xs
xsm
sm
md
lg

ตัดตอน “ชินวัตร” ทั้งโคตร ฝันหวานของคนชื่อ “จิ๋ว”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวการเมือง

พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ
ป้อมพระสุเมรุ


กลับมาป้วนเปี้ยนอยู่บนกระดานการเมืองอีกครั้ง สำหรับ “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี หลังเดินสายตัดริบบิ้นงานนู้นงานนี้ถี่ยิบ อย่างล่าสุดจัดอีเว้นท์ประหนึ่งเป็นผู้นำประเทศ ดอดลงไปพบชาวนาที่ศาลาการเปรียญวัดบางยี่โท ต.บางยี่โท อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา อันเป็นหนึ่งในฐานทัพสำคัญของกลุ่มคนเสื้อแดง

คิวงานแน่นเอี๊ยดอย่างกับนักการเมือง ยังไม่นับรวมก่อนหน้านี้ ตั้งแต่กรณีไปวางพวงหรีดและเยี่ยมเยียนกำลังพลของผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) ที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ก่อนจะเกิดเหตุคาร์บอมบ์ลานจอดรถ บริเวณห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล จนถูกพาดพิงต้องออกหน้ามาปัดเป็นพัลวัน

มีชื่อไปพัวพันกับเหตุ “คาร์บอมบ์” ยังไม่ทันจาง “บิ๊กจิ๋ว” ยังโผล่ไปเป็นประธานในงานเลี้ยงสังสรรค์ครบรอบ 7 ปี การก่อตั้งชมรมปิยะมิตรไทย และรำลึกครบรอบ 28 ปี การเข้าร่วมพัฒนาชาติไทยของอดีตกลุ่มโจรคอมมิวนิสต์มลายา (จคม.) ที่โรงแรมลีการ์เดนส์ พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ทั้งที่รู้ว่า ฝ่ายความมั่นคงสั่งเกาะติดตลอด 24 ชั่วโมง

เป็นการเดินสายที่ถี่จนผิดสังเกต แม้ความจริงแล้วในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมานี้ “บิ๊กจิ๋ว” จะตระเวนพบบรรดา ผรท. เหล่านี้อยู่ตามภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ ในฐานะที่มีส่วนร่วมนำคนเหล่านี้ออกมาจากป่ามาอยู่ในนามผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศที่ “พ่อใหญ่จิ๋ว” ลงพื้นที่จนทางเลื่อม

อดีต ผรท. เหล่านี้กระจายกันอยู่ทั่วประเทศไทย แต่มีมากในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ได้มีการจัดตั้ง “สมาพันธ์ ผรท.” ขึ้นมาเป็นกิจจะลักษณะ

แม้ที่ผ่านมาคนภายนอกจะมองว่า กลุ่มคนพวกนี้มักมาเรียกร้องรัฐบาลขอให้ช่วยเหลือความเดือดร้อนต่างๆ ที่ทำเนียบรัฐบาล จนมีคนแซวว่า “มาขอเงินอีกตามเคย” ทว่า จุดมุ่งหมายของการรวมกลุ่มกันไม่ได้มีแค่นั้น เพราะมีการจับตามองว่า ผรท.เหล่านี้คือ มวลชนที่สามารถนำมากดดันหรือต่อรองเพื่ออะไรบางอย่างได้

อย่าลืมว่า ผรท.บางส่วนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกับกลุ่มคนเสื้อแดง เหมือนที่รู้กันว่า ภาคอีสานถิ่นใคร นอกจากนี้ ใน ผรท.ยังเป็นกลุ่มเกษตรกรจำนวนไม่น้อย ซึ่งจะว่าไป ไม่ใช่บุคคลที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับรัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือพรรคประชาธิปัตย์เลย

ช่วงระยะเวลาหลายปีมานี้ “บิ๊กจิ๋ว” เฝ้าลงเยี่ยมเยียนกำลังพลอย่างไม่ขาดสาย เพียงแต่ไม่ปรากฏเป็นข่าว กระทั่งระยะนี้กลับเกิดปรากฎการณ์เสมือน “จงใจให้เป็นข่าว” ไม่เว้นแม้กระทั่งการร่วมรับประทานอาหารกับแกนนำ นปช.ก่อนที่ “พีซทีวี” จะจอดำ

กระนั้นก็ตาม ยิ่งน่าสนใจ เมื่อการเคลื่อนไหวของ “บิ๊กจิ๋ว” เกิดขึ้นในช่วงที่ “นายใหญ่” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังถูกไล่ต้อนจากขั้วอำนาจในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคดีความที่บรรดาแกนนำในพรรคกำลังถูกเช็กบิล หรือกระทั่งกติกาฉบับใหม่อย่างร่างรัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นมาเพื่อ “ตัดตอนระบอบทักษิณ”

ภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ หากไม่มีการแก้ไขเรื่องระบบเลือกตั้งแบบเยอรมัน ทั้ง “เพื่อไทย” และ “ประชาธิปัตย์” จะถูกจำกัดจำนวน ส.ส.โดยอัตโนมัติ เพราะมีการเกลี่ยให้พรรคขนาดกลางและพรรคขนาดเล็ก การที่ “เพื่อไทย” หรือ “ประชาธิปัตย์” จะชนะแบบขาดลอยไม่เห็นฝุ่นจะไม่เกิดขึ้นอีก

