xs
xsm
sm
md
lg

ศาลอาญาใต้ชี้นักข่าวญี่ปุ่นและเสื้อแดงถูกยิงตาย แต่ไม่ทราบใครทำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่ง “ฮิโรยูกิ” นักข่าวญี่ปุ่น และ “วสันต์-ทศชัย” แนวร่วมเสื้อแดง ถูกยิงตายที่แยกคอกวัว เหตุการณ์ก่อความวุ่นวาย 10 เม.ย. 53 ด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด แต่ไม่ทราบใครเป็นผู้กระทำ

วันนี้ (30 เม.ย.) ที่ห้องพิจารณาคดี 604 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง ศาลอ่านคำสั่งคดีไต่สวนชันสูตรพลิกศพ หมายเลขดำ ช.1/2555 และคดีหมายเลขดำ ช.4/2555 ที่พนักงานอัยการ สำนักอัยการคดีพิเศษ ฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนการตายของนายฮิโรยูกิ มูราโมโต้ (Mr.Hiroyoki Muramoto) ช่างภาพสำนักข่าวรอยเตอร์ ชาวญี่ปุ่น ผู้ตายที่ 1, นายวสันต์ ภู่ทอง ผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ผู้ตายที่ 2 และนายทศชัย เมฆงามฟ้า ผู้ชุมนุม นปช. ผู้ตายที่ 3 ทั้งหมดถูกยิงเสียชีวิตบริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ถนนดินสอ เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 ในเหตุการณ์ขอคืนพื้นที่การชุมนุมของกลุ่มนปช. ของเจ้าหน้าที่ทหารสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่เชื่อว่าการตายเกิดขึ้นโดยการกระทำของเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ โดยขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าผู้ตายทั้งสามคือใคร ตายที่ไหน ตายเมื่อใด สาเหตุและพฤติกรรมการที่ตายเป็นอย่างไร ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 53 เวลา 20.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารซึ่งเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ได้ปฏิบัติการเพื่อขอเปิดเส้นทางจราจรถนนราชดำเนิน เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.ได้มีการชุมนุมปิดการจราจรบริเวณถนนดังกล่าว อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งและข้อกำหนดของ ศอฉ. เพื่อให้ประชาชนทั่วไปใช้สัญจรได้ตามปกติ โดยเจ้าพนักงานตั้งแนวปฏิบัติการอยู่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไปตามถนนดินสอจนถึงสี่แยกสะพานวันชาติ

ขณะที่เจ้าพนักงานกับกลุ่ม นปช.เกิดการปะทะผลักดันกันอยู่ ได้มีบุคคลขว้างระเบิดสังหารเข้าไปยังแนวปฏิบัติการของเจ้าพนักงาน บริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา จำนวน 2 ครั้ง เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายนาย จากนั้นเจ้าพนักงานจึงได้ถอยร่นปฏิบัติการจากบริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยามาตามถนนดินสอ จนถึงบริเวณซอยหลังโรงเรียนวัดบวรนิเวศน์ ใกล้กับสี่แยกสะพานวันชาติ โดยมีผู้ชุมนุมบางส่วนรวมทั้งผู้ตายทั้งสามได้ติดตามเจ้าพนักงานทหารถอยร่นเข้าไปด้วย ในระหว่างนั้นมีเสียงปืนดังตลอดเวลา เป็นเหตุให้ผู้ตายทั้งสามถูกยิงด้วยกระสุนปืนจนถึงแก่ความตาย

