“หมอมงคล” อดีต รมว.สธ. ชี้เป้า “สธ.- ภาค ปชช.” อ่อนกำลัง ส่งผลผลักดัน กม. เหล้า - บุหรี่ สุดยืดเยื้อ จี้เข้มแข็งมากขึ้น ลั่นต้องผ่านร่าง กม. ให้ได้ใน รบ. ชุดพิเศษนี้ ย้อนถามสมาคมกีฬาค้านห้ามรับงบสปอนเซอร์ บ.น้ำเมา ต้องการพัฒนานักกีฬาหรือความฟุ่มเฟือย ย้ำพัฒนาทักษะ - วินัยนักกีฬา ไม่ต้องใช้เงินมาก ซื้อตัวนักกีฬาแพงหูฉี่ไม่เท่าพัฒนานักกีฬาไทยเอง
วันนี้ (10 ก.พ.) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชัน นพ.มงคล ณ สงขลา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และอดีตประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวในเวทีเสวนา “ทบทวน 7 ปี พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551” จัดโดยสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) ว่า กว่าจะผลักดันร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ออกมาเป็นกฎหมายได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันเป็นเวลานานจึงจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) และ สนช. ได้ เนื่องจากมีแรงต้านจากธุรกิจแอลกอฮอล์ขนาดใหญ่ ซึ่งก็มีนอมินีมานั่งอยู่ในสภาด้วย อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในการออกกฎหมายดังกล่าวกว่า 60% เกิดจากประชาชนที่รวมพลังในการขับเคลื่อน โดยร่วมลงชื่อสนับสนุนมากกว่า 13 ล้านคน
“กฎหมายนี้จะครบรอบ 7 ปี ในวันที่ 14 ก.พ. 2558 ส่วนตัวมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญทำให้สังคมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ช่วยลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลงได้ ประชาชนเกิดความตระหนัก ทราบถึงข้อกฎหมายและยินดีให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมากขึ้น ช่วยให้อุบัติเหตุลดลง ความเสียหายความสูญเสียลดลง ป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ ส่วนสิ่งที่เป็นห่วงในขณะนี้คือการโฆษณาชักจูงใจของบริษัทน้ำเมาที่มุ่งเป้าเพิ่มนักดื่ม” นพ.มงคล กล่าว
นพ.มงคล กล่าวอีกว่า ช่วงนี้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กำลังเร่งผลักดันร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับแก้ไข และร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ ซึ่งก็มีแรงต้านจากกลุ่มธุรกิจเป็นเรื่องปกติ เพราะกลุ่มเหล่านี้เตรียมตัวตอบโต้ตลอด 24 ชั่วโมง ขณะที่ทางเราทำได้เพียงแต่ข้อมูลทางด้านวิชาการ ซึ่งปัญหาในการออกกฎหมายครั้งนี้ มองว่า ภาคประชาชนที่ร่วมผลักดันในการออกกฎหมาย แม้กระทั่ง สธ. เองอ่อนกำลังลง ขณะที่รัฐบาลเองก็ไม่ได้สนับสนุนชัดเจนเหมือนสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ขอให้กำลังใจทุกฝ่ายให้อดทน ไม่ท้อถอย และเข้มแข็งมากขึ้น ส่วนฝ่ายนโยบายต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุด อย่าให้ธุรกิจแอลกอฮอล์เข้ามามีอิทธิพล และต้องดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพราะหากไม่ผ่านร่างกฎหมายในช่วงรัฐบาลชุดพิเศษเช่นนี้ ในวาระปกติคงไม่สามารถผลักดันร่างกฎหมายออกมาได้อีกแล้ว จะเห็นได้ว่ากฎหมายดีๆ เพื่อประชาชนล้วนถูกผลักดันออกมาในช่วงวาระพิเศษเช่นนี้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีสมาคมกีฬาต่างๆ ออกมาคัดค้านข้อเสนอกฎหมายห้ามสมาคมกีฬารับเงินสนับสนุนจากกลุ่มธุรกิจน้ำเมา ในร่างแก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยระบุว่าสมาคมมีเงินไม่มาก ที่มีอยู่นั้นไม่เพียงพอ จำเป็นต้องรับเงินสนับสนุนนั้น นพ.