรับรายการที่มีการพูดจาส่อเสียดอยู่บ้างนั้น ก็ได้รับมาปรับปรุง แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นใหญ่โตถึงขั้นต้องปิดสถานีชั่วคราว
“ผมยังหวังนะครับว่าเมื่ออนุกรรมการฯ เสนอเรื่องขึ้นไปที่คณะกรรมการชุดใหญ่ (กสท.) แล้วจะไม่ลงโทษฟ้าวันใหม่ด้วยการปิดสถานี ผมเชื่อในสิ่งที่ผมทำว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและผมจะไม่ยอมแพ้ที่จะสู้ด้วยความจริง แต่ถ้าเราต้องยุติการออกอากาศอีกครั้ง จะกี่วันก็ตามเพราะผมพูดความจริง ก็คงไม่มีทางเลือกครับ นอกจากคิดว่าช่วงที่ยุติการออกอากาศผมจะไปทำอะไรดี” นายวิทเยนทร์ระบุ
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ทหารติดตาม พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ในระหว่างออกรายการช่องพีซทีวี ว่า เป็นการดำเนินการตามกรอบกฎหมาย ซึ่งพิจารณากันแล้วว่าไม่เหมาะสม เจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินการตามพื้นฐานของข้อมูลหลักฐาน แต่จะไม่ไปละเมิดก้าวก่ายใดๆ หากไม่มีความผิด และไม่พบการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ทางเจ้าหน้าที่ทหารจะไม่ไปเอาโทษใดๆ ในทางตรงกันข้าหากเราพบข้อมูล ก็จำเป็นมีต้องการตรวจสอบ โดยสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ ต้องให้ความร่วมมือ เพราะว่ากรอบการดำเนินการต่างๆ ก็เคยตกลงกันแล้วอย่างชัดเจน ประกอบกับทางคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ก็เป็นผู้รับผิดชอบควบคุมอยู่ด้วย
“สิ่งต่างๆ ที่ไม่ถูกต้อง ผิดกติกา ผิดกฎหมาย รวมทั้งการนำเสนอข่าวที่ทำให้เกิดความแตกแยกมีการโจมตีกัน และอะไรต่างๆ เจ้าหน้าที่รัฐคงยอมไม่ได้ ก็ต้องดำเนินการเป็นไปตามนั้น จึงขอให้ร่วมมือ และระมัดระวังในการนำเสนอข้อมูลให้ถูกต้องทำตามกติกาได้ ก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ทุกอย่างจะเดินไปตามปกติ แต่ถ้ามีข้อผิดพลาดอะไรเราจำเป็นจะเข้าไปดูแล” พล.อ.อุดมเดช กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารจะทำความเข้าใจกับ พล.อ.ชวลิต หรือไม่ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ก็คงเข้าใจกันอยู่แล้ว ท่านก็เคยเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาระดับสูงในกองทัพด้วย ทุกคนก็ให้ความเคารพ และให้เกียรติ รวมทั้งจากที่ฟังการสัมภาษณ์ของ พล.อ.ชวลิต ก็คิดว่าตัวท่านเองคงไม่ไปทำอะไร
** วอนเห็นใจพนักงาน 100 กว่าชีวิต
เมื่อเวลา 11.40 น. ที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล ทีมผู้ดำเนินรายการสถานีโทรทัศน์พีซทีวี นำโดยนายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ์ เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. และขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีเพิกถอนใบอนุญาตออกอากาศช่องรายการพีซทีวี โดยมีนายพีระ ทองโพธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน เป็นผู้รับมอบ
นายธนาวุฒิกล่าวว่า ที่มายื่นหนังสือ เพราะเห็นว่านายกฯ เป็นคนของพี่น้องประชาชน จึงอยากฝากถึงนายกฯ และ คสช.ให้ทบทวนเรื่องดังกล่าว เพราะคำสั่งที่ กสทช. สั่งปิดพีซทีวี โดยอ้างว่าเนื้อหาของรายการมองไกลเมื่อวันที่ 18 เม.ย.2558 นั้น ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. จึงมาขอความเป็นธรรม หากยังมีการปิดพีซทีวีต่อไป เราจำเป็นจะต้องยื่นหนังสือต่อไปเรื่อยๆ เพราะถึงแม้นายกฯ ต้องการให้ประเทศนี้ เป็นประชาธิปไตย แต่ยังปิดหูปิดตาประชาชนอยู่นั้น โลกก็ต้องทราบว่าประเทศนี้ต่อไปจะต้องปิดประเทศแช่แข็งประเทศแน่นอน
“เราจำเป็นต้องยื่นหนังสือให้กับนายกรัฐมนตรีไปบอกกับหัวหน้า คสช. ว่า อย่างไรเสีย ไปพูดคุยกับ กสทช. ด้วยว่าการที่ปิดพีซทีวีเป็นไปด้วยความเป็นธรรม หรือมีใครสั่งหรือไม่ การปิดพีซทีวี นอกจากพนักงานร้อยกว่าชีวิตแล้วมันอาจกระทบเป็นลูกโซ่กับญาติพี่น้อง ลูกเมียเป็นร้อยเป็นหมื่นชีวิตก็เป็นไปได้" นายธนาวุฒิกล่าว
เช่นเดียวกับ น.ส.อรุโณทัย ศิริบุตร หัวหน้าผู้ประกาศพีซทีวี ที่กล่าวว่า อยากขอความเป็นธรรมนายกฯ และให้ใช้อำนาจที่มี สั่งการ กสทช. ให้ใช้กระบวนการในการตรวจสอบเรื่องที่มีการสั่งปิด เพราะหากมองว่าเราทำผิดจริง ก็ควรให้เป็นไปตามกระบวนการไต่ระดับความผิด ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือน การปรับขั้นต้น ปรับขั้นสูง หรือการสั่งปิดชั่วคราวก่อนจะมีการสั่งปิดถาวร ซึ่งการปิดครั้งนี้ กสทช. ไม่ได้ทำหนังสือแจ้งเพื่อให้ไปชี้แจง ซึ่งกระบวนการที่ผ่านมา ก่อน กสทช. จะออกคำสั่งใดก็ตามทุกอย่างจะเป็นไปตามขั้นตอน แต่ครั้งนี้เราไม่ได้รับการปฏิบัติตามขั้นตอน
** “บิ๊กฟ้าวันใหม่” เปรยอาจโดนแบน 7 วัน
อีกด้าน นายวิทเยนทร์ มุตตามระ กรรมการผู้จัดการสถานีโทรทัศน์ฟ้าวันใหม่ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว "Vittayen Muttamara" ระบุหัวข้อว่า “หากสถานีฟ้าวันใหม่ ถูกปิด 7 วัน ในช่วงนั้นผมจะไปทำอะไรดี?” พร้อมเปิดเผยถึงรายละเอียดหลังการเข้าชี้แจงคณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการต่อ กสทช. เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า คณะอนุกรรมการฯ ด้านผังรายการและเนื้อหารายการ กสทช. ได้นำคลิป 4 คลิป จาก 3 รายการ มาเปิด เนื่องจากเห็นว่ามีเนื้อหาที่ขัดประกาศ คสช.ฉบับที่ 97 มีเนื้อหาที่ก่อให้เกิดความแตกแยก ไม่เสริมสร้างการปรองดอง
โดยอนุกรรมการฯ ท่านหนึ่ง มองว่า การนำกรณีที่ศาลพัทยาตัดสินให้จำคุกกลุ่มแกนนำ นปช.กรณีบุกทำลายการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่พัทยานั้น ถือเป็นการนำเหตุการณ์ในอดีตขึ้นมานำเสนอ แม้จะเป็นความจริง ก็ไม่สามารถกระทำได้ เพราะเป็นการสร้างความแตกแยกให้กับสังคม ซึ่งส่วนตัวมองแตกต่างออกไป และยืนยันว่าไม่ได้กระทำผิด เพราะแม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเอง ก็ยังเคยพูดถึงชายชุดดำอยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดงเลย อีกทั้งการจะเกิดการปรองดองได้นั้น สื่อและสังคมจะต้องพูดความจริง อย่างไรก็ตาม สำหรับรายการที่มีการพูดจาส่อเสียดอยู่บ้างนั้น ก็ได้รับมาปรับปรุง แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นใหญ่โตถึงขั้นต้องปิดสถานีชั่วคราว
“ผมยังหวังนะครับว่าเมื่ออนุกรรมการฯ เสนอเรื่องขึ้นไปที่คณะกรรมการชุดใหญ่ (กสท.) แล้วจะไม่ลงโทษฟ้าวันใหม่ด้วยการปิดสถานี ผมเชื่อในสิ่งที่ผมทำว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและผมจะไม่ยอมแพ้ที่จะสู้ด้วยความจริง แต่ถ้าเราต้องยุติการออกอากาศอีกครั้ง จะกี่วันก็ตามเพราะผมพูดความจริง ก็คงไม่มีทางเลือกครับ นอกจากคิดว่าช่วงที่ยุติการออกอากาศผมจะไปทำอะไรดี” นายวิทเยนทร์ระบุ