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยประการแรกว่า ผู้ตายทั้งสามคือใคร ตายที่ไหน และตายเมื่อใด ผู้ร้องมีญาติผู้ตายทั้งสามเบิกความยืนยันว่า ผู้ตายที่ 1 คือ นายฮิโรยูกิ มูราโมโต้ ผู้ตายที่ 2 คือ นายวสันต์ ภู่ทอง ผู้ตายที่ 3 คือนายทศชัย เมฆงามฟ้า สำหรับสถานที่พบศพผู้ตายทั้งสามนั้น เจ้าหน้าที่พยาบาลโรงพยาบาลวชิรพยาบาลซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในที่เกิดเหตุเบิกความยืนยันว่า พยานพบศพผู้ตายที่ 2 ซึ่งถูกยิงบริเวณศีรษะ ที่บริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา และพบร่างผู้ตายที่ 1 และที่ 3 ถูกยิงบริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยาเช่นกัน พยานตรวจสัญญาณชีพจรผู้ตายทั้งสามแล้วไม่พบสัญญาณชีพจร พยานหลักฐานที่ไต่สวนมารับฟังได้ว่า ผู้ตายที่ 1 คือนายฮิโรยูกิ มูราโมโต้ ผู้ตายที่2 คือนายวสันต์ ภู่ทอง ผู้ตายที่ 3 คือนายทศชัย เมฆงามฟ้า โดยผู้ตายทั้งสามเสียชีวิตที่ถนนดินสอ บริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่า สาเหตุและพฤติการณ์แห่งการตายของผู้ตายทั้งสามเป็นอย่างไร สำหรับสาเหตุการตายนั้นผู้ร้องมีแพทย์ผู้ตรวจศพผู้ตายทั้งสามยืนยันว่า ผู้ตายที่ 1 ตายเพราะเกิดจากบาดแผลกระสุนปืนที่มีความเร็วสูงเข้าที่บริเวณทรวงอกด้านซ้าย ทำลายปอด และหลอดเลือดแดงใหญ่ตัดซี่โครงด้านขวา และทะลุกล้ามเนื้อต้นแขนด้านขวา ออกบริเวณต้นแขนขวาด้านหลัง ไม่พบหัวกระสุนปืนในศพของผู้ตายที่1 ไม่สามารถบอกชนิดและขนาดกระสุนปืนได้ ผู้ตายที่ 2 ตายเพราะเกิดจากบาดแผลกระสุนปืนที่มีความเร็วสูง ยิงเข้าที่ศีรษะทำลายสมอง ทิศทางยิงมาจากหลังไปหน้า จากซ้ายไปขวา ไม่พบหัวกระสุนปืนในศพของผู้ตายที่ไม่สามารถบอกชนิดและขนาดของกระสุนปืนได้ ส่วนผู้ตายที่ 3 ตายเพราะเกิดจากบาดแผลกระสุนปืนที่มีความเร็วสูง ยิงเข้าบริเวณทรวงอกด้านซ้าย ทะลุหัวใจตัดซี่โครงด้านหลังออกบริเวณด้านหลังซ้าย ทิศทางการยิงจากหน้าไปหลัง ขวาไปซ้าย และไม่พบหัวกระสุนปืนในศพของผู้ตายที่ 3 จึงไม่สามารถบอกชนิดและขนาดของกระสุนปืนได้

ส่วนพฤติการณ์แห่งการตายนั้น ผู้ร้องมีเจ้าพนักงานตำรวจและผู้ที่ร่วมชุมนุมเบิกความว่า ไม่เห็นตัวบุคคลที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทั้งสาม สำหรับผู้ตายที่ 1 นั้นไม่สามารถระบุลักษณะท่าทางและตำแหน่งสุดท้ายขณะที่ผู้ตายถูกยิงได้ ประกอบกับผู้ร้องได้นำผู้เชี่ยวชาญด้านการถ่ายภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวเบิกความยืนยันว่า จากการตรวจสอบภาพในกล้องถ่ายรูปของนายฮิโรยูกิ เห็นว่าภาพสุดท้ายในกล้องเป็นการหยุดภาพโดยสมบูรณ์แบบซึ่งเป็นการใช้มือกดปุ่มหยุดการถ่ายภาพ ไม่ใช่เป็นการที่กล้องหยุดถ่ายภาพโดยการที่กล้องล้มลงหรือเกิดการกระทบกระเทือนจนได้รับความเสียหายหรือกล้องปิดเอง โดยระบบปฏิบัติการของกล้องรุ่นโซนี่ รุ่นเอสเอ็กซ์ ที่ผู้ตายใช้นั้น เป็นกล้องที่มีคุณภาพสูง ต้องเปิด-ปิดโดยช่างภาพ ไม่ใช่ระบบออโต้ จึงไม่อาจทราบได้ตำแหน่งสุดท้ายของผู้ตายที่ 1 นั้นอยู่ในตำแหน่งใด และกระสุนปืนที่ยิงผู้ตายที่ 1 มีแนววิถีกระสุนปืนมาจากทิศทางใด รวมทั้งในการชันสูตรศพของผู้ตายที่ 1 ก็ไม่พบหัวกระสุนในร่างกาย จึงไม่สามารถระบุชนิดและขนาดของกระสุนปืนได้