มงคล กล่าวว่า คงต้องถามกลับว่าเงินสนับสนุนที่ต้องการนั้นนำมาเพื่อพัฒนานักกีฬาจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่ต้องการความวิลิศมาหรา ความฟุ่มเฟือย อย่างเสื้อผ้าแฟชั่นใหม่ๆ ให้นักกีฬา การอำนวยความสะดวกให้แก่ทีมกีฬา รวมถึงคนดูที่เข้ามารับชม เพราะจริงๆ แล้วกีฬาก็คือกีฬา ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก เพราะค่าเดินทางต่างๆ ปัจจุบันก็ไม่ได้ถือว่ามาก เชื่อว่า งบการสนับสนุนจากรัฐบาลที่มีอยู่ก็น่าจะเพียงพอ ส่วนที่จะต้องจ้างโค้ชราคาแพง หรือซื้อตัวนักกีฬาราคาแพงมาประดับทีมมองว่า หากต้องการพัฒนากีฬาในประเทศจริงๆ จำเป็นต้องจ้างคนอื่นมามากกว่าพัฒนาทักษะนักกีฬาของคนในชาติเราเองจริงหรือ เพราะเชื่อว่าการฝึกทักษะนักกีฬา หรือความมีวินัยต่างๆ ไม่ได้จำเป็นต้องใช้เงินมากเลย
ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผอ.สคล. กล่าวว่า ที่ยังเป็นปัญหา คือ บริษัทเหล้าทำการตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งการทำ CSR การเป็นสปอนเซอร์ การโฆษณา ลดแลกแจกแถม โดยอาศัยช่องว่างของกฎหมาย บางรายตั้งบริษัทลูกบังหน้าเพื่อรับผิดแทน สะท้อนได้จากการดำเนินงานตลอดปี 2557 มีการรับเรื่องร้องเรียนการกระทำผิดกฎหมาย ผ่านศูนย์รับเรื่องร้องเรียนบุหรี่และสุรามากถึง 3,839 ครั้ง และการดำเนินคดี 620 ราย ฐานความผิดอับดับ 1 คือ โฆษณาสื่อสารการตลาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในงานตัวแทนจากเครือข่ายงดเหล้าและภาคีกว่า 264 องค์กร ได้ร่วมกันอ่านแถลงการณ์ประกาศเจตนารมณ์ สนับสนุน พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ฉบับใหม่ด้วย เนื่องจากเห็นว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความสูญเสียมหาศาลให้กับสังคมและประเทศชาติไม่น้อยไปกว่าปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยพบว่าบุหรี่มีความเชื่อมโยงไปสู่ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เป็นเสมือนประตูบานแรกก่อนที่จะเข้าหาอบายมุขอื่น
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (10 ก.พ.) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชัน นพ.มงคล ณ สงขลา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และอดีตประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวในเวทีเสวนา “ทบทวน 7 ปี พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551” จัดโดยสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) ว่า กว่าจะผลักดันร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ออกมาเป็นกฎหมายได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันเป็นเวลานานจึงจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) และ สนช. ได้ เนื่องจากมีแรงต้านจากธุรกิจแอลกอฮอล์ขนาดใหญ่ ซึ่งก็มีนอมินีมานั่งอยู่ในสภาด้วย อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในการออกกฎหมายดังกล่าวกว่า 60% เกิดจากประชาชนที่รวมพลังในการขับเคลื่อน โดยร่วมลงชื่อสนับสนุนมากกว่า 13 ล้านคน
“กฎหมายนี้จะครบรอบ 7 ปี ในวันที่ 14 ก.พ. 2558 ส่วนตัวมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญทำให้สังคมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ช่วยลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลงได้ ประชาชนเกิดความตระหนัก ทราบถึงข้อกฎหมายและยินดีให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมากขึ้น ช่วยให้อุบัติเหตุลดลง ความเสียหายความสูญเสียลดลง ป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ ส่วนสิ่งที่เป็นห่วงในขณะนี้คือการโฆษณาชักจูงใจของบริษัทน้ำเมาที่มุ่งเป้าเพิ่มนักดื่ม” นพ.มงคล กล่าว