ในขณะที่สภาพของรัฐบาลจะถูกไฟต์บังคับให้เป็น “รัฐบาลผสม” จากเดิมอำนาจในการเกลี่ยเก้าอี้รัฐมนตรีหรือเก้าอี้สำคัญต่างๆ จากที่เคยผูกขาดอยู่ในมือ “พรรคใหญ่” อย่างเดียว จะกลับกลายเป็นพรรคขนาดกลางและพรรคขนาดเล็กสามารถต่อรองและ “เล่นตัว” ได้มากขึ้น

เผด็จการรัฐสภาแม้จะไม่หายไปหมดเสียทีเดียว แต่ก็ไม่สามารถที่จะเฮโลทำอะไรกันได้ตามใจชอบเหมือนเดิม งานนี้พรรคใหญ่อย่าง “เพื่อไทย” และ“ประชาธิปัตย์” มีแต่กระอัก

นอกจากระบบเลือกตั้งที่เสมือนเข้ามา “บอนไซ” พรรคเพื่อไทยทางอ้อมแล้ว กติกาเรื่องคุณสมบัติต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฉบับใหม่ ยังเป็นดังการตอกลิ่มซ้ำสอง บรรดาแกนนำแถวหนึ่งและแถวสองหลายรายจะหมดสิทธิ์เข้าสู่เวทีการเมืองไปจำนวนไม่น้อย

โดยเฉพาะตัวเลือกใน “ตระกูลชินวัตร” ซึ่งที่ผ่านมา “นายใหญ่” จะคัดเอาเฉพาะคนตระกูลขึ้นมาเป็นผู้นำในฐานะที่ “คอนโทรล” ได้ และ “ไว้ใจได้” แต่มาวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี หรือ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พอจะปัดฝุ่นกลับมาใช้ ถูกลากขึ้นไปรอบนแท่นประหารที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหมดแล้ว อนาคตบนเส้นทางนี้แทบจะ “ปิดประตูตาย”

มีการคาดการณ์ว่า เมื่อระบบเลือกตั้งใหม่กำเนิดขึ้น “เพื่อไทย” อาจใช้วิธีการ “รวมกันเราตาย กระจายกันเราอยู่” โดยให้มีการแตกแขนง “พรรคนอมินี” ขึ้นมาตามแต่ละภาค แล้วไหลไปรวมกันใน “รัฐสภา” แม้จะชื่อเสียงเรียงนามไม่เหมือนกัน แต่นอมินีเหล่านี้ต่างเป็นเนื้อเดียวกันทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันในขณะที่ “เพื่อไทย” กำลังรุมสกรัมร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้แบบออกรส ราวกับกลัวจนขึ้นสมอง โดยไม่รู้ว่า ท้ายที่สุดเสียงท้วงติงเหล่านี้จะดังไปจนทำให้ฝ่ายผู้มีอำนาจเปลี่ยนใจได้หรือไม่ แต่ด้วยสไตล์ “จิ้งจก” ที่พร้อมปรับสภาพตัวเองได้ทุกสภาพแวดล้อม ทำให้มีการจับตาว่า “นายใหญ่” เองก็พร้อมทำตัวเป็นกิ้งก่าปรับตัวกับกติกาฉบับใหม่ที่จะมีขึ้นเหมือนกัน

จนมีการส่องสปอร์ตไลต์มาที่การเคลื่อนไหวของ “บิ๊กจิ๋ว” ว่า อาจเป็นส่วนหนึ่งของ “เกม” นี้หรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เปิดโอกาสให้ “กลุ่มการเมือง” ลงเลือกตั้งได้

น่าสนใจ เพราะขณะนี้ “บิ๊กจิ๋ว” เข้าไปสุงสิงกับกลุ่มนปช.แบบออกนอกหน้านอกตาจนแทบเป็น “หัวหน้านปช.” คนใหม่ไปแล้ว ขณะที่แกนนำนปช.คนอื่นๆ เป็นเหมือนลูกทีม ไม่ว่าจะเป็น “ตุ๊ดตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. หรือ “บักเต้น” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตรมช.พาณิชย์

เป็นไปได้หรือไม่ที่ “บิ๊กจิ๋ว” จะเป็นคนถือธงนำในนาม “กลุ่มการเมือง” เพราะมีฐานเสียงเดียวกับของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นนปช. ผรท. และกลุ่มเกษตรกร

“นายใหญ่” จะแยกกันตี ทั้ง “พรรคเพื่อไทย” “พรรคนอมินี” และ “กลุ่มการเมือง” ในเมื่อรวมกันแล้วถูกจำกัด จึงต้องปรับเปลี่ยนสภาพ

ในวันที่คนใน “ตระกูลชินวัตร” ถูกสกัดทางการเมืองทุกคน ไร้หัวที่จะมากุมสภาพมวลชน วันนี้ “บิ๊กจิ๋ว” ที่ยังพอมีเพาเวอร์อยู่บ้าง โดยเฉพาะการมีอดีตนายทหารใหญ่ที่มีลูกน้องเกลื่อนกลาดทั้งในและนอกราชการ มีมวลชนที่เป็นเนื้อเดียวกับคนเสื้อแดง ซึ่งแม้โดยส่วนตัวแม้ไม่ป๊อปปูล่า แต่สามารถสร้างราคาตัวเองทางการเมืองได้

ในวันที่ “นายใหญ่” ไม่มีตัวเลือกในเครือญาติ ในขณะที่ “บิ๊กจิ๋ว” กำลังสร้างต้นทุนในหน้าตักตัวเอง การกลับมาครั้งนี้อาจเป็นการตีธงส่งสัญญาณว่า พร้อมเป็นของ“ขึ้นห้าง” ตัวใหม่ ในวันที่ “นายใหญ่” ถูกจำกัดพื้นที่.
กำลังโหลดความคิดเห็น