ส่วนผู้ตายที่ 2 นั้น ลักษณะท่าทางก่อนที่จะถูกยิงล้มลงและสภาพศพของผู้ตายที่ 2 ไม่สอดคล้องกันการตรวจร่องรอยกระสุนปืน ทั้งลักษณะการเหวี่ยงตัวของผู้ตายหลังสูญเสียการทรงตัว จึงไม่อาจทราบได้ว่ากระสุนปืนที่ยิงถูกผู้ตายที่ 2 มีแนววิถีกระสุนมาจากทิศทางใด ส่วนผู้ตายที่ 3 นั้นไม่สามารถระบุท่าทางและตำแหน่งที่ยืน รวมทั้งทิศทางที่ผู้ตายยืนได้ จึงไม่อาจทราบได้ว่ากระสุนปืนที่ยิงถูกผู้ตายที่ 3 มีแนววิถีกระสุนมาจากทิศทางใด อีกทั้งพยานผู้ร้องไม่มีใครเห็นคนยิงและไม่ทราบชนิดและขนาดของกระสุนปืน

ทั้งการตรวจสถานที่เกิดเหตุจากผู้เชี่ยวชาญพบเพียงร่องรอยที่เกิดจากการยิงของกระสุนปืนรวมจำนวนทั้งหมด 124 โดยแยกเป็นรอยยิงด้วยกระสุนปืนจำนวน 114 รอย ซึ่งร่องรอยส่วนใหญ่เป็นลักษณะมุมเงย ตั้งแต่บริเวณอนุสาวรีย์ฯ จนถึงหน้าประตูโรงเรียนสตรีวิทยา แต่ไม่พบเศษโลหะหรือชิ้นส่วนของลูกกระสุนปืนตกอยู่ในบริเวณใกล้เคียง จึงไม่ทราบว่ารอยใดถูกยิงออกมาจากตำแหน่งใดและทราบชนิดขนาดของอาวุธปืนที่ยิง รวมทั้งไม่ทราบว่าร่องรอยใดที่ยิงผ่านตำแหน่งสุดท้ายที่ผู้ตายทั้งสามอยู่ในขณะถูกยิงด้วย นอกจากนี้ ก่อนที่ผู้ตายทั้งสามจะถูกยิงปรากฏว่ามีเจ้าพนักงานบาดเจ็บล้มตายในบริเวณนั้นจากอาวุธสงครามเช่นกัน จากข้อเท็จจริงที่ได้วินิจฉัยมานั้นจึงทราบเพียงว่าผู้ตายทั้งสามตายเพราะถูกกระสุนปืนยิงแต่ไม่อาจทราบได้ว่ากระสุนปืนที่ยิงถูกผู้ตายทั้งสามมีแนววิถีกระสุนปืนมาจากทิศทางใด

จึงมีคำสั่งว่า นายฮิโรยูกิ ผู้ตายที่ 1 ถึงแก่ความตายบนถนนดินสอ หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา เมื่อวันที่ 10 เมษายน 53 เวลา 21.00 น. เหตุที่ทำให้ตายเพราะถูกยิงด้วยกระสุนปืนด้วยกระสุนปืนความเร็วสูงที่ไม่ทราบชนิดและขนาด เข้าที่ทรวงอกด้านซ้ายส่วนบน ทำลายปอดและหลอดเลือดแดงใหญ่ ซึ่งกระสุนทะลุออกต้นแขนขวาด้านหลัง ส่วนนายวสันต์ ผู้ตายที่ 2 ถึงแก่ความตายที่บนถนนดินสอ หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา เสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 เมษายน เวลา 21.00 น. เหตุที่ทำให้ตายเพราะถูกยิงด้วยกระสุนปืนความเร็วสูงไม่ทราบชนิดและขนาดเข้าที่บริเวณศีรษะด้านซ้าย ส่วนหลังส่วนบนทะลุกะโหลกศีรษะและตัดเนื้อสมอง กระสุนทะลุออกด้านหน้า

และนายทศชัย ผู้ตายที่ 3 ถึงแก่ความตายในวันและเวลาเดียวกัน บนถนนดินสอ หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา เหตุที่ทำให้ตายเพราะถูกยิงด้วยกระสุนปืนที่ไม่ทราบชนิดและขนาด เข้าที่ทรวงอกด้านหลังซ้าย ทะลุตัดกระดูกซี่โครง ทะลุหัวใจและตัดซี่โครงด้านหลัง ซึ่งกระสุนทะลุออกด้านหลังซ้าย ขณะที่การเสียชีวิตของผู้ตายทั้งสามรายไม่ทราบว่าใครเป็นผู้กระทำ และไม่อาจทราบได้ว่ากระสุนปืนที่ยิงมีแนววิถีมาจากทางใด

ภายหลังนายเจษฎา จันทร์ดี ทนายความของญาติผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเคารพในคำตัดสินของศาล แต่ทางพนักงานสอบสวนและอัยการได้นำพยานหลักฐานเข้าสืบอย่างชัดเจนว่าผู้ตายทั้งสามเสียชีวิตจากฝีมือของเจ้าหน้าที่ทหาร รวมทั้งก่อนหน้านี้ศาลอาญากรุงเทพใต้ก็เคยมีคำสั่งในคดีชั้นสูตรพลิกศพของนายจรูญ ฉายแม้น และนายสยาม วัฒนนุกูล ซึ่งเป็นกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ถูกยิงเสียชีวิตในเหตุการณ์เดียวกันและบริเวณเดียวกัน โดยศาลให้เหตุผลว่ากระสุนปืนที่ยิงถูกผู้ตายทั้งสองนั้นมีวิถีกระสุนปืนที่ยิงมาจากฝ่ายเจ้าพนักงานที่ถอยร่นจากแนวป้องกันบริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยาไปที่บริเวณซอยข้างวัดบวรนิเวศน์ ใกล้แยกสะพานวันชาติ โดยยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ลงมือกระทำ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะแจ้งให้ทางสถานทูตญี่ปุ่นและครอบครัวของนายฮิโรยูกิให้ทราบ พร้อมทั้งจะศึกษาข้อกฎหมายว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

ด้านนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช.ซึ่งมาร่วมฟังคำสั่งด้วย กล่าวว่า เคารพคำสั่งของศาลแต่ก็รู้สึกผิดหวัง เพราะเห็นชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ทหารครอบครองพื้นที่โดยสิ้นเชิง และวิถีกระสุนก็ระบุชัดเจนว่ามาจากฝั่งเจ้าหน้าที่ และคณะทำงานสอบสวนคดีนี้ก็เป็นคณะกรรมการชุดใหญ่ ซึ่งผลชันสูตรศพก็ระบุชัดว่าบาดแผลของผู่ตายทั้งสามเกิดจากกระสุนปืน 5 มม.ที่เป็นปืนของทางการทหาร ไม่ใช่ 7 มม.ซึ่งเป็นกระสุนของปืนอาก้าที่มีคนกล่าวอ้างว่ากลุ่มชายชุดดำใช้ เราไม่อยากให้เกิดการเสียชีวิตบนถนนและความจริงหายไป ดังนั้น ถ้าจะก้าวข้ามความขัดแย้งต้องทำความจริงให้ปรากฎ

ขณะที่ นพ.เหวง โตจิราการ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ คสช.นำเจ้าหน้าที่ทหารเข้าควบคุมการออกอากาศของช่องพีซทีวีว่า การที่ คสช.นำเจ้าหน้าที่ทหารมาควบคุมในการห้ามเผยแพร่คำพูดของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี มาออกอากาศในช่องพีซทีวีซ้ำนั้นจะทำให้ คสช.เสียคะแนนต่อประชาชนและสายตาชาวโลก

ด้านนายกลิ่น เทียนยิ้ม อายุ 53 ปี พี่ชายของนายวสันต์เปิดเผยว่า ตนรู้สึกเสียใจที่คำสั่งของศาลออกมาเป็นแบบนี้ ทั้งที่มีพยานหลักฐานชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าควบคุมพื้นที่บริเวณดังกล่าวทั้งหมด และก็มีพยานเห็นเจ้าหน้าที่เล็งปืนมายังผู้ตายอีกด้วย

ส่วนนางสุนันทา ปรีชาเวทย์ พี่สาวของนายทศชัยเปิดเผยว่า รู้สึกผิดหวังและเสียความรู้สึก ตนรอคอยมาถึง 5 ปี เพื่อที่จะได้ทราบว่าใครยิงน้องของตนตาย แต่ในเมื่อผลมันออกมาเป็นแบบนี้ก็ต้องยอมรับ โดยจะคุยกับทนายความอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น