นพ.มงคล กล่าวอีกว่า ช่วงนี้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กำลังเร่งผลักดันร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับแก้ไข และร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ ซึ่งก็มีแรงต้านจากกลุ่มธุรกิจเป็นเรื่องปกติ เพราะกลุ่มเหล่านี้เตรียมตัวตอบโต้ตลอด 24 ชั่วโมง ขณะที่ทางเราทำได้เพียงแต่ข้อมูลทางด้านวิชาการ ซึ่งปัญหาในการออกกฎหมายครั้งนี้ มองว่า ภาคประชาชนที่ร่วมผลักดันในการออกกฎหมาย แม้กระทั่ง สธ. เองอ่อนกำลังลง ขณะที่รัฐบาลเองก็ไม่ได้สนับสนุนชัดเจนเหมือนสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ขอให้กำลังใจทุกฝ่ายให้อดทน ไม่ท้อถอย และเข้มแข็งมากขึ้น ส่วนฝ่ายนโยบายต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุด อย่าให้ธุรกิจแอลกอฮอล์เข้ามามีอิทธิพล และต้องดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพราะหากไม่ผ่านร่างกฎหมายในช่วงรัฐบาลชุดพิเศษเช่นนี้ ในวาระปกติคงไม่สามารถผลักดันร่างกฎหมายออกมาได้อีกแล้ว จะเห็นได้ว่ากฎหมายดีๆ เพื่อประชาชนล้วนถูกผลักดันออกมาในช่วงวาระพิเศษเช่นนี้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีสมาคมกีฬาต่างๆ ออกมาคัดค้านข้อเสนอกฎหมายห้ามสมาคมกีฬารับเงินสนับสนุนจากกลุ่มธุรกิจน้ำเมา ในร่างแก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยระบุว่าสมาคมมีเงินไม่มาก ที่มีอยู่นั้นไม่เพียงพอ จำเป็นต้องรับเงินสนับสนุนนั้น นพ.มงคล กล่าวว่า คงต้องถามกลับว่าเงินสนับสนุนที่ต้องการนั้นนำมาเพื่อพัฒนานักกีฬาจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่ต้องการความวิลิศมาหรา ความฟุ่มเฟือย อย่างเสื้อผ้าแฟชั่นใหม่ๆ ให้นักกีฬา การอำนวยความสะดวกให้แก่ทีมกีฬา รวมถึงคนดูที่เข้ามารับชม เพราะจริงๆ แล้วกีฬาก็คือกีฬา ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก เพราะค่าเดินทางต่างๆ ปัจจุบันก็ไม่ได้ถือว่ามาก เชื่อว่า งบการสนับสนุนจากรัฐบาลที่มีอยู่ก็น่าจะเพียงพอ ส่วนที่จะต้องจ้างโค้ชราคาแพง หรือซื้อตัวนักกีฬาราคาแพงมาประดับทีมมองว่า หากต้องการพัฒนากีฬาในประเทศจริงๆ จำเป็นต้องจ้างคนอื่นมามากกว่าพัฒนาทักษะนักกีฬาของคนในชาติเราเองจริงหรือ เพราะเชื่อว่าการฝึกทักษะนักกีฬา หรือความมีวินัยต่างๆ ไม่ได้จำเป็นต้องใช้เงินมากเลย
ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผอ.สคล. กล่าวว่า ที่ยังเป็นปัญหา คือ บริษัทเหล้าทำการตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งการทำ CSR การเป็นสปอนเซอร์ การโฆษณา ลดแลกแจกแถม โดยอาศัยช่องว่างของกฎหมาย บางรายตั้งบริษัทลูกบังหน้าเพื่อรับผิดแทน สะท้อนได้จากการดำเนินงานตลอดปี 2557 มีการรับเรื่องร้องเรียนการกระทำผิดกฎหมาย ผ่านศูนย์รับเรื่องร้องเรียนบุหรี่และสุรามากถึง 3,839 ครั้ง และการดำเนินคดี 620 ราย ฐานความผิดอับดับ 1 คือ โฆษณาสื่อสารการตลาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในงานตัวแทนจากเครือข่ายงดเหล้าและภาคีกว่า 264 องค์กร ได้ร่วมกันอ่านแถลงการณ์ประกาศเจตนารมณ์ สนับสนุน พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ฉบับใหม่ด้วย เนื่องจากเห็นว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความสูญเสียมหาศาลให้กับสังคมและประเทศชาติไม่น้อยไปกว่าปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยพบว่าบุหรี่มีความเชื่อมโยงไปสู่ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เป็นเสมือนประตูบานแรกก่อนที่จะเข้าหาอบายมุขอื่น